🛕 พระราชวังมิราเบลล์กับสวนดอกไม้อันสวยงามแห่งซาลซ์บูร์ก
"พระราชวังมิราเบลล์" แน่นอนว่าคนที่เคยไปเที่ยวยุโรป น่าจะต้องรู้จักพระราชวังแห่งนี้ เพราะประเทศออสเตรีย ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าหากได้มีโอกาสท่องเที่ยวในออสเตรีย พระราชวังแห่งนี้น่าอยู่ในลำดับต้นๆ หรืออยู่ในใจของใครหลายคนเช่นกัน
พระราชวังแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความสวยงามแต่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับศตวรรษเช่นกัน พระราชวังแห่งนี้มีชื่อว่า "พระราชวังมิราเบลล์" ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1606 โดยเจ้าชาย-อาร์คบิชอป Wolf Dietrich von Raitenau เป็นสไตล์บาโรก และทรงตั้งชื่อพระราชวังมิราเบลล์ในภาษาอิตาลีคำว่า "mirabile" แปลว่า “น่าชื่นชม” และ "bella" แปลว่า “สวยงาม” ซึ่งสถานที่ก็สวยงามเหมือนกับชื่อไม่ผิดเพี้ยนเลยจริงๆ
พระราชวังมิราเบลล์ตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำซาลซัค (Salzach River) แน่นอนว่าใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ ต้องเดินข้ามสะพานกุญแจรัก หรือ สะพานมาคาร์ทสเตก (Makartsteg Bridge) ก่อน ซึ่งระยะทางอยู่ไม่ไกลกันมาก สามารถเดินชมบรรยากาศมาเรื่อยๆ ก็จะถึงพระราชวังมิราเบลล์
พระราชวังมิราเบลล์ติดกับสวนมิราเบล
ด้วยความทุกข์ทรมานจากโรคเกาต์และเป็นโรคหลอดเลือดสมองของเจ้าชายอาร์คบิชอป วูล์ฟ ดีทริช ไรเทเนา(Wolf Dietrich von Raitenau) จึงเริ่มต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทางเข้าออกนอกเมือง ได้ทรงสั่งให้มีการสร้างปราสาทที่มีชื่อว่า "ปราสาทอัลเทเนา" เพื่อให้เป็นพระราชวังแห่งความสุขของเจ้าชายและคนรักอย่าง ซาโลเม อัลท์ (Salome Alti) หลังจากสร้างพระราชวังเสร็จสิ้นในครั้งแรก ซาโลเม อัลท์ (Salome Alti) พร้อมลูก 15 คน ได้ย้ายไปพักยังปราสาทแห่งนี้เป็นการถาวร
ในปี 1612 หลังจากการล่มสลายจากอํานาจของเจ้าชายอาร์คบิชอป วูล์ฟ ดีทริช ไรเทเนา(Wolf Dietrich von Raitenau) และการจําคุกที่ป้อมปราการโฮเฮนซาลซ์บูร์ก (Hohensalzburg) ต่อมามาร์ก ซิตติช ฟอน โฮเฮเนมส์ (Markus Sittikus von Hohenems)ผู้เป็นหลานชายและยังเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อก็ได้ขับไล่ ซาโลเม อัลท์ (Salome Alti) และครอบครัวออกจากปราสาทอัลเทเนาด้วยเช่นกัน
ภายหลังการกวาดล้างอำนาจทั้งหมด มาร์ก ซิตติช ฟอน โฮเฮเนมส์ (Markus Sittikus von Hohenems) ได้เปลี่ยนชื่อปราสาทอัลเทเนา เป็นชื่อใหม่ว่า “Mirabell” หรือเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า "พระราชวังมิราเบลล์"
และในปี 1620 เจ้าชาย-อาร์คบิชอปปารีส โลดรอน (Prince-Archbishop Paris Lodron) ผู้มีบทบาทในการปรับโครงสร้างกําแพงเมืองระหว่างปี 1620 ถึง 1642 ในช่วงสงครามสามสิบปี ได้ทำการรวบรวมพระราชวังมิราเบลล์และสวนต่างๆ ไว้ในแนวป้องกันใหม่
พระราชวังมิราเบลล์
ระหว่างปี ค.ศ. 1721 ถึง ปี ค.ศ. 1727 เจ้าชายอาร์ชบิชอป ฟรานซ์ อันตอน ฟอน ฮาร์รัค (Franz Anton von Harrach) ผู้เป็นนักบวชและนักการเมืองชาวเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 18 ดำรงตำแหน่งเจ้าชายอาร์ชบิชอปแห่งซาลซ์บูร์ก ทรงมีคำสั่งให้ออกแบบพระราชวังใหม่ โดยมอบหมายให้สถาปนิกชื่อดัง โยฮันน์ ลูคัส ฟอน ฮิลเดอแบรนดท์ (Johann Lukas von Hildebrandt) สถาปนิกสไตล์บาโรก ชาวออสเตรีย ให้สร้างอาคารทางสถาปัตยกรรม โดยให้มีทั้งห้องจัดเลี้ยงที่รู้จักกันในปัจจุบันคือ มาร์เบิล ฮอลล์ (Marble Hall) และ สวนมิราเบลล์
ซึ่งในอดีต มาร์เบิล ฮอลล์ (Marble Hall) เคยถูกใช้จัดงานเลี้ยงสำคัญและครอบครัวของโวล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) นักดนตรีซิมโฟเน่ระดับโลก ได้เคยมาแสดงดนตรีที่นี่ด้วยเช่นกัน
สวนมิราเบลล์ (Mirabell Gardens)
หลังจากได้มีการสร้างพระราชวังมิราเบลล์จนเสร็จสิ้น ในปีค.ศ. 1818 ได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ทั่วเมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับพระราชวังมิราเบลล์ การตกแต่งสไตล์บาโรกหลายอย่าง เช่น รูปปั้นที่ประดับบนหลังคา สูญหายไปในเปลวเพลิง เหลือเพียงฝั่งตะวันตกที่รอดชีวิตจากไฟไหม้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ รวมถึงมาร์เบิล ฮอลล์ พร้อมกับบันไดหินอ่อนขนาดใหญ่ของพระราชวังยังคงมีให้เห็นอยู่ในโถงภายในอาคารจนถึงปัจจุบัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2409 พระราชวังมิราเบลล์พร้อมกับ เนินเขาคาปูซิเนอร์เบิร์ก (Kapuzinerberg) ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำซาลซัคที่อยู่ใกล้เคียงได้ถูกขายให้กับเมืองซาลซ์บูร์กในราคา 50,000 ฟลอริน (Florin) หรือเหรียญทองคำโบราณ และสวนต่างๆ โชคดีที่สิ่งนี้ยังคงเป็นเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน
รูปปั้นบางส่วนภายในสวนมิราเบล
สวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden) ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1687 ภายใต้การดูแลของอัครสังฆราช Johann Ernst von Thun ตามแผนที่วางไว้โดย โยฮันน์ แบร์นฮาร์ด ฟิชเชอร์ ฟอน แอร์ลาค (Johann Bernhard Fischer von Erlach) สวนที่ออกแบบทางเรขาคณิตมีรูปปั้นในตำนานจากปี 1730 และกลุ่มรูปปั้นประติมากรรมสี่กลุ่ม ออตตาวิโอ มอสโต (Ottavio Mosto) รูปปั้นที่สะท้อนถึงองค์ประกอบของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถูกสร้างขึ้นโดยประติมากรชาวอิตาลี
ประตูทางเข้า-ออกอีกฝั่งของสวนมิราเบลล์ (Mirabell Gardens)
สวนสวยแห่งนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย ด้วยความสวยงามของดอกไม้และการจัดวางของสวนที่ดึงดูดสายตาผู้คน ทำให้สวนมิราเบลล์ เป็นหนึ่งในฉากของภาพยนต์เพลงชื่อ มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music) ออกฉายเป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1965 และยังโด่งดังใน 29 ประเทศ ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักสวนมิราเบลล์แห่งนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยุคนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
แนวดอกทิวลิปที่ถูกจัดเป็นลวดลายตามฤดูกาล
นอกจากนี้ภายในสวนยังประกอบไปด้วยรูปปั้นและลานน้ำพุ Pegasus สไตล์บาโรกซึ่งออกแบบโดยเกออร์ก ราฟาเอล ดอนเนอร์ (Georg Raphael Donner) ประติมากรชาวออสเตรียที่สำคัญในยุคบาโรก มีชื่อเสียงจากผลงานที่โดดเด่นและมีสไตล์เฉพาะตัวในศตวรรษที่ 18
ลานน้ำพุสวนมิราเบลล์
ภายในสวนมิราเบลล์ยังมีดอกไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะดอกทิวลิป ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นช่วงที่ต้นไม้และดอกไม้ผลัดใบ ภายในสวนแห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยดอกทิวลิป เพราะนอกจากความสวยงามและสีสันที่สดใสแล้ว ดอกทิวลิปยังเป็นดอกไม้เมืองหนาวที่บานสะพรั่งและชอบอากาศเย็นมาก
สวนทิวลิปช่วงฤดูใบไม้ผลิ
การจัดสวนมิราเบลล์มักจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงลวดลายการปลูกเพื่อความสวยงามสะดุดตา และแปลกตาต่อนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเข้ามาชมสวนมิราเบลล์แห่งนี้ เท่ากับว่าในแต่ละช่วงฤดู สวนมิราเบลล์ไม่เคยเสื่อมโทรมหรือไม่ได้รับการดูแล แต่กลับมีความสดใสอยู่ตลอดในช่วงทุกฤดูการณ์ สมกับเป็นสวนสวยงามที่ขึ้นชื่อระดับโลกจริงๆ
กลุ่มดอกทิวลิปอีกฟากฝั่งของ มาร์เบิล ฮอลล์ (Marble Hall)
ปัจจุบันสวนมิราเบลล์ (Mirabell Gardens) ยังคงสวยงามและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของดอกไม้ และชมบรรยากาศโดยรอบกันได้ตามปกติ โดยประตูจะเปิดประมาณ 6.00 น. ของทุกวัน และในโซนอื่นๆ หรือสามารถเข้าชมพระราชวังมิราเบลล์ โดยจะเปิดให้บริการเป็นช่วงวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8.00 น. ถึง 18.00 น. และปิดให้บริการในวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
