27 ส.ค. เวลา 22:43 • ประวัติศาสตร์

EP6 เส้นทางสายไหมในอดีต มีกลุ่มชนชาวยิว อยู่ในสมการของการค้าขายในเส้นทางนี้ด้วย

0️⃣ เกริ่นนำ
เส้นทางสายไหมในอดีต หากนับจุดเริ่มต้นจะเริ่มจาก เมืองซีอาน (ฉางอาน) ประเทศจีน และมีเส้นทางผ่านเมืองหลักหลายแห่ง ตุนฮวง คาชการ์ ซามาร์คันด์ บูคารา เมิร์ฟ แบกแดด และสิ้นสุดที่ยุโรป เช่น คอนสแตนติโนเปิล (อิสตันบูล) สินค้าจะถูกส่งต่อไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเอเชียกลาง เปอร์เซีย ตะวันออกกลาง
เริ่มต้นก่อตั้งอย่างเป็นทางการในสมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน ประมาณปี 130 ก่อนคริสต์ศักราช และการค้าบนเส้นทางนี้รุ่งเรืองยาวนานมาจนถึงกลางๆ ศตวรรษที่ 15
ตลอดเส้นทางสายไหม จะมีชาวยิวทำการค้า มีสถานีการค้าอยู่ในเมืองหลักๆของเส้นทางสายไหม
1️⃣ ชาวยิวกับเส้นทางสายไหม
ไม่เพียงแต่การเดินทางเพื่อการค้า แต่นำเอาวัฒนธรรมต่างๆ มาด้วย เพราะชาวยิวสามารถมีเครือข่ายกว้างไกล ในแต่ละชุมชน ความเป็นชาวยิวนอกจากการเป็นพ่อค้าแล้ว ยังเป็นนักแปล นักวิชาการ และผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมระหว่างโลกอาหรับ ยุโรป และเอเชีย
กลุ่มชาวยิวในเส้นทางสายไหม ด้วยความสามารถในการปรับตัวสามารถพูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ฮีบรู อาหรับ เปอร์เซีย กรีก ละติน ยังไม่รวมภาษาต่างๆในยุโรปอีก นั่นทำให้สามารถเป็นตัวกลางสำคัญในการทำการค้า ... (เยี่ยมมั้ยหล่ะ) กลุ่มชาวยิวกลุ่มนี้คือ กลุ่มชาวยิวที่ถูกเรียกขานว่า กลุ่มพ่อค้าชาวยิว Radhanites
2️⃣ สินค้าที่ค้าขายกัน ?
สินค้าที่ชาวยิวนำเข้าและส่งออกมีตั้งแต่ ผ้าไหม เครื่องเทศ โลหะมีค่า ไปจนถึงหนังสือและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พวกเขายังมีบทบาทในการนำเทคโนโลยีจากจีน เช่น กระดาษและดินปืน ไปยังยุโรป และช่วยเผยแพร่ระบบเลขฐานสิบจากอินเดียไปยังโลกอาหรับ
3️⃣ ชุมชนยิวในเอเชียกลาง
ตลอดเส้นทางสายไหมในเอเชียกลาง เมืองต่าง ๆ เช่น ซามาร์คานด์และบูคารา กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนยิวที่รุ่งเรือง ชาวยิวในเมืองเหล่านี้ไม่เพียงแต่ค้าขาย แต่ยังมีบทบาทในด้านศิลปะ การแพทย์ และการศึกษา (เป็นได้ทุกอย่าง มีความอัจริยะในความเป็นยิว)
ในเมืองซามาร์คานด์ (ปัจจุบันอยู่ในอุซเบกิซสถาน) ช่วงศตวรรษที่ 12 มีรายงานว่าชาวยิวในซามาร์คานด์มีจำนวนถึง 50,000 คน นั่แสดงถึงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของชาวยิว ให้เห็นถึงความมั่งคั่งและความมั่นคงของชุมชนชาวยิวที่นั่น
แม้จะอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมอิสลามและเปอร์เซีย แต่กลุ่มชาวยิวก็สามารถปรับตัวรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้
4️⃣ มีกลุ่มชาวยิวในจีนด้วย ?
เรามักจะคุ้นชื่อ เมืองไคฟง ตอนเราดูภาพยนตร์เรื่องเปาบุ้นจิ้น แต่เชื่อม้้ยครับว่ามีการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเมือง ไคฟง ประเทศจีนช่วงราชวงศ์ซ่ง ด้วยน่ะครับ
1
ชาวยิวกลุ่มนี้เชื่อว่ามาจากอินเดียหรือเปอร์เซีย โดยเดินทางผ่านเส้นทางสายไหมและตั้งรกรากในจีน
ในสมัย กุบไลข่าน (ค.ศ. 1260–1294) ซึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หยวน ชาวยิวได้รับการยอมรับและมีสถานะที่มั่นคงในราชสำนัก มีการบันทึกจาก Marco Polo ว่ามีกลุ่มชาวยิวในราชสำนักของกุบไลข่านที่เมืองหลวง Khanbaliq (ปักกิ่งในปัจจุบัน) และระบุว่ากุบไลข่านให้เกียรติแก่เทศกาลของชาวยิว เช่นเดียวกับเทศกาลของคริสต์และมุสลิม (กุบไลข่านสร้างความบาลานซ์ ตรงนี้ได้เยี่ยมยอดเลย)
ชาวยิวในยุคนั้นยังคงใช้นามสกุลยิว และมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากชาวฮั่น พวกเขามีชุมชนในปักกิ่งและไคฟง และยังคงปฏิบัติศาสนาอย่างเคร่งครัด
ปัจจุบันในเมืองไคฟง มีจำนวนชาวยิวที่เป็นลูกหลานของชาวยิวโบราณอยู่ราว 500 ถึง1000 คน แต่ไม่มีชุมชนชาวยิวอย่างเป็นทางการครับ ไม่มีธรรมศาลา หรือผู้นำศาสนา และพบว่าบางครอบครัวยังรักษาธรรมเนียมบางอย่าง เช่น ไม่กินเนื้อหมู หรือจดจำวันสำคัญทางศาสนา
1
5️⃣ บทสรุป ชาวยิวในเส้นทางสายไหม ทิ้งมรดก และเรื่องราวของชาวยิวในเส้นทางสายไหม ไว้มากมาย แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัว ความรู้ และความเชื่อมโยงของมนุษย์ข้ามพรมแดน
พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นพ่อค้า แต่ยังเป็นตัวเชื่อม สื่อกลางที่ดีของการถ่ายทอดวัฒนธรรมและความรู้ที่หล่อหลอมโลกในยุคโบราณ
▪️▪️ก่อนจบโพสต์▪️▪️
ความรุ่งเรืองของชาวยิวในปัจจุบัน ไม่ได้สร้างมาเพียงแค่ชั่วคน แต่เป็นการถ่ายทอดหลายชั่วคนนับแต่อดีต เป็นมนุษย์เผ่าพันธ์พิเศษ ที่มีความเก่ง ความเป็นพ่อค้า ความเป็นอัจฉริยะในแขนงต่างๆ
เครือข่ายความเป็นพ่อค้าของชาวยิวในเส้นทางสายไหมนั้น ส่งต่อถึงการค้าขายทางทะเลหลังจากเส้นทางการค้าทางทะเลได้เฟื่องฟู ภายหลังที่เส้นทางการค้าผ่านเส้นทางสายไหมได้เสื่อมถอยลง ..
ยิว ก้อ ยิว …
เรียบเรียงโดย
เรียนรู้ ไปพร้อมๆกัน
28 สิงหาคม 2568
เครดิตภาพ pixabay
โฆษณา