23 ส.ค. เวลา 00:48 • ครอบครัว & เด็ก
antiqueline

ความคาดหวัง: ดาบสองคมที่ همสร้างพลังและทลายล้างได้ในคราวเดียว

คำกล่าวที่ว่า "ความคาดหวังมีทั้งพลังและทำลายได้" นั้นเป็นความจริงอย่างยิ่งในทางจิตวิทยาและปรัชญา ความคาดหวังเปรียบเสมือนดาบสองคมที่ด้านหนึ่งสามารถเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังที่นำไปสู่ความสำเร็จและสิ่งดีงาม แต่อีกด้านหนึ่งก็สามารถเป็นบ่อเกิดแห่งความผิดหวัง ความทุกข์ และการทำลายล้างทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้เช่นกัน
พลังแห่งการสร้างสรรค์: เมื่อความคาดหวังคือเชื้อเพลิงสู่ความสำเร็จ
ในด้านบวก ความคาดหวังทำหน้าที่เป็นแรงจูงใจและเป็นพิมพ์เขียวสู่เป้าหมายในอนาคต พลังของมันปรากฏชัดเจนผ่านปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "Pygmalion Effect" หรือ "ปรากฏการณ์พิกเมเลียน" ซึ่งคือการที่ความคาดหวังของคนหนึ่งที่มีต่ออีกคนหนึ่ง สามารถส่งอิทธิพลต่อประสิทธิภาพและการกระทำของคนๆ นั้นได้จริง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด:
* ในห้องเรียน: งานวิจัยคลาสสิกของ Rosenthal & Jacobson (1968) แสดงให้เห็นว่า เมื่อครูเชื่อว่านักเรียนกลุ่มหนึ่งมีศักยภาพสูง (แม้จะมาจากการสุ่มเลือก) ครูจะปฏิบัติต่อนักเรียนกลุ่มนั้นด้วยความใส่ใจ ให้กำลังใจ และมอบหมายงานที่ท้าทายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้นักเรียนกลุ่มนั้นมีผลการเรียนที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความคาดหวังของครูได้กลายเป็นคำพยากรณ์ที่ทำให้เกิดขึ้นจริง (Self-Fulfilling Prophecy)
* ในที่ทำงาน: หัวหน้าที่เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมและแสดงความคาดหวังในเชิงบวก จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้พนักงานกล้าคิด กล้าทำ และพัฒนาตนเองเพื่อไปให้ถึงจุดที่หัวหน้าคาดหวังไว้ ความเชื่อมั่นนี้จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าที่เคยเป็น
* ในระดับบุคคล: ความคาดหวังในตนเอง (Self-efficacy) ที่เชื่อว่า "ฉันทำได้" จะเป็นพลังให้คนคนหนึ่งมุ่งมั่นพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และมองหาหนทางที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
พลังแห่งการทำลายล้าง: เมื่อความคาดหวังกลายเป็นโซ่ตรวน
ในทางกลับกัน คมอีกด้านของความคาดหวังจะปรากฏขึ้นเมื่อมันไม่สมจริง, สูงเกินไป หรือถูกยึดถืออย่างไม่ยืดหยุ่น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อสภาพจิตใจและความสัมพันธ์ได้อย่างมหาศาล
ผลกระทบเชิงทำลายล้าง:
* ความผิดหวังและปัญหาสุขภาพจิต: เมื่อความเป็นจริงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ความรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ และเสียใจคือสิ่งที่ตามมา หากเผชิญกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจนำไปสู่ภาวะเครียด, วิตกกังวล, หมดไฟ (Burnout) หรือแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าได้ การยึดติดกับภาพในอุดมคติทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เป็นอยู่จริง
* การกดดันและความสัมพันธ์ที่พังทลาย: ความคาดหวังที่สูงเกินจริงเป็นตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด
* พ่อแม่กับลูก: พ่อแม่ที่คาดหวังให้ลูกเป็นในสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความสามารถหรือความชอบของลูก กำลังสร้างแรงกดดันมหาศาลที่อาจทำลายความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเองของลูกไปตลอดชีวิต
* ในชีวิตคู่: การคาดหวังให้คนรักสมบูรณ์แบบในทุกด้าน หรือต้องคิดและรู้สึกเหมือนเราทุกอย่าง เป็นหนทางไปสู่ความขัดแย้งและความเหนื่อยหน่าย เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการได้ตลอดเวลา
* อัมพาตจากการกลัวความล้มเหลว: สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันสูง ความคาดหวังจากตนเองและคนรอบข้างที่ต้อง "ชนะ" หรือ "สมบูรณ์แบบ" เท่านั้น สามารถสร้างความกลัวที่จะล้มเหลว จนไม่กล้าเสี่ยงหรือไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้
สรุป: กุญแจสำคัญคือ "ความคาดหวังที่สมจริง"
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าความคาดหวังนั้นมีทั้งพลังในการสร้างและทำลายจริง หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่การ "ไม่คาดหวัง" เลย แต่อยู่ที่การจัดการ "ความคาดหวังให้สมดุลและตั้งอยู่บนความเป็นจริง"
* สร้างพลัง: ใช้ความคาดหวังเป็นเครื่องมือในการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ ทั้งกับตนเองและผู้อื่น พร้อมมอบความเชื่อมั่นและการสนับสนุนเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น
* ป้องกันการทำลาย: ตระหนักว่าความคาดหวังคือความเชื่อของเรา ไม่ใช่ความจริงแท้ เปิดใจยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของทั้งตนเองและผู้อื่น เรียนรู้ที่จะยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนความคาดหวังเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป และที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารความคาดหวังนั้นอย่างตรงไปตรงมาและเข้าใจซึ่งกันและกัน
การเรียนรู้ที่จะใช้ดาบเล่มนี้อย่างชาญฉลาด จะทำให้เราสามารถดึงพลังด้านบวกของความคาดหวังออกมาใช้ขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็ป้องกันตนเองจากคมอีกด้านที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายเราได้
โฆษณา