20 ส.ค. เวลา 06:46 • ความคิดเห็น
เรื่องราวเราดู ผู้ที่ประทาน ผ้ากาสาวพัสตร์ให้ นั้นท่านทำอะไรมา จึงได้เป็นพระพุทธเจ้า ท่านทิ้งเวียงวัง ยศฐานบรรดาศักดิ์ ทิ้งลูกเมีย ทิ้งบ่วงที่ทำให้ต้องมาเกิดแก่เจ็บตาย ท่านทิ้งแล้ว ก็เดินเข้าป่าด้วยเสื้อชุดเดียว ไปกินนอน ในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ สาวกของท่าน ต่างก็ทิ้งบ้านช่อง เข้าป่า มีเสื้อผ้าชุดเดียว ขันน้ำก็ไม่มี มีแต่มือสองข้างที่พ่อแม่ให้มาอาศัย เอามาวักน้ำดื่ม ไปนั่งนิ่งๆ จิตเฉยๆ ฝนฟ้าตกเป็นวันเป็นคืน ก็นั่งนิ่งๆได้ ฟ้าร้องฟ้าผ่าข้างกาย ก็ไม่สะทกสะท้าน
กายมีหิวกระหายอะไร เจ็บทุกข์ ก็ทน ทนทุกข์ทนมารมาก เข้าๆ ก็เกิดเป็นขันติบารมี แม้ฝน ตกน้ำท่วมก็ กระแสน้ำพัดมา ก็ไม่ลอยไปตามน้ำ ก็ปักหลัก เหมือนเสา ปักลงไปในแม่พระธรณี ไม่ขยับเขยื้อนไปตามน้ำ ทำไปจนดินฟ้าอากาศ ก็คลี่คลายให้ธาตุในกายนั้น สะอาดสะอ้านหมดจด จิตไม่มีภาระอะไร กายก็ไม่มีภาระ เป็นกายของพระ ให้จิตเป็นพระได้อาศัย
แต่สมัยนี้ มาดูนักบวชสมัยนี้ เค้ามีอะไรมากมายก่ายกอง เค้าเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านทิ้งแล้ว เอามาบำรุงบำเรอกาย มันสวนทางกับลิ่งที่องค์ต้นพระศาสนาท่านกระทำ .สิ่งที่เค้าทำนั้น ทั้งหมด จึงเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ ..สิ่งที่จิตนั้นจะได้ มีแต่เรื่องราวที่เป็นทุกข์เป็นกรรม ต้องไปชดใช้ .เมื่อจิตนั้นไม่มีกาน อยากจะทำตนเยี่ยงนี้ ก็อย่าไปเอาผ้าเหลืองมาครอง หลอกชาวบ้านเลย ถึงเวลา ก็ต้องไปกินน้ำเลือดน้ำหนองตัวเอง เมื่อออกจากกายนี้ไป
โฆษณา