เมื่อวาน เวลา 03:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

📱 "อัลกอริทึม" อาจไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริง? | และนี่คือเหตุผลที่มันอาจเป็นปัญหาที่เราแก้ไขไม่ได้

คุณเคยไหมครับที่เล่นโซเชียลมีเดียไปสักพัก แล้วรู้สึกว่าทำไมสังคมในนั้นถึงได้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและแบ่งแยกกันขนาดนี้? เรามักจะโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะ ‘อัลกอริทึม’ ที่คอยป้อนแต่เนื้อหาที่เราชอบจนสร้าง ‘ห้องสะท้อน’ (Echo Chamber) ขึ้นมา
แต่ถ้าผมจะบอกว่า... มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า แม้แต่โซเชียลมีเดียที่ไม่มีอัลกอริทึมเลย ก็ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหมือนเดิมล่ะ?
🤖 เมื่อเอไอ 500 ตัวสร้างสังคมสุดโต่งในโลกไร้อัลกอริทึม
เพื่อหาคำตอบว่าอะไรคือต้นตอของ ‘ความเป็นพิษ’ (toxicity) ในโซเชียลมีเดีย ทีมวิจัยนำโดย เพทเทอร์ เทิร์นเบิร์ก (Petter Törnberg) จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม (University of Amsterdam) ได้ทำการทดลองครั้งใหญ่
พวกเขาใช้ AI Chatbot จำนวน 500 ตัวที่ถูกตั้งโปรแกรมให้เลียนแบบความคิดเห็นทางการเมืองของคนอเมริกัน และให้พวกมันไปมีปฏิสัมพันธ์กันเองบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทีมวิจัยสร้างขึ้นมา โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ ไม่มีโฆษณาและไม่มีอัลกอริทึม ที่จะมาคัดกรองหรือแนะนำเนื้อหาใดๆ ทั้งสิ้น
🔥 กลไกแห่งความเกลียดชังที่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองที่ทำซ้ำกันถึง 5 ครั้ง กลับตอกย้ำถึงปัญหาที่น่ากังวล:
• บรรดา AI Chatbot ต่างเลือกที่จะ กดติดตาม เฉพาะบัญชีที่มีแนวคิดทางการเมืองคล้ายกัน
• บัญชีที่มีมุมมอง สุดโต่ง หรือ แบ่งขั้ว ได้รับความสนใจ, ยอดผู้ติดตาม และยอดแชร์มากกว่าบัญชีอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
เทิร์นเบิร์กกล่าวว่า "เราคาดหวังว่าการแบ่งขั้วนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึม และเราก็ได้สร้างแพลตฟอร์มที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ และ 'ตูม' ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนเดิม" นั่นหมายความว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของโค้ด แต่เกิดจาก "ฟังก์ชั่นพื้นฐาน" ที่เปิดโอกาสให้พฤติกรรมอย่างการกดโพสต์, แชร์ และติดตาม เป็นไปในทิศทางที่นำไปสู่การแบ่งแยก
🛠️ ความพยายามแก้ไขที่ไม่เป็นผล
ทีมวิจัยได้ลองทดสอบวิธีแก้ไข 6 รูปแบบ เช่น การจัดฟีดแบบเรียงตามเวลา หรือการลดความสำคัญของโพสต์ที่กลายเป็นไวรัล แต่ก็พบว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แทบไม่ช่วยอะไรเลย บางวิธี เช่น การซ่อนข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ก็ยิ่งทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น
ดังที่ เจส แม็ดด็อกซ์ (Jess Maddox) จากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย (University of Georgia) กล่าวว่า "กิจกรรมส่วนใหญ่บนโซเชียลมีเดียล้วนเป็น 'ผลของไม้ที่ให้พิษ' มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะปัญหาเริ่มต้นของโซเชียลมีเดียอยู่ในฟังก์ชั่นพื้นฐานของมัน และนั่นสามารถกระตุ้นพฤติกรรมที่แย่ที่สุดของมนุษย์ได้"
🏡 นี่คือเรื่องใกล้ตัว และเราต้องเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?
ในฐานะประเทศที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลสูง และเราเองก็เผชิญกับการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างหนัก งานวิจัยนี้คือบทเรียนที่สำคัญมากครับ มันสอนให้เราเห็นว่าการโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของบริษัทเทคโนโลยีอาจไม่เพียงพอ
เพราะแก่นแท้ของปัญหานั้นอาจอยู่ที่ 'พฤติกรรมของเราเอง' ที่มักจะเลือกรับข้อมูลที่ตอกย้ำความเชื่อเดิมๆ อยู่แล้ว ดังนั้นการจะทำให้โซเชียลมีเดียเป็นสังคมที่ดีขึ้นได้ อาจจะต้องเริ่มจากการทบทวนวิธีการใช้แพลตฟอร์มของเราในระดับพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากกว่าการแก้ไขอัลกอริทึมมากนัก
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ปัญหาเชิงโครงสร้าง: งานวิจัยใหม่พบว่าความเป็นพิษและการแบ่งขั้วในโซเชียลมีเดีย อาจไม่ได้เกิดจากอัลกอริทึม แต่มาจากฟังก์ชั่นพื้นฐาน
✅ พฤติกรรมที่เห็นแก่พวกพ้อง: การทดลองด้วย AI บนแพลตฟอร์มที่ไร้อัลกอริทึมยังพบว่าบัญชีที่มีมุมมองสุดโต่งได้รับความสนใจมากกว่าปกติ
✅ แก้ไขยาก: การแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การจัดฟีดแบบเรียงตามเวลา หรือการซ่อนข้อมูลโปรไฟล์ ไม่สามารถลดปัญหาลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
✅ ต้นตอที่แท้จริง: นักวิจัยชี้ว่าปัญหามาจากพฤติกรรมอย่างการกดติดตาม, แชร์, และโพสต์ ซึ่งสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เอง
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การค้นพบนี้ทำให้คุณมองปัญหาการแบ่งขั้วในโซเชียลมีเดียเปลี่ยนไปไหมครับ? แล้วคุณคิดว่าถ้าเราอยากจะทำให้โซเชียลมีเดียดีขึ้น เราต้องเริ่มที่ ตัวเราเอง หรือรอให้ แพลตฟอร์ม เป็นคนแก้ไข?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าขบคิด 📱 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ไปชวนเพื่อนๆ ทบทวนพฤติกรรมของตัวเองด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Törnberg, P. (2025). Online Homogeneity Can Emerge Without Filtering Algorithms or Homophily Preferences. arXiv. https://arxiv.org/abs/2508.10466
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็ทำหน้าที่เหมือน "กระจก" ที่ส่องให้เราเห็นความจริงที่น่าอึดอัดเกี่ยวกับตัวเราเอง...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "กระจก" ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงกลไกที่ซับซ้อนซึ่งขับเคลื่อนพฤติกรรมของมนุษย์และสังคม โดยอิงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้ "กระจก" ของเรายังคงใสสะอาดและสะท้อนความจริงต่อไปได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา