Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปั่นเรื่อง เป็นภาพ
•
ติดตาม
20 ส.ค. เวลา 00:44 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
September 5 : การก่อการร้ายที่ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์มีมายาวนาน หลายครั้งก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมความสูญเสีย และหนึ่งในนั้นก็คือโศกนาฏกรรมที่มิวนิก ที่เป็นเหตุการณ์สร้างความช็อคให้กับคนทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยเพราะมันเกิดขึ้นขณะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1972 ซึ่งเคยมีภาพยนตร์นำเหตุการณ์นี้มาเล่าไปแล้วหลายครั้ง และวันนี้ผมอยากแนะนำภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่มีการเล่าถึงเหตุการณ์ที่มิวนิกในตอนนั้น โดยมีมุมมองการเล่าต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า September 5
1
September 5 เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าระทึกขวัญ ที่ออกฉายเมื่อปี 2024 ล่าสุดทางช่อง HBO Max ได้นำมาลงสตรีมมิ่ง
September 5 จะเล่าเหตุการณ์ที่มิวนิคต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่เคยหยิบเหตุการณ์นี้มาเล่า โดยจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของทีมนักข่าว ABC Sports ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์การก่อการร้ายที่สนามกีฬาโอลิมปิก มิวนิก ปี 1972
1
โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 กันยายนของปี 1972 ใกล้เวลาตีห้า มีกลุ่มชายชาวปาเลสไตน์ที่อ้างว่าเป็นกลุ่มกันยาทมิฬ พร้อมอาวุธปืนกลได้บุกเข้าหอพักนักกีฬาโอลิมปิก และสังหารนักกีฬาอิสราเอลเสียชีวิตไป 2 ราย พร้อมกับจับตัวนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชาวอิสราเอลอีก 9 คนไว้เป็นตัวประกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวน 234 คน พร้อมทั้งให้หาเครื่องบินเพื่อพาพวกเขาหลบหนีไปยังกรุงไคโร ประเทศอียิปต์
2
ทางรัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธขอเรียกร้องของกลุ่มก่อการร้าย และพร้อมจะส่งหน่วยจู่โจมไปช่วยเหลือตัวประกันทันที แต่ทางรัฐบาลเยอรมนีไม่ยินยอม โดยอ้างว่าจะหาทางช่วยเหลือตัวประกันเอง ในขณะที่เส้นตายของเวลาที่คนร้ายยืนคำขาดก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งหากถึงเส้นตายแล้วไม่ทำตามข้อเสนอกลุ่มกันยาทมิฬก็จะสังหารตัวประกันชั่วโมงละหนึ่งคน
1
ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาของข่าวในเหตุการณ์วันที่ 5 กันยายน 1972 ที่ September 5 นำเสนอ แต่ความน่าสนใจของหนัง September 5 คือหนังไม่ได้เล่าผ่านมุมมองของผู้ก่อการร้ายหรือตำรวจ แต่หนังกลับพาเราไปอยู่ในห้องส่งสำนักข่าว ABC Sports ทีมนักข่าวกีฬา ที่ห้องส่งพวกเขาอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
1
ABC Sports ต้องผันตัวเองจากนักข่าวกีฬามาทำข่าวอาชญากรรมและต้องรายงานข่าววิกฤติระดับโลกกันแบบนาทีต่อนาที มันเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ก่อการร้ายไปทั่วโลก โดยมีผู้ชมมากกว่า 900 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนที่เคยดู นีล อาร์มสตรอง เหยียบบนดวงจันทร์เสียอีก
เราจะได้เห็นเบื้องหลังของการทำข่าวนี้ว่าคนทำงานสื่อที่ปกติรับมือแต่เกมกีฬาต้องมานั่งตัดสินใจว่าจะเล่าเหตุก่อการร้ายนี้ต่อโลกอย่างไร? จะถ่ายทอดสดเต็มๆ เพื่อหวังเรตติ้ง หรือควรเบรกเพราะคิดถึงผลกระทบต่อญาติของตัวประกัน จะถ่ายทอดแบบเรียลไทม์ยังไงที่ไม่ไปช่วยให้คนร้ายไหวตัวทัน และให้ความสำคัญกับความจริงแค่ไหน โดยไม่กลายเป็นการช่วยคนร้ายสร้างภาพ?
2
ตัวหนังไม่ได้มีฉากบู๊ ไม่มีฉากแอคชันอะไร แต่ก็ทำให้เราลุ้นระทึกไปได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในพื้นที่ปิดเล็กๆ ในห้องส่งข่าวที่เต็มไปด้วยความเครียด กดดัน ซึ่งมีการใช้ฟุตเทจเหตุการณ์จริงมาตัดสลับกับฟุตเทจที่ถ่ายเลียนแบบขึ้นมาใหม่ ทำให้หนังดูเรียลสมจริง เหมือนเราได้นั่งอยู่ในห้องส่งข่าวแล้วติดตามการรายงานข่าวนี้ไปพร้อมกับพวกเขาจริงๆ
1
บทสรุปของเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้คิดว่าใครหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วจากข่าว จากสารคดี หรือจากหนังหลายๆ เรื่อง แต่ September 5 มันจะทำให้เราเห็นมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้รู้ตัวเหตุการณ์แล้วมันยังทำให้เราเห็นถึงความไร้จรรยาบรรณของสื่อที่หวังแต่ความเร็ว หวังเรตติ้ง จนลืมนึกถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง ซึ่งบางทีมันอาจนำไปสู่ผลเสียร้ายแรงตามมาอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้ครับ
2
ประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
11
11
3
1
11
11
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย