18 ส.ค. เวลา 06:28 • ปรัชญา
เรื่องสมมุติ นำพาไปหาพระวิมุตติ เราก็มีพระพุทธรูป องค์น้อยๆ ในบ้าน ..เราก็กราบไหว้ ..นำกายบิดามารดา ที่จิตเราอาศัย นำกราบไหว้ นอบน้อม ระถึงออกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน และพระอัครสาวก พระโมคคัลลา พระสารีบุตร พระอานนท์ พระโกณฑัญญะ พระสีวลี มีหลายๆพระองค์ที่เป็นพระอรหันต์ เราก็นอบน้อมกราบ ด้วยความเต็มใจ ทำบุญถวายวา
ไว้หน้าพระ เราก็ทำด้วย กายวาจาใจ ครบถ้วน ไม่เรียกร้อง ให้กรรมมันเพิ่มพูน .ทำไปเพื่อนำพาจิตไป หาพระวิมุตติ
หากไม่มีศรัทธาอะไรเลย มันก็ไม่สามารถ นำกายที่จิตตนอาศัย ไปนั่งหน้าพระ นั่งพับเพียบเรียบร้อย กล่าว วาจา พูดออกไปได้ จิตข้าพเจ้า อาศัยอยู่ในเรือนกายของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าได้นำกายบิดามารดา มานั่งพับเพียบ
ก่อนจากกราบ ก็พูด ให้หูเราได้ยิน ว่าจะกราบใคร กราบอย่างไร ให้ถึงพระ ..เอากิริยาดีๆ มากราบพระ มีนบ่งบอกอะไรตั้งอย่าง ตั้งแต่ มานั่งหน้าพระ ..บันทึกการกระทำของตัวเอง ที่อาศัยกายนี้ชั่วขณะหนึ่ง ก็มีเพียง เวลาสั้นๆ ที่มานั่งหน้าพระ เวลาที่ทำจิตทำใจให้สงบ ..เราก็ทำให้กายนั้นสงบ จิตสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่มีอารมณ์ ชั่วขณะหนึ่ง ก็ยังดี ..แม้เสี้ยวนาที ก็ยังดี ที่จิตปราศจากอารมณ์กรรม เวลาอื่นนอกนั้น กิริยาท่าทางกายวาจาใจ มีแต่อารมณ์ ตามกระแสอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่กาย
มีพระท่านบอกเราบ่อยๆ เรื่องการสวดกราบพระ สวดมนต์ ภาวนา มิใช่เราจะทำคนเดียว มันเหมือนมีคนจ้องมองเราอยู่ ..มีครั้งหนึ่ง ระหว่างที่สวดมนต์ ก็มีคนชุดแดงมานั่งจ้าง เราก็ถามพระ ว่าใคร่ ท่านก็บอกว่า ข้างบ้านจะมีคนตาย เค้ามาตรวจบัญชี รับจิตที่ออกจากกาย ไป ..สถานที่ที่ มีการตัดสิน ..เรื่องราวพวกนี้ท่านจึงบอกให่สำรวมกายและจิต แต่นั่นแหละ หากเราไม่เคยเจอะเจอ เรื่องราวเหล่านี้ ..เราก็ไม่เชื่อว่า การสวดมนต์ จะมีใครเค้ามาอนุโมทนา..
โฆษณา