Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Unheard Words | เสียงในหมอก
•
ติดตาม
20 ส.ค. เวลา 11:46 • ความคิดเห็น
L1 : Part A-นิยาม “พัฒนาแล้ว” แบบวัดได้ (Master KPIs) : (ตอน A.1-A.2)
A.1 บทนำ: ความจำเป็นในการนิยาม “พัฒนาแล้ว” อย่างชัดเจน
การกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศจำเป็นต้องมี จุดหมายที่ชัดเจน มิฉะนั้นยุทธศาสตร์ชาติจะเสี่ยงกลายเป็นเพียง “เอกสารเชิงนโยบาย” ที่ไม่อาจวัดผลและตรวจสอบได้ ปัญหาที่เกิดซ้ำซากในบริบทไทยตลอดหลายทศวรรษคือ คำว่า “ประเทศพัฒนาแล้ว” ถูกใช้เป็นเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่มีการระบุเกณฑ์ที่แน่ชัดว่าหมายถึงอะไรในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ผลที่ตามมาคือ การถกเถียงด้านนโยบายกลับวนอยู่กับประเด็นทางการเมืองมากกว่าการวัดผลที่เป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น รัฐบาลหนึ่งอาจประกาศความสำเร็จโดยอ้างอิงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งอาจชี้วัดด้วยระดับการลงทุนจากต่างประเทศ หรือรายได้เกษตรกร ผลลัพธ์คือ ความไม่ต่อเนื่องทางนโยบายและการขาด “มาตรฐานร่วม” ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการก้าวออกจาก “กับดักรายได้ปานกลาง” (Middle Income Trap) และบรรลุสถานะประเทศพัฒนาแล้วภายในทศวรรษหน้า การนิยามอย่างเป็นระบบและวัดผลได้จึงเป็น “เงื่อนไขเบื้องต้น” ที่ไม่อาจละเลยได้ นิยามนี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็น เข็มทิศเชิงกลยุทธ์ (Strategic Compass) แต่ยังเป็น เกณฑ์วัดความรับผิดชอบของรัฐบาล (Accountability Standard) ต่อประชาชนทั้งประเทศ
A.2 ภาวะกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) และความท้าทายของไทย
A 2.1 ความหมายของกับดักรายได้ปานกลาง
“กับดักรายได้ปานกลาง” หมายถึง สถานการณ์ที่ประเทศหนึ่ง ๆ สามารถพัฒนาเศรษฐกิจจนหลุดพ้นจากความยากจนและมีรายได้ระดับปานกลางได้ แต่กลับไม่สามารถก้าวต่อไปสู่รายได้สูง เนื่องจาก ขีดจำกัดด้านผลิตภาพ แรงงานทักษะ และโครงสร้างสถาบัน
ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะยุทธศาสตร์การเติบโตระยะแรกของประเทศกำลังพัฒนามักพึ่งพาแรงงานราคาถูกและการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เมื่อค่าจ้างเพิ่มขึ้น ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลง หากไม่สามารถสร้างนวัตกรรมและยกระดับผลิตภาพ ประเทศจะ “หยุดนิ่ง” อยู่ตรงกลาง และไม่อาจแข่งขันกับทั้งประเทศที่ค่าจ้างต่ำกว่าและประเทศพัฒนาแล้วที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า
A 2.2 บริบทของประเทศไทย
ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางมานานกว่า 30 ปี โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง (1997) อยู่ที่เพียง 3–4% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถเร่งการพัฒนาได้รวดเร็วกว่า เช่น จีนและเวียดนาม ปัจจัยหลักที่ทำให้ไทยติดกับดัก ได้แก่:
1. ผลิตภาพแรงงานต่ำ – แรงงานไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคเกษตรและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ขณะที่แรงงานทักษะสูงยังมีสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 20 ของกำลังแรงงานทั้งหมด
2. การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่ำ – ปัจจุบันไทยลงทุนด้าน R&D เพียงประมาณ 1% ของ GDP ในขณะที่เกาหลีใต้และอิสราเอลลงทุนมากกว่า 4%
3. คุณภาพการศึกษาไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน – คะแนนสอบ PISA ของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย OECD และมีแนวโน้มทรงตัวเป็นเวลานาน สะท้อนถึงปัญหาคุณภาพและความไม่เสมอภาคของระบบการศึกษา
4. ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง – ความแตกต่างของรายได้และคุณภาพชีวิตระหว่างกรุงเทพฯ กับภูมิภาคยังคงสูง แม้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
A 2.3 ความท้าทายเชิงโครงสร้าง
นอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจแล้ว ไทยยังเผชิญกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างหลายประการ เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้แรงงานวัยทำงานลดลงและภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งระบบราชการที่ยังมีลักษณะรวมศูนย์และขาดความยืดหยุ่น ทำให้การดำเนินนโยบายมักล่าช้าและไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่
กล่าวโดยสรุป ภาวะกับดักรายได้ปานกลางของไทยจึงไม่ใช่เพียงปัญหาเศรษฐกิจ แต่เป็นปัญหาเชิงสถาบันและเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน การออกแบบ Blueprint Thailand → Developed จึงต้องเริ่มจากการ “กำหนดนิยามพัฒนาแล้วที่วัดผลได้” เพื่อใช้เป็นกรอบในการปฏิรูปทุกด้านอย่างบูรณาการ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Blueprint Thailand
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย