28 ส.ค. เวลา 05:58

ตอนที่ 5 — การไขว่คว้าเพื่อยืนด้วยตนเอง

เช้าวันหนึ่ง หลังจากส่งลูกชายไปโรงเรียน และอุ้มลูกคนเล็กไปฝากที่ศูนย์ดูแลเด็ก จุ๋มยืนมองกระจกเงาในห้องน้ำของหอพักเล็กๆ เธอเห็นภาพผู้หญิงหน้าซีด อ่อนล้า แต่ในดวงตายังคงมีประกายมุ่งมั่น เธอรู้ว่าชีวิตที่เหลือจากนี้ จะไม่มีใครมาอุ้มชูหรือคอยช่วยเหลืออีกแล้ว ทุกก้าวย่างต่อจากนี้ไป จะมีแค่ “ตัวเอง”
จุ๋มเริ่มต้นจากงานเล็กที่สุด งานล้างจานในโรงแรมระดับกลาง เธอทำเพราะมันเป็นงานเดียวที่ไม่ต้องใช้ภาษามาก แค่แรงกายกับความอดทน แต่เธอไม่เคยบ่น เพราะทุกชั่วโมงที่ยืนอยู่กับเครื่องล้างจาน หมายถึงเงินที่จะนำไปจ่ายค่าเช่า ค่าอาหาร และค่าเลี้ยงดูลูก
แต่ในความเหนื่อยนั้น จุ๋มกลับค้นพบสิ่งหนึ่ง — ครัวคือโลกที่เธอหลงใหลมาตลอดโดยไม่รู้ตัว เธอรักการทำอาหารตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ทำกับข้าวให้แม่และพ่อ ช่วยงานบุญ การทำอาหารก็คือชีวิตของเธอเช่นกัน
ทุกครั้งที่ได้มองพ่อครัวทำอาหาร เธอมักแอบจดจำวิธีการหั่นผัก จัดจาน หรือการปรุงซอส เธอแอบถามบ้าง ลองทำบ้าง จนหัวหน้าในครัวเริ่มสังเกตเห็นความตั้งใจ และค่อยๆ ให้เธอขยับจากการล้างจาน → มาช่วยหั่นผัก → ช่วยทอดของง่ายๆ → และในที่สุด เธอได้เป็นผู้ช่วยกุ๊ก
ครั้งแรกที่เธอได้ทำอาหารจานเล็กออกไปเสิร์ฟให้ลูกค้า เธอยืนรออย่างประหม่า แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจากแขกที่ได้ชิม มันทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรู้สึกว่า — บางที นี่อาจจะเป็นเส้นทางชีวิตใหม่ที่เธอควรเดิน
หลายปีผ่านไป จุ๋มเก็บเงินเก็บประสบการณ์ในโรงแรม เธอเรียนรู้สูตรอาหารท้องถิ่น ควบคู่กับการทำอาหารไทยให้เพื่อนร่วมงานชิม ทุกครั้งที่มีใครชมว่า “อาหารไทยของคุณอร่อยมาก” เธอจะเก็บคำนั้นมาเป็นพลังใจ
แน่นอน… ไม่ใช่ทุกวันจะราบรื่น มีหลายครั้งที่เธอถูกดูถูกว่า “เป็นผู้หญิงต่างชาติ จะทำอาหารท้องถิ่นได้ยังไง” หรือถูกลูกค้าบางคนตำหนิอย่างรุนแรง เธอเคยร้องไห้ในห้องน้ำหลังเลิกงาน แต่เช้าวันต่อมาก็ยังกลับมายืนในครัวเหมือนเดิม
ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เธอถอย แต่กลับผลักให้เธอสู้มากขึ้น เพราะในใจมีภาพเป้าหมายชัดเจน — ร้านอาหารไทยเล็กๆ ของตัวเอง ที่เธอจะทำด้วยหัวใจและความทรงจำจากบ้านเกิด
ค่ำคืนหลังเลิกงาน จุ๋มมักนั่งคิดสูตรอาหารใหม่ จดลงในสมุดเก่าๆ ที่ขอบกระดาษเปื้อนคราบน้ำมัน เธอทดลองทำให้ลูกชิม ลูกทั้งสองคอยให้กำลังใจ และบอกเสมอว่า “แม่ทำอร่อยที่สุด” นั่นคือคำยืนยันที่มีค่ามากกว่ารางวัลใดๆ
ในที่สุด หลังจากหลายปีแห่งการทำงานหนัก เธอมีเงินเก็บพอที่จะเช่าร้านรถเล็กๆ ริมถนนใกล้ท่าเรือ Food truck ปหน้าร้านถูกเขียนด้วยมือว่า “Jum’s Thai Kitchen – อาหารไทยจากใจแม่”
วันเปิดร้าน ลูกค้ายังน้อย รายได้แทบไม่พอจ่ายค่าเช่า แต่จุ๋มไม่ถอย เธอใช้ทุกปัญหาเป็นครู — วันไหนคนบ่นเรื่องรสชาติ เธอปรับสูตรใหม่ วันไหนขายไม่ได้ เธอแจกอาหารให้คนในชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักรสชาติไทยแท้ๆ
ปัญหาคือเพื่อนแท้ที่ทำให้เธอแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
เธอรู้แล้วว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากหัวใจยังยืนยันที่จะสู้
ปัจจุบัน Food truck ของเธอไม่ใช่แค่ 1 แต่มีถึง 5 ร้านด้วย ออกขายตามงานดนตรีหรืองานแสดงไปด้วย เธอหาผู้ร่วมลงทุนและกิจการของเธอก็เจริญเติบโต เธอแบ่งเวลาไปดูและลูกอย่างต่อเนื่อง พร้อมการทำธุรกิจตามความฝัน ทุกอย่างต้องฝันฝ่า พายุจะผ่านไป อาจจะมีพายุลูกใหม่เข้ามา แต่เธอก็พร้อมที่จะฝันฝ่าต่อไป.. อะไรเกิดขึ้นดีที่สุดเสมอ❤️❤️
แล้วคุณล่ะ… เวลาที่ปัญหาถาโถมเข้ามา คุณมองมันเป็นกำแพงที่ขวางทาง หรือคุณมองมันเป็นบันไดที่ทำให้เราได้ก้าวสูงขึ้นกว่าเดิม?
จบบริบูรณ์
โฆษณา