28 ส.ค. เวลา 04:03 • บันเทิง

DDT Loves 1995

วันนี้มีเหตุให้ต้องค้นฮาร์ดดิสก์ก้อนแรกของชีวิต...ภายในนั้นมีโฟลเดอร์ DDT อยู่ด้วย...ซึ่งมีงานแทบทั้งหมด แทบทุกคอลัมน์ ทุกตัวอักษรของแต่ทั้ง 50 ฉบับ...49 ที่วางจำหน่าย...1 ที่ผลิตเพื่อให้ลูกค้าเพียงร้อยกว่าเล่ม...รวมถึงฉบับที่ 51 ที่อยู่ในระหว่างการจัดทำเนื้อหา ก่อนที่จะต้องยุติไปกลางคัน...
และได้อ่านสกู๊ปสุดท้ายที่ทำให้กับ DDT ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่าในสมัยนั้นฉันทำงานอย่างบ้าคลั่งทั้งการเขียนงานและข้อมูลมากขนาดไหน...
 
ยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายที่มีคนที่มีโอกาสอ่าน DDT ฉบับที่ 50 หน้าปกวงพราวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น...ยิ่งผู้ที่มีในครอบครองไม่น่าจะเกินจำนวนนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง...
 
ด้วยเหตุนี้จึงขอนำสกู๊ปที่ว่านี้มาเผยแพร่ ณ ที่นี้...
เป็นสกู๊ปที่เป็นบทบันทึกว่าเพราะเหตุใด...ชาว DDT ถึงได้รักปี 2538 / 1995
.......
Scoop
By ภัทรภี พุทธวัณณ
DDT Loves 1995
ปี 2538 หรือปี 1995 อาจเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ, พิเศษ, เศร้าสร้อย ไปจนถึงช่วงเวลาที่ไม่มีนัยอะไรพิเศษใดๆ สำหรับใครต่อใครผิดแผกแตกต่างกันไป
สำหรับเด็กมัธยมในจังหวัดชลบุรี เดือนกุมภาพันธ์ของปี 2538 ก็ไม่ต่างไปจากช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานของงาน BOI ให้ได้โดนเรียนไปเที่ยวกันเป็นประจำ หรือคนที่ชื่นชอบ Dean Martin ก็คงเศร้ากับการจากไปของเขา หรือ การแข่งขันในแมตช์ชิงชนะเลิศของศึก FIFA Women's World Cup ระหว่างทีมชาตินอร์เวย์ กับเยอรมันคงสร้างความมันส์ให้กับผู้ชมได้มากกับสกอร์ 2 ต่อ 0
ทำให้นักบอลสาวฃาวนอร์เวย์คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ หรือคนที่กำลังชื่นชอบในเพลง รักคุณเข้าแล้ว ในเวอร์ชันของ Boyd Kosiyabong ก็คงได้สมใจกับอัลบั้มเต็มที่ชื่อ Rhythm & Boyd ของเขา ในขณะที่แฟนเพลงของคาราบาวก็ได้พบกับการกลับมารวมตัวกันของวงคาราบาวยุคคลาสสิคไลน์อัพกับอัลบั้ม หากหัวใจยังรักควาย
ในขณะเดียวกันปี 2538 คือปีที่โลกได้ค้นพบวงดนตรีที่มีชื่อว่า Proud วงพราว และเพลง วันไร้สมอง, ละคร และแน่นอน เธอคือความฝัน ก็ได้กลายเป็นเพลงประจำตัวประจำใจและประจำการเล่นกีตาร์ในวาระต่างๆ ของคนจำนวนมากตลอดระยะเวลาหลายปีให้หลังมานี้
และเพื่อให้วาระการมาขึ้นปก DDT ฉบับครึ่งร้อยฉบับนี้พิเศษและครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด เราก็เลยขอนำเสนอเรื่องราวรอบๆ ตัว เราและพราว ว่าในขณะที่เรากำลังโดดไปกับ Sleepless และ ละคร หรือทำซึ้งกับ เธอคือความฝัน โลกรอบข้างเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง นอกจาก บก.ตัวเล็กจากเมืองกรุงไปร่ำเรียนอยู่ไกลถึงแดนดินถิ่นล้านนาแล้ว
มาร่วมนั่งไทม์แมชชีน และย้อนเวลาไปด้วยกันนะครับ
เพื่อร่วมเดินทางไปสู่ ปี 2538 / 1995
1. จังหวะสีน้ำเงินของบอย
เพียงซิงเกิ้ลเดียว ก็ทำให้ บอย โกสิยพงษ์ เป็นที่จับตามองว่าผู้ที่ทำเพลง รักคุณเข้าแล้ว ในเวอร์ชั่นใหม่อันแสนแปลกหูนั้นเป็นใครมาจากไหน และเมื่ออัลบั้มชุด Rhythm & Boyd ออกมา ก็ทำให้ทุกคนเลิกกังขาในความสามารถของเขา และยอมรับโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงหน้าใหม่คนนี้เข้าสู่อ้อมใจไปโดยดุษณี
2. พรุ่งนี้ไม่สาย เพราะวันนี้ดังซะแล้ว
ทาทา ยัง กลายมาเป็นนักร้องที่ฮอตที่สุดของปี 2538 ที่ไม่เพียงจะสร้างเพลงฮิตมากมาย อย่าง โอ๊ะโอ๊ย, พรุ่งนี้ไม่สาย กระทั่งกับอัลบั้มชุดแรก อมิตา ทาทายัง ที่ประสบความสำเร็จพุ่งพรสดทะลุทะลวงล้านตลับ จนต้องฉลองล้านแล้วค่ะด้วยมินิซีดีซิงเกิ้ล ฉันรักเธอ มาให้แฟนๆ ตามสะสมกันอีกคำรบหนึ่ง นอกจากนั้นแฟชั่นเสื้อ Sonic รองเท้า trigger และกางเกงยีนโคล่งที่ทาทาสวมก็กลายเป็นแฟชั่นในหมู่วัยรุ่นในระดับมโหฬาร
3. Indie DN’A Rock Concert
คอนเสิร์ตปิดอัลบั้มของวงโมเดิร์นด็อก ณ สนามกองทัพบก โดยมีศิลปินเมทัลใต้ดินอย่าง Growing Pain, Heavy Mod มาเปิดงานให้ รวมทั้งยังเป็นเวทีครั้งแรกของว่าที่ราชินีกรันจ์อย่าง อรอรีย์ จุฬารัตน์ อีกด้วย ซึ่งแฟนๆ เรือนหมื่นที่ไปร่วมเป็นสักขีพยานความสำเร็จของโมเดิร์นด็อกในวันนั้นจะไม่มีวันลืมเลือนภาพความยิ่งใหญ่ในวันนั้นไปได้เลย
4. ไข้ป้างดังเปรี้ยง
หลังจากที่หันมาออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชื่อ ไข้ป้าง ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์ อดีต Hydra ก็สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จครั้งใหญ่ กับแนวอัลเตอร์เนทีฟ รวมทั้งปล่อยเชื้อไข้ป้างไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ในงาน เอเชียมิวสิคเฟสติวัล อิน โตเกี่ยว ’95 เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในภาคพื้นเอเชีย ผลก็คือความสำเร็จระดับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 3 แผ่นซ้อนภายในเดือนเดียว โดยได้ทำการรับมอบกันอย่างเป็นทางการจาก Martin Davis แห่ง Sony Music
5. ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อคคอนเสิร์ต เหล็กคำราม
ขาร็อกได้พบกับประวัติการณ์คำรามร็อคครั้งยิ่งใหญ่ “ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อคคอนเสิร์ต เหล็กคำราม” ที่รวมเอาขุนขวานร็อคจากค่าย อาร์.เอส.ฯ เอาไว้อย่างคับคั่ง ทำเอาอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมแทบลุกเป็นไฟ
6. เมื่อคาราวบาวยังรักควาย
คาราบาว กลับมารวมตัวแบบครบ 7 คนรุ่นคลาสสิก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของวง ด้วยอัลบั้ม ถ้าหัวใจยังรักควาย
7. โฟล์คซองล้านนารับรางวัล
วันที่ 5 มิถุนายน 2538 กลายเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งสำหรับ จรัล มโนเพ็ชร เมื่อเขาได้รับมอบเกียรติบัตรจากชมรมสภาวะแวดล้อมสยามประเภทแพลง จากเพลง น้ำแม่ปิง เนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก
8. Blue’s Bar
บาร์ที่ว่ากันว่าเป็นสถานที่แฮงของคนชอบฟังเพลงเท่ๆ ล้ำๆ ที่หาได้ยากในยุคนั้น ในส่วนของรายละเอียดนั้นลองกลับไปพลิกหาได้ในคอลัมน์ T’DD ของ DDT ฉบับต้นๆ ดูได้ ทว่าในครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจาก ดีเจติ ที่ได้รับการยกย่องว่าเปิดเพลงได้โดนใจชาวโมเดิร์นร็อกและอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายของเพลงล้ำแห่งยุคสมัย
รวมทั้งได้เคยถูกกล่าวหาว่า หักแผ่น Oasis ของลูกค้าที่มายื่นขอให้เปิด ด้วยจุดยืนที่ว่า “ที่นี่ไม่เปิด Oasis” แต่เมื่อเวลาผ่านไปจน Blue’s Bar ปิดไปก็หลายปี ดีเจติ ถึงได้มีโอกาสมาเปิดใจกับ DDT ว่า “ผมไม่ได้หักแผ่นลูกค้านะเว้ย” ส่วนความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร และ Blue’s Bar คืออะไรกันแน่ ดีเจร่างล้ำลายสักพร้อย ควบตำแหน่งนายแบบ และรัก Depeche Mode เป็นชีวิตคนนี้มีคำตอบมาให้
ล้อมกรอบ
“ผมมีความผูกพันธ์กับร้านนี้มาก เริ่มเปิดเพลงก็ที่นี่เป็นที่แรก ผมเปิดตั้งแต่เป็นเทปคาสเส็ตต์ และอีกข้างหนึ่งเป็นแผ่นเสียงน่ะ ยังใช้ดินสอกรอ เพื่อจะรอเปิดคิวเพลงต่อไปอยู่เลยครับ
“เดิมทีที่ร้าน จะเปิดเพลงพวก Rolling Stones, Bob Dylan เป็นพวกยุค 70 แต่พอผมเข้าไป ผมก็ปรับตามแนวในยุคนั้นพอดี ซึ่งมันก็มีทั้งป๊อปผสมกับซอล์ฟร็อก...คือผมเกิดปี 63 (2506) ผมโตมากับยุค 70 พวก Black Sabbath, Led Zeppelin ประมาณนั้น แต่มันเอามาเปิดไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ผับร็อก ผมก็ต้องปรับตัวเองเยอะเหมือนกัน แรกๆ ที่ไปเปิดมีแนวบลูส์ด้วยจากชื่อร้าน ด้วยความที่เรายังเด็ก ก็ใส่ๆ ไปยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเท่าไหร่ รวมถึงไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรด้วย ก็เลยจะผสมผสานกันไปหมด
“พอเข้าปลายยุค 80 เริ่มมีแนวโมเดิร์นร็อกเข้ามา ผมก็สนใจ คือด้วยความที่เราเป็นคนหัวก้าวหน้านิดหน่อย ชอบฟังอะไรที่ฉีกๆไป แต่ยุคนั้นยังเป็นร็อกอยู่ จนพอปี 94-95 ผมเป็นอัลเตอร์เนทีฟแล้ว ก็เป็นวงแปลกๆของอังกฤษ ตอนนั้นคือไปเป็นบริทเลยครับ เปิดอังกฤษอย่างเดียวเลย อย่างพวก Stone Roses, Happy Monday ซึ่งกลายมาเป็นชื่อร้านทุกวันนี้
พอตอน 90 ผมเริ่มฟังหลากหลายแล้ว มีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแล้ว เป็น อัลเทอร์เนทีฟผสมอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง Depeche Mode ซึ่งเป็นวงดนตรีที่เก่งมาก แต่ว่าไม่ดังในเมืองไทยนะครับ เป็นกลุ่มเล็กๆ มาก พอลูกค้าผ่านแล้วได้ยินจากลำโพงข้างนอกร้าน เลยรู้ว่า ร้านนี้มันเปิดอย่างนี้เหรอวะก็มีคนเข้ามา เรียกว่าร้านนี้เริ่มดังเพราะวงนี้ก็ว่าได้
“ก่อนไปทำงาน ผมต้องทำการบ้านตลอด ผมจะไป Music One ช่วงกลางวัน ผมรู้จักกับเด็กสั่งซีดี ผมก็สั่งซีดีเป็นตั้ง 40-50 แผ่นพวกวงใหม่ๆ วงอังกฤษ ที่บางทีแทบไม่รู้จัก บางวงมันออกมาแผ่นเดียวหาย แล้วพอได้มาผมก็มานั่งฟัง บางแผ่นผมเอาแค่เพลงเดียว
ถามว่าคนที่มาเที่ยวคาดหวังไหมสำหรับคุณภาพของเพลงที่เปิด ก็คงคาดหวัง เพราะว่าทุกคนที่มาก็เป็นพวกนางแบบ คือจะเป็นคนอีกเกรดหนึ่ง เพราะร้านผมมันก็แพงพอสมควร แล้วเพลงมันก็คัดคนจริงๆ แต่พอมาถึงยุคอัลเตอร์เนทีฟมันก็มีพวกเด็กๆ มาบ้างเหมือนกัน หลังๆ เลยจะมีปัญหา พอดังมากๆ ก็เป็นแบบนี้ คนบางประเภทมานึกว่าใช่ก็ไม่ใช่ก็มีเยอะ
“ในแง่ของการเปิดเพลง ผมเกือบจะโดนกระทืบหลายทีแล้วที่ไม่ยอมเปิดให้เขา แต่พอผมโตผมก็เปลี่ยนไปเยอะตอนหลังๆ ผมก็ให้ลูกค้า แต่ไม่ใช่แบบขอแล้วขออีก คือลูกค้าผมที่บลูส์บาร์จะรู้ว่า เดี๋ยวก็เปิดให้อยู่แล้วล่ะ มันเปิดซ้ำๆ แค่นี้แหละมันไม่ไปไหนหรอก
คือในยุคนั้นเราชอบอะไรก็จะเปิดไป อันไหนได้มาใหม่ๆแบบว่าชอบมาก มันก็จะเปิด 2 รอบอย่าง The Cure นี่จะเปิดเยอะมาก เพราะชอบเป็นส่วนตัว ไม่ได้เน้นเต้นมาก ตอนหลังๆ ผมก็เริ่มเปิดเพลงเต้นบ้าง อาจจะมีเอซิดแจ๊สเข้ามา คือเริ่มเป็นยุคของยาแล้ว เราก็อินไปกับเขาบ้าง ตื๊ดๆ บ้าง แต่เพลงมันก็ไม่ได้ตื๊ดถึงขนาดรับไม่ได้
“สำหรับวงอย่าง Oasis ผมเคยชอบเขาเหมือนกันนะ คือตอนเขาออกชุดแรก (Definite Maybe) ผมก็มี อย่างที่มีคนบอกว่าผมหักแผ่นโอเอซีสลูกค้า ไม่ใช่ นั่นเป็นแผ่นผมเอง คือฟังกันผิด ผมขอแก้ข่าวแล้วกัน จริงๆ แล้ว วันนั้นเขาขอโอเอซิส ผมก็บอกว่าผมไม่มีโอเอซิส คือผมจะไม่เปิดน่ะ
สำหรับคนอื่นอาจจะว่าวงนี้เก่ง แต่ผมไม่ชอบนิสัยบวกหลายอย่าง มันเป็นของปลอมน่ะ แล้วบังเอิญผมเป็นแฟนแมนยู แล้วพวกนี้มันแมนซิตี้ มันไปกรีดรถคอนโตนา คือไม่ชอบมันเป็นทุนแล้ว แล้วผมก็ชอบ Blur แล้วพอมีฝรั่งมาขอ ผมก็บอกว่าผมมีเบลอร์เอาไหม มันก็บอกว่ามันเกลียดเบลอร์ กูก็เกลียดโอเอซิส...คือจริงๆ ผมก็ไม่ได้เกลียดหรอกครับ ผมแค่ไม่ชอบที่จะเปิดให้เขา ผมก็บอกว่ากูก็ไม่ชอบโอเอซิส
คือฝรั่งมันก็กวนตีนอยู่แล้วล่ะ ถือว่าเป็นอังกฤษ กร่าง เป็นเจ้าของเพลง ก็เรื่องของมึง แต่มันก็ยังกวนตีนผมอยู่นั่นแหล ะกวนตีนหลายเรื่อง ผมก็เลยบอกว่าผมมีโอเอซิสอยู่แผ่นหนึ่ผมจำได้ ผมก็ให้มันดู นี่มีๆ แล้วผมก็เลยหักให้มันดู แล้วก็ไม่เปิด ชัดเจนกว่า
“เรื่องหนึ่งที่ผมยังจำได้ดีเกี่ยวกับบลูส์บาร์คือ มันมีข่าวลือว่าไอ้ Dave Gahan นักร้องนำวงเดอเพอเช่โม้ดมันเสพยาเกินขนาดตาย แล้วตอนนั้นไอ้โต้ สุหฤท (สยามวาลา) Suharit Siamwalla มันเป็นลูกค้าผม วันนั้นมันอยู่อีกร้านหนึ่ง คือร้านผมมันมีบลูส์ มี Red (Red Bar) เรดนี่อยู่ทองหล่อ พอมีคนโทรหาผมที่ร้าน ว่ามีข่าวมาว่าเดฟมันตาย เราก็โทรไปบอกไอ้โต้ มันก็ขับรถมาร้องไห้ที่ร้าน แล้วก็มีการเรียกคนที่ชอบเดอเพอเช่โม้ดมารวมตัวกันที่ร้าน แต่สุดท้ายก็รู้ความจริงว่า ตอนหลังเขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ไม่ตาย รอดมาได้
“ถึงวันนี้ ผมได้ยินคนพูดถึงบลูส์บาร์เยอะ ผมไม่อยากพูดด้วยตัวเอง เดี๋ยวหาว่ายกย่องร้านตัวเอง ผมเอาคำจากคนอื่นที่เขาเก๋ๆ หรือเป็นคนที่มีรสนิยมทางสังคมมาแล้วกันนะ คือเขาบอกว่าบลูส์บาร์เป็นร้านที่เทรนดี้สุดในยุคนั้น ถ้าผมพูดเองมันดูกระดากปาก แต่ผมว่าแม่งโคตรเทรนดี้เลย เพราะผมให้กับร้านนี้มาก คือบางทีบางวันขาดทุนน่ะ เพราะยุคนั้นแต่ละวันผมซื้อซีดีในเยอะมาก ผมไม่ชอบเด็กสมัยนี้ คนไทยตอนนี้มีอยู่ 2 อย่างไม่ฮิปฮอปก็เพลงไทยไปเลย ตอนนั้นมันหลากหลายกว่า คือผมได้ทุกแนวเก่าใหม่ แล้วทุกคนก็รับได้หมด
“โดยส่วนตัวผมชอบยุค 90 มาก เพราะมันเป็นอะไรที่สนุกมาก ยิ่งตอนปี 1995 นี่ร้านผมกำลังทำเงินเลย คือลูกค้าเยอะมาก ผมสามารถหาเพลงใหม่ๆ ได้ทุกวัน มีวงใหม่ๆ ออกได้แทบทุกวัน ในความคิดผม มันเป็นยุคของคนกลุ่มน้อย แต่ก็มันทำให้ดนตรีมาถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้มีกลิ่นของอัลเตอร์เนทีฟหมด ไม่ว่าสมอลล์รูม เป็นยุคที่สนุกมากเพราะว่าผมมีความสุขกับการที่ได้ไปหาเพลงเดินทุกวันสยามสีลมบ้างมีความสุขที่ได้เพลงใหม่ๆ” ดีเจติ
9. บิลลี่ - สิเรียม ลั่นระฆังวิวาห์
นับตั้งแต่แสดงหนังเรื่อง รักซึมลึก ด้วยกัน บิลลี่ โอแกน กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ คบหาเป็นแฟนกันอย่างเปิดเผย และยังคงครองรักกันอย่างน่าชื่นชมตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี แล้วในที่สุดเมื่อปี 2538 มาถึง ความรักที่เพาะบ่มมาด้วยกันก็ถึงเวลาสุกงอม และนำไปสู่งานแต่งงาน โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากที่สุดงานหนึ่งของปีนี้
10. ดำ ฟอร์เอเวอร์ สละโสด
ดำ ฟอร์เอเวอร์ ช็อกวงการด้วยการประกาศแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมา 3-4 ปีนาม มาช่า โดยมีอดีตนายกฯ ชาติชาย ชุณหะวรรณ เป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าบ่าว
11. โลกทั้งใบให้นายคนเดียว
ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่าย อาร์เอส.ฟิล์ม ที่นำเอาไอดอลขวัญใจวัยรุ่นมาประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นสมชาย เข็มกลัด, สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา หรือ ปราโมทย์ แสงศร เมื่อบวกกับตัวบทที่เป็นดราม่าเข้มข้นสลับกับความโรแมนติกได้อย่างลงตัว กระทั่งชนะใจผู้ชมจะสามารถทำรายได้มากกว่า 55 ล้านบาท ทำสถิติเป็นหนังไทยที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ณ ช่วงเวลานั้น รวมทั้งสามารถคว้ารางวัลมาครองได้อีกมากมายจากหลายเวที
ไม่ว่าจะเป็นรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี หรือรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ของปี 2538 เรียกว่ารางวัลใหญ่ๆ กวาดเรียบ
12. บุญชู ภาค 8
บุญชูผู้น่ารัก เจ้าของสระอูที่ย้าวยาว ที่บวชเรียนนาน จนกลายเป็นนักเรียนโข่ง ต้องจากบ้านนาที่สุพรรณมากวดวิชากับรุ่นน้องวัยเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำให้เขาได้พบกับเพื่อนแท้ และ “คุณโม” รักแท้ในชีวิต...ที่เล่ามายาว ไม่แพ้ตามประสาบุญชูนี้ก็ไม่ใช่อะไร เพียงแค่อยากระลึกถึง ก่อนหน้าที่จะได้ชมภาค 8 ของบุญชู ที่ได้ฤกษ์ฉายรอบพิเศษในวันที่ 18 ก.ค.นี้เท่านั้น
13. โน้สฉายเดี่ยว
หลังจากที่ลาออกจากการเป็นเสนาของรายการ ยุทธการขยับเหงือก ที่กำลังพุ่งถึงขีดสุดในแง่ของความนิยมจากผู้ชมทั่วประเทศ ที่ต่างก็จับตาว่าอดีตเสนาโน้ส – อุดม แต้พานิช ที่เรียกเรตติ้งให้รายการมาโดยตลอดนั้นจะทำอะไรต่อไป และโดยไม่ต้องนั่งรอกันนาน โน้สก็มาเปิดเผยถึงแผนการในอนาคตของเขาเป็นครั้งแรกในรายการ สี่ทุ่มสเควร์ ในวันพฤหัสที่ 20 ก.ค. กับโครงการที่เขาเรียกว่า “One Stand Up Comedy” ซึ่งยังไม่เคยมีในเมืองไทยมาก่อน
14. คำขวัญวันเด็กประจำปี 2538
สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม - นายชวน หลีกภัย
15. นายกรัฐมนตรีคนที่ 21
ผลการเลือกตั้งครั้งที่ 20 ผลคือ พรรคชาติไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของไทย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2538 หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2535 เรื่อยมาจนกระทั่งประกาศยุบสภาในที่สุด
16. นางสาวไทยคนที่ 33
มะปราง-ภาวดี วิเชียรรัตน์ สาวอายุ 20 ปี สูง 168 เซนติเมตร เป็นผู้ได้รับการยกย่องในความงามอย่างมีคุณค่า ให้เป็นนางสาวคนประจำปี 2538 โดยเป็นนางสาวไทยอีกหนึ่งคนที่เติบโตที่ต่างประเทศ - ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา และเคยเป็นธิดาโดมแอลเอและกุลสตรีสงกรานต์วัดไทย ในแอลเอ กระทั่งได้รับฉายาเป็น “น้องป๊อปสอง” นอกจากนั้นภาวดียังเป็นนางสาวไทยเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งนางสาวไทย 2 ปีซ้อน เนื่องจากมีพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทำให้ต้องงดการจัดการประกวดนางสาวไทยในปี 2539
ล้อมกรอบ
“สำหรับผมปี 37 มันเหมือนปีของการเกิดขึ้นของซีนอินดี้แบบเงียบๆ มี GT (Generation Terrorist) เกิดขึ้น โมเดิร์นด็อกออกชุดแรก Crub ออกชุดแรก (View) ปีนั้น ซึ่งมันเล็กมาก มันเป็นนิวเครียสเล็กๆ ตอนนั้นก็คือฟังเพลงไทยแบบนั้น เพราะฉะนั้นปี 38 มันก็เลยเป็นผลสืบเนื่องจากปี 37 คือหนังสือ จีที ได้รับการพูดกันปากต่อปากมากขึ้น มี T-Club แม้กระทั่ง Crossroad หรือ Music Express เองก็เล่นกับศิลปินอัลเตอร์เนทีฟ
ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาก็เป็นเมนสตรีม แล้วรายการป้าแต๋วก็ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นทีละนิด โดยมี จีที ที่ต่างใช้เป็นส่วนเสริมกันและกัน แล้วก็โมเดิร์นด็อกก็ขยายตัวกันมากขึ้น พร้อมๆ กับการเกิดของเบเกอรี่ฯ
ที่สำคัญคือ พี่วินิจ (เลิศรัตนะชัย) เริ่มทำไพเรต (Pirate Radio 89 MHz) มีร้านซีดี Quark อยู่ตรงสยาม มี Tower Records ด้วย ทาวเวอร์เรคอร์ดมันทำให้เน็ตเวิร์คสมบูรณ์ เมื่อก่อนคุณต้องรู้จักมันก่อน คุณต้องรู้จักเพลง ผมตัดสินใจซื้อเทป White Out เพราะว่าผมได้ฟังจากเครื่องลองที่ทาวเวอร์ฯ ถ้าผมไม่ได้ฟัง ก็ไม่แน่ว่าผมจะได้ซื้อ
แล้วก็พูดกันแบบเหี้ยๆ เลยนะ พูดกันแบบตรงไปตรงมานะ แม้กระทั่งเทปผี แม่งก็ยังมีอิสระ ผมได้เปิดหูเปิดตาเพราะเทป Peacock 3 ม้วนร้อย ไม่งั้นผมไม่มีทางซื้อ ไม่มีทางฟังเพลงเยอะๆ ได้แน่ๆ เพราะผมไม่มีตังค์ซื้อเทปลิขสิทธิ์ทุกม้วน คือตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดน่ะ แม้แต่เทปผียังสมบูรณ์เลย
“ดังนั้นพอปี 38 เน็ตเวิร์คมันต่อเชื่อมถึงกันหมดแล้ว มีค่ายเทปอินดี้แล้ว ที่เป็นอินดี้จริงๆ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าอินดี้มันบริสุทธิ์ มันไม่ได้เป็นฉลากอินดี้เหมือนหลังจากนั้นอีกปีครึ่งให้หลัง ก็ตามสไตล์คนไทยน่ะ มีอะไรก็มีตามๆ กัน มีค่ายเทป มีนิตยสาร มีรายการวิทยุ ที่เปิดเพลงสากล มีสถานีวิทยุที่เป็นอย่างนี้จริงๆ
มีแมกกาซีน แถมมีเฟสติวัลเล็กๆ (เทศกาลบันเทิงคดี) ของน้าซัน (มาโนช พุฒตาล) ด้วยเน็ตเวิร์คที่เราสามารถลากจุดเชื่อมต่อได้หมด มันเหมือนกับตอนที่แฟตไปต่อจุดกับเบเกอรี่ฯ หรือมีดีดีทีมีแฟต เหมือนที่เป็นในอีกยุคหนึ่ง
“วงการเพลงสากลกับบ้านเรามันตามไม่นานนัก คือยังไม่นาทีต่อนาที เนื่องจากตอนนั้นอินเตอร์เน็ตมันยังไม่สมบูรณ์อย่างเดี๋ยวนี้ แต่ตอนนั้นมันตามให้หลังอยู่ 2-3 เดือน ตอนนั้น Select กับ Vox ยังอยู่ ส่วน Tabloid ก็มี Melody Maker กับ NME
คือตอนนั้นเราจะตามเป็นอาทิตย์ให้หลังอาทิตย์สองอาทิตย์ คือเหมือนกับพอ Music One สั่ง NME เล่มนี้มา พวกเราก็รุมใช้มัน ก็เรียกว่าทันนะ ช่วงนั้นถ้ากระแสฝั่งอังกฤษก็เป็นบริตป๊อป ถ้าฝั่งอเมริกามันก็คือ อัลเตอร์เนทีฟร็อก โมเดิร์นร็อก มันก็คู่กันไป มันถูกห่อในแพ็คเกจเดียวกันที่เรียกว่าอัลเตอร์เนทีฟ
“ช่วงนั้นเริ่มมีคอนเสิร์ตมาค่อนข้างมากในหลายๆ ที่ อย่างที่ Blue Moon Junction ตรงทองหล่อ ก็มี Moist มี Dog Eat Dog มาเล่นที่นี่ แล้วก็ถ้าเกิดคอนเสิร์ตฮอลล์ก็ต้อง Dance Fever แล้วอีกที่อยู่ใกล้ๆ แดนซ์ฟีเวอร์ รัชดา ตรงข้ามเยาฮัน ก็มี Ash มาเล่นที่นี่ตั้ง 3 ครั้ง (Hollywood)
“ช่วงหลังจากนั้นจาก 1995 แล้วยาวไปถึง 96-97-98 ตอนนั้นเกือบทุกวงแม่งมาหมดแล้ว ขาดวงหลักๆ เท่านั้นวงหลักๆ ที่มาไม่ได้อย่าง Nirvana ที่ไม่มีทางมาอยู่แล้ว Oasis ตอนนั้นก็ใหญ่เกินกว่าจะมาได้ แล้วที่เหลือก็มาหมดนะ วงหลักๆ ก็มาหมด ก็อย่างที่บอกนะว่า คอนเน็คชั่นมันสมบูรณ์แล้ว แล้วเมื่อมี Demand เขาก็มี Supply ให้ สนุกดีๆ” จักรพันธุ์ ขวัญมงคล Tar Kwanmongkol
17. S.E.A Write 1995
ม้าก้านกล้วย หนังสือกวีนิพนธ์ของไพวรินทร์ ขาวงาม ได้ทำให้เขากลายเป็นกวีมือรางวัล โดยคว้ารางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือซีไรต์ และยังได้รับเลือกให้เป็นหนังสือนอกเวลาภาษาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมถึง ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อว่า Banana Tree Horse โดย หม่อมหลวงพีระพงศ์ เกษมศรี อดีตราชเลขาธิการอีกด้วย
18. มวยไทยไปทั่วโลก
เพื่อต้อนรับปีสืบสานวัฒนธรรมไทยในปีถัดไปคือ 2539 รัฐบาลก็ได้สนับสนุนให้กรมพลศึกษา สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมมวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาศิลปะมวยไทยหลาย ๆ รูปแบบ โดยเฉพาะจัดให้มีการประชุมแถลงข่าวการจัดตั้งสภามวยไทยโลก วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2538 รวมทั้งมีการจัดงานมหกรรมมวยไทยและการแข่งขันมวยไทย ชิงแชมป์โลกขึ้นที่ประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ 2538 ณ สนามกีฬาแห่งชาติ อีกด้วย
19. ศิริมงคล รุ่งสุดขีด
ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ เจ้าของหมัดแย็บที่แม่นยำ และฉายา "เทพบุตรหน้าหยก" ที่โด่งดังจากการชกมวยไทยมาก่อน และเมื่อได้เปลี่ยนมาชกมวยสากลได้คว้าแชมป์ซูเปอร์ฟลายเวท และแบนตั้มเวท ของสหภาพมวยโลก (WBU) ในปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะสละตำแหน่งไปเพื่อครองแชมป์โลกในสถาบันที่ใหญ่กว่า คือ สภามวยโลก (WBC)
20. SEA Games 1995
การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 18 ที่ครั้งนี้ประเทศเป็นเจ้าภาพ โดยจัดกันที่สนามกีฬา 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 9-17 ธันวาคม 2538 ซึ่งประเทศไทยครองความเป็นเจ้าเหรียญทอง ด้วยสถิติ 157 เหรียญทอง 98 เหรียญเงิน และ 91 เหรียญทองแดง สิริรวม 346 เหรียญ ทิ้งห่างจากอันดับสองคือ ประเทศอินโดนีเซีย มากถึง 125 เหรียญ
21. ซูเปอร์สตาร์นักบาส
สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล ซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะทั้งฝีมือ หน้าตาทำให้ทุกครั้งที่ น้องแว่น ลงเล่น คนดูเต็มสนามทุกที และทำให้บาสเกตบอลกลับมาเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอีกครั้งตอนนี้แว่นก็ยังเล่นบาสเกตบอลอยู่เหมือนเดิม
22. 1995 FA Cup
ศึกเอฟเอคัฟประจำปี 2538 อันเป็นปีที่ 50 แล้ว ในรอบสุดท้ายเป็นศึกชิงแชมป์ระหว่างทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน Everton กับ ทีมปีศาจแดง Manchester United ซึ่งหลังจากที่หมดเวลาการแข่งขัน ทีมที่สามารถคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุดคือทีมเอเวอร์ตันที่ทำประตูเหนือผีแดงไปได้อย่างฉิวเฉียดคือ 1-0 จากการโหม่งของ Paul Rideout และกลายเป็นการคว้าแชมป์เอฟเอคัพจากทีมที่อยู่นอก "Big Four" คือ Arsenal, Chelsea, Liverpool และแมนยู จนกระทั่งปี 2008
23. 1995 NBA
การแข่งขันบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอของปี 1995 นั้นอยู่ในฤดูการแข่งขันควบระหว่างปี 1994-1995 ซึ่งผลรอบชิงชนะเลิศนั้น ทีม Orlando Magic พบกับทีม Houston Rockets ซึ่งเป็นหนึ่งในแมตช์ที่แฟนบาสทุกคนไม่อาจคลาดสายตาได้ เพราะเป็นศึกที่ทุกคนจะได้ชมการปะทะกันระหว่างสองเซ็นเตอร์มากฝีมืออย่าง Shaquille O'Neal แห่งทีม Magic กับ Hakeem Olajuwon แห่ง Rockets ก่อนที่ฮุสตันร็อกเก็ตส์จะสามารถคว้าชัยเหนือโอแลนโด้แมจิกได้อย่างน่าตื่นเต้นไปด้วยสกอร์ 120-118
24. 1995 Wimbledon Championships
Pete Sampras สามารถเอาชนะ Boris Becker ไปได้ 3 ต่อ 1 เซ็ต ด้วยคะแนน 6-7(5-7) 6-2 6-4 6-2 พร้อมกับคว้าแชมป์เทนนิส ประเภทชายเดี่ยวไปครองได้สมฝีมือ ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ครั้งที่สามในรอบปี 1995 ของของแซมพราสแล้ว และส่งผลให้เขาทำสถิติเป็นแชมป์วิมเบิลดันปีที่สามติดต่อกัน
25. 5,674,380,000
คือปริมาณของประชากรในโลกที่ถูกบันทึกเอาไว้ในปี 1995
ล้อมกรอบ
“สำหรับผม ยุคนั้นน่ะ ถ้าเปรียบเหมือนของฝรั่ง ก็เหมือนเป็นยุคฮิปปี้เลยครับ เป็นยุคที่ทุกอย่างเป็นดนตรีหมด ดนตรีคือชีวิตเลย เป็นยุคที่นักดนตรี คนฟัง ทุกอย่างมีความสุขหมดเลย ความสุขที่ได้มาดูคอนเสิร์ต คนดูแต่งตัวตาม...แต่งตัวบ้าๆ บอๆ ก็มี คนเล่นก็เล่นอย่างมันส์ๆ อยากจะคิดอะไรได้ก็เล่น มันเหมือนคนมีแรงบันดาลใจแล้วทำที่อยากทำ บางคนก็ไม่ได้เล่นเก่ง แต่เขาก็รู้สึกกล้าที่จะขึ้นมาเล่น ถือว่าเป็นยุคทองของวงการเลย ยุคอัลเตอร์เนทีฟ
“กระแสอัลเตอร์เนทีฟตอนนั้นถือว่ายิ่งกว่าแฟชั่นอีก อย่างที่บอก ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักศึกษา ส่วนหนึ่งของวัยรุ่นเลย ยิ่งกว่าตอนนี้อีก ผมว่าตอนนั้นกระแสอัลเตอร์เนทีฟมันครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย แล้วยิ่งตอนช่วงที่เบเกอรี่ฯ ดังนี่ เบเกอรี่ฯ ครองเมือง ชีวิตมีความสุขมาก เวลาวัยรุ่นมีความรัก มีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเลยมีความสุขมาก อกหักก็มีเพลงมา ปิ๊งสาวก็มีเพลงมาเกี่ยว แล้วมีเวทีให้เล่น ให้แสดงออกบ้าๆ รู้สึกว่าเป็นยุคที่น่าสนใจมาก” อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา Tar Paradox
Playlist of 1995
1. Rhythm & BOYd / บอย โกสิยพงษ์
2. อมิตา ทาทา ยัง / ทาทา ยัง
3. ไข้ป้าง / นครินทร์ กิ่งศักดิ์
4. Moving Mos / มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์
5. พราว / พราว
6. JoeyMan / Joey Boy
7. Choola Choola / เจตริน
8. Natural High / อรอรีย์
9. สนามเด็กเต้น / ลิฟท์-ออย
10. รวมกันเฉพาะกิจ / โจ&ก้อง
11. สองเอก / Sepia
12. Micky / มิกกี้-ปิยะวัฒน์ เปี่ยมเปี้ย
13. Zequence / สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์
14. 6.2.12 / คริสติน่า อากีล่าร์, เจตริน วรรธนะสิน, ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, ทาทา ยัง, U.H.T และ นัท มีเรีย
15. เพลงประกอบภาพยนตร์ โลกทั้งใบให้นายคนเดียว / สมชาย เข็มกลัด และ สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
โฆษณา