Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
1 ก.ย. เวลา 09:16 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 23 เล่นงานเจี่ยยุ่ย
ขณะพี่เฟิ่งสนทนากับผิงเอ๋อ ตัวต้นเรื่องก็มาถึง มีคนเข้ามาแจ้งว่า “นายท่านยุ่ยมาถึง”
พี่เฟิ่งว่า “เชิญเข้ามา”
เจี่ยยุ่ยรู้ว่าพี่เฟิ่งเชิญก็แอบดีใจ พอพบหน้าก็ยิ้มระรื่นไต่ถามทุกข์สุข พี่เฟิ่งแสร้งต้อนรับขับสู้อย่างดีเชิญนั่งเชิญดื่มชา เจี่ยยุ่ยเห็นพี่เฟิ่งแต่งตัวงดงามยิ่งรู้สึกระทดระทวย ทำตาหยาดเยิ้มถามว่า
“พี่รองทำไมยังไม่กลับ”
พี่เฟิ่งว่า “ข้าก็ไม่รู้สาเหตุ”
เจี่ยยุ่ยยิ้มว่า “หรือว่าระหว่างทางสะดุดใครล้มจนกลับมาไม่ได้”
พี่เฟิ่งว่า “รู้อยู่ว่าพวกผู้ชายพอเห็นใครก็ตกหลุมรักได้เสมอ”
เจี่ยยุ่ยยิ้มว่า “พี่สะใภ้กล่าวผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คนประเภทนั้น”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “จะหาคนอย่างท่านได้กี่คน สิบคนอาจจะหาไม่ได้สักคน”
เจี่ยยุ่ยฟังแล้วใจฟู ขยี้หูเกาแก้มว่า
“พี่สะใภ้วันวันคงเหงาน่าดู”
พี่เฟิ่งว่า “ก็ใช่อยู่ รอคนมาคุยแก้เหงา”
เจี่ยยุ่ยยิ้มว่า “ข้ากลับว่างทุกวัน ถ้าข้าผ่านมาช่วยพี่คลายเหงาทุกวันจะดีไหม”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ท่านล้อข้าเล่นกระมัง ท่านจะยอมมาหรือ”
เจี่ยยุ่ยว่า “หากข้าพูดปดแม้คำเดียว ขอให้ฟ้าผ่า ปกติคนมักพูดกันว่า พี่สะใภ้ร้ายกาจนัก ไม่เคยให้อภัยหากใครทำผิด ข้าเองก็ยังกลัว มาวันนี้เห็นท่านพูดเล่นยิ้มหัว ทำไมข้าจะไม่กล้ามา ถึงตายก็ยอม”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ท่านเป็นคนฉลาด เทียบกับหยงเอ๋อสองพี่น้องแล้วต่างกันไกล คู่นั้นเขาหน้าตาดี น่าจะฉลาดแต่กลับเลอะเลือน ไม่รู้ใจใครสักนิด”
เจี่ยยุ่ยฟังคำยิ่งเต็มตื้นในหัวอก อดไม่ได้ต้องขยับเข้าใกล้ มองไปเห็นถุงผ้าใบเล็กของพี่เฟิ่ง จึงเสถามว่า
“สวมแหวนอะไรอยู่”
พี่เฟิ่งลดเสียงว่า “สำรวมหน่อย อย่าให้พวกสาวใช้เห็น”
เจี่ยยุ่ยรีบกระถดถอยดังได้รับพระเสาวณีย์ พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ท่านควรกลับได้แล้ว”
เจี่ยยุ่ยว่า “ข้ายังอยากนั่งต่ออีกหน่อย พี่ช่างใจร้ายนัก”
พี่เฟิ่งกระซิบว่า “กลางวันแสกๆ คนผ่านไปผ่านมา ท่านอยู่ที่นี่ไม่สะดวก กลับไปก่อน ค่ำค่ำค่อยมาใหม่ ไปรอข้าเงียบๆ ที่โถงระเบียงตะวันตก”
เจี่ยยุ่ยดีใจเหมือนได้แก้ว รีบถามว่า “ท่านอย่าล้อข้าเล่น ตรงนั้นเป็นทางผ่าน จะไปหลบที่ไหน”
พี่เฟิ่งว่า “ท่านวางใจ ข้าจะให้บ่าวที่อยู่เวรกลางคืนไปพัก พอปิดประตูโถงทั้งสองฝั่ง ก็ไม่มีใครผ่านเข้าออกได้”
เจี่ยยุ่ยได้ฟังก็ลิงโลด รีบลากลับ คิดในใจว่าได้การ
พอตกเย็น เจี่ยยุ่ยกลับมาจวนหยงก่อนจะปิดประตู ลอบเข้ามาในโถงระเบียง 穿堂 ประตูโถงข้างตะวันตกที่เปิดไปทางเรือนแม่เฒ่าเจี่ยปิดประตูใส่กุญแจแล้ว เหลือประตูโถงข้างตะวันออกยังเปิดอยู่ เจี่ยยุ่ยเงี่ยหูฟังอยู่เป็นนานไม่เห็นมีใครผ่านมา พลันมีเสียงลงกลอน ประตูทางตะวันออกถูกปิดลง เจี่ยหยงไม่กล้าส่งเสียง ออกจากที่ซ่อนมาลองผลักประตูดู มั่นคงดังถังเหล็ก คิดจะกลับออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ข้างเหนือใต้เป็นกำแพงสูงหมดหนทางป่ายปีน
โถงระเบียงนี้เป็นที่ว่างเชื่อมลานบ้านสองแห่งจึงโปร่งโล่ง ขณะนี้เป็นเดือนล่าเยว่ 腊月 เดือนสุดท้ายของปี กลางคืนยาว ลมเหนือหนาวเย็นเสียดกระดูก เจี่ยยุ่ยติดกับอยู่กลางโถงตลอดคืน แม้จะรอดมาได้โดยไม่แข็งตาย แต่ทุกข์ทรมานเหลือเข็ญกว่าจะถึงเช้า พอแม่บ้านมาเปิดประตูข้างตะวันออกเดินคล้อยหลังจะไปเรียกประตูข้างตะวันตก เจี่ยยุ่ยรีบโอบไหล่วิ่งออกมาจากโถง โชคดีที่ยังเช้า ไม่ทันมีใครตื่น หลบออกจากจวนมาทางประตูหลัง
เจี่ยยุ่ยนั้นบิดามารดาเสียไปนานแล้ว อาศัยอยู่กับปู่ชื่อไต้หยู 代儒 ผู้เลี้ยงดูอบรมอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้เจี่ยยุ่ยคลาดสายตา เกรงว่าจะไปสำมะเลเทเมาหรือติดการพนันจนเสียการเรียน พอเห็นเจี่ยยุ่ยหายไปทั้งคืน ก็คาดเดาว่าหากไม่ไปเมาเหล้าก็คงเล่นการพนัน นอนซ่องโสเภณี จึงหัวเสียอยู่ตลอดคืน เจี่ยยุ่ยจำปาดเหงื่อโกหกว่า
“ไปบ้านท่านน้า เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เลยให้ข้าค้างแรมคืนหนึ่ง”
ไต้หยูว่า “แต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกข้าก่อน แล้วเมื่อวานทำไมถึงลอบออกไป อย่างนี้สมควรถูกตี นี่ยังไม่นับเรื่องที่พูดโกหก”
ด้วยเหตุนี้จึงระบายโทสะโดยหวดเสียสี่สิบที ห้ามกินข้าว ให้คุกเข่าท่องบทความอยู่กลางลาน ทบทวนบทเรียนเมื่อสิบวันก่อนจบจึงยุติ
เจี่ยยุ่ยทนหนาวมาทั้งคืน ต้องมาถูกตี อดข้าว คุกเข่าท่องบทความ ลำบากยากเข็ญ แต่ไม่อาจลดทอนความคิดอันชั่วร้ายต่อพี่เฟิ่งได้ พ้นไปสองวัน พอมีเวลา ก็มาหาพี่เฟิ่งอีก
พี่เฟิ่งแสร้งต่อว่าที่ไม่รักษาสัญญาจนเจี่ยยุ่ยต้องรีบสบถสาบาน พี่เฟิ่งรู้ว่าตกหลุมแน่แล้ว จึงวางแผนเล่นงานใหม่โดยนัดว่า
“เย็นนี้ ท่านอย่าไปที่เก่า สุดทางน้อยด้านหลังห้องของข้านี้ มีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง ท่านไปรอในนั้น แล้วอย่ากระโตกกระตาก”
เจี่ยยุ่ยว่า “เอาจริงหรือ”
พี่เฟิ่งว่า “ไม่เชื่อก็ไม่ต้องมา”
เจี่ยยุ่ยว่า “มาสิ ต้องมา ถึงตายก็ต้องมา”
พี่เฟิ่งว่า “ตอนนี้ก็กลับไปก่อน”
เจี่ยยุ่ยนัดแนะเวลาเย็นนี้ไว้แล้ว ก็กลับออกไปก่อน ทางด้านพี่เฟิ่งก็วางกับดัก จัดวางกำลังขุนพลและไพร่ราบ
เจี่ยยุ่ยอยากเร่งให้ถึงยามเย็นโดยไว กลับมีญาติมาเยี่ยมทั้งยังอยู่กินข้าวเย็นก่อนกลับอีก พอถึงเวลาตามตะเกียง ก็ยังต้องรอให้ปู่เข้านอนก่อนจึงลอบมาจวนหยงได้
เจี่ยยุ่ยเข้าไปซ่อนตัวรอในห้องกลางทางน้อยที่นัดหมาย กระสับกระส่ายเหมือนมดไต่อยู่บนหม้อร้อน เฝ้ารอซ้ายไร้เงาคน ขวาไร้สุ้มเสียง ใจจึงนึกกลัว อดสงสัยไม่ได้ว่า
“ชะรอยจะไม่มาอีกละมัง ข้าคงต้องทนหนาวไปอีกคืน”
กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น เห็นเงาคนผู้หนึ่งตะคุ่ม ๆ เข้าห้องมา เจี่ยยุ่ยมั่นใจว่าเป็นพี่เฟิ่งแน่ พอมาถึงตรงหน้าก็ไม่สนใจหน้าอินทร์พรหม ดังเสือตะครุบเหยื่อ แมวตะปบหนูตรงเข้ากอดไว้แน่นร้องว่า
“ซ้อที่รัก ข้ารอแทบตาย”
ว่าแล้วก็อุ้มมาวางบนเตียงผิงระดมจูบพร้อมถกกางเกงลง ปากก็พร่ำแต่ที่รักที่คิดถึงไม่หยุดปาก คนผู้นั้นก็นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง เจี่ยยุ่ยถกกางเกงตัวเองลง แข็งโป๊กเป๊กหาทางจะจับยัด พลันมีแสงสว่างขึ้น เจี่ยเฉียง 贾蔷 ชูโคมส่องมาว่า
“ใครอยู่ในห้องนี่”
คนบนเตียงหัวเราะแล้วตอบว่า
“ท่านอาใหญ่ยุ่ยกำลังจะล่อข้า”
พอหันมองเต็มตา เจี่ยยุ่ยขายหน้าแทบแทรกแผ่นดิน ที่แท้คือ เจี่ยหยง 贾蓉 เจี่ยยุ่ยหันกลับจะวิ่งหนี เจี่ยเฉียงคว้าตัวไว้ว่า
“อย่าหนี ตอนนี้ ท่านอาหญิงรองเหลียน 琏二婶子 (ซีเฟิ่ง) บอกไท่ไท่เอาไว้แล้วว่าท่านมาเกี้ยวนาง นางจึงล่อท่านมาที่นี่ ไท่ไท่ได้ฟังก็โกรธปางตาย บอกให้ข้ามาจับท่าน รีบตามข้ามา”
เจี่ยยุ่ยเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างว่า “หลานรัก เจ้าแค่บอกว่าไม่พบข้า พรุ่งนี้ข้าจะสมนาคุณอย่างหนัก”
เจี่ยเฉียงว่า “ปล่อยท่านไปเป็นไรมี ท่านจะจ่ายข้าเท่าไร พูดปากเปล่าคงไม่ได้ ต้องเขียนสัญญาไว้ด้วย”
เจี่ยยุ่ยว่า “เรื่องนี้จะให้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างไร”
เจี่ยเฉียงว่า “ไม่เห็นเป็นไร เขียนว่าเสียพนัน จึงขอยืมเงินกี่ตำลึงก็ว่าไป”
เจี่ยยุ่ยว่า “ก็ได้ ไม่ยาก”
เจี่ยเฉียงออกจากห้องมาเอากระดาษพู่กันที่เตรียมไว้แล้ว เอามาให้เจี่ยยุ่ยเขียน ทั้งคู่แกล้งขู่แกล้งปลอบ เจี่ยยุ่ยจึงเขียนจำนวนเงินเป็นห้าสิบตำลึงแล้วลงชื่อ เจี่ยเฉียงเก็บสัญญาขึ้น แล้วเรียกเจี่ยหยงกลับ เจี่ยหยงไม่ยอมว่า
“พรุ่งนี้ ข้าจะบอกพวกคนในตระกูลให้เป็นผู้ตัดสิน”
เจี่ยยุ่ยรีบโขกศีรษะคำนับ เจี่ยเฉียงไกล่เกลี่ย ลงท้ายเจี่ยยุ่ยเขียนสัญญากู้อีกฉบับเป็นเงินห้าสิบตำลึง
เจี่ยเฉียงกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ข้าจะปล่อยท่านไป มีอะไรข้าต้องรับผิดชอบ ประตูทางฝั่งเหล่าไท่ไท่ปิดไปนานแล้ว นายท่านกำลังตรวจรับของที่มาจากหนานจิงอยู่ในห้องโถง ทางนี้ก็ผ่านไม่ได้ มีแต่ต้องไปทางประตูหลัง แต่ถ้ามีคนเห็น ข้าก็คงเดือดร้อนไปด้วย ข้าจะไปดูลาดเลาก่อน แล้วค่อยมาพาท่านออกไป ห้องนี้ก็ซ่อนตัวไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวจะมีคนเอาของมาเก็บ ข้าต้องหาที่ซ่อนให้ใหม่”
กล่าวจบก็คว้ามือเจี่ยยุ่ย ดับโคม พาออกมานอกลาน คลำทางมายังข้างบันไดแห่งหนึ่งว่า
“ย่อตัวหลบที่ซอกนี้ก่อน อย่าส่งเสียง รอข้ามารับ”
แล้วสองคนก็หายลับไป
เจี่ยยุ่ยจำใจต้องนั่งยองๆ อยู่ข้างบันได ไตร่ตรองว่าจะทำอย่างไรต่อไป พลันมีเสียงดังเหนือหัว มีคนเทถังอาจมมาจากด้านบน ราดใส่ตนจนเต็มตัวทั้งหัวหู เจี่ยยุ่ยอดไม่ได้ร้อง “ไอ้หยา” แล้วรีบตะครุบปิดปากตัวเองไว้ไม่ส่งเสียง ทั้งหน้าทั้งตัวเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล เปียกแฉะจนสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น แล้วก็ได้ยินเสียงเจี่ยเฉียงตะโกนมาว่า
“เร็วเข้า รีบไป”
เจี่ยยุ่ยกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง โกยอ้าวสามก้าววิ่งเป็นสองออกทางประตูหลังตรงมายังบ้านตนเองเมื่อยามสาม ตะโกนเรียกคนมาเปิดประตู คนในบ้านเห็นสภาพแล้วถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น”
เจี่ยยุ่ยโกหกไปว่า “ฟ้ามืด เลยพลัดตกลงไปในส้วม”
แล้วรีบเข้าห้องไปเช็ดล้างผัดเสื้อผ้า ในใจนึกถึงพี่เฟิ่งที่หลอกเล่นงานเขาก็รู้สึกแค้นใจ แต่พอคิดถึงใบหน้าอันงดงามของพี่เฟิ่ง ก็นึกเสียใจที่ไม่อาจกอดนางไว้ในอ้อมอกแม้สักครั้ง คิดฟุ้งซ่านตลอดคืนจนมิอาจข่มตาหลับ นับแต่นั้น แม้จะคิดถึงพี่เฟิ่งเพียงใด ก็ไม่กล้ากรายเข้าจวนหยงได้อีก เจี่ยหยงสองพี่น้องคอยแวะเวียนมาทวงเงินตามสัญญา เจี่ยยุ่ยยิ่งกลัวว่าปู่จะรู้เรื่องเข้า โรคคิดถึงรุมเร้าถมทับเข้ากับภาระหนี้และภารกิจประจำวันทำให้เครียด
ชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษยังไม่มีภรรยา พอคิดถึงพี่เฟิ่งที่มิอาจเชยชม จำต้องอาศัยนวลนางปลายมือทั้งห้าช่วยระบาย ซ้ำร้ายยังทนหนาวปางตายถึงสองครา ในที่สุดก็ป่วยไข้ กายบวม ลิ้นไม่รู้รส แข้งขาอ่อนแรง นัยน์ตาพร่ามัว กลางคืนร้อนรุมด้วยพิษไข้ กลางวันหนาวสั่นนอนขดตัว ท่อนล่างฝันเปียก เสมหะติดเลือด อาการทั้งมวลปรากฎภายในเวลาไม่ถึงปี จนยืนไม่อยู่ หนักหัวล้มลง พอหลับตาก็ฝันร้าย พูดจาเพ้อเจ้อ คอยสะดุ้งหวาดผวา เชิญหมอมารักษา กินยาหลายขนานหมดไม่รู้กี่ชั่ง อาการไม่มีดีขึ้น
ฤดูหนาวพลันผ่านพ้น วสันต์มาถึงอีกหน อาการยิ่งหนักขึ้น ไต้หยูวิตกกังวล เที่ยวเชิญหมอ ล้วนไม่เห็นผล ในที่สุดจึงดื่มได้แต่ “น้ำแกงโสมล้วน 独参汤 (ตู๋เซินทัง)” ยาน้ำประกอบด้วยโสมเพียงอย่างเดียว ไต้หยูไหนเลยจะมีกำลังทรัพย์พอซื้อหา จำต้องมาพึ่งพาจวนหยง หวางฮูหยินสั่งให้พี่เฟิ่งชั่งโสมให้ไปสองตำลึง พี่เฟิ่งว่า
“โสมที่ได้มาใหม่นำไปประกอบยาให้เหล่าไท่ไท่ ที่เหลือท่านแม่ก็บอกให้เหลือไว้กำนัลหยางถีตู 杨提督 สำหรับไปประกอบยาให้คุณนาย ข้าเพิ่งส่งไปให้เมื่อวานนี้”
หวางฮูหยินว่า “ถ้าของเราหมดแล้ว เจ้าก็ให้คนไปถามที่บ้านแม่สามี หรือที่บ้านพี่ใหญ่เจินของเจ้าดู เอามาให้เขา กินแล้วหายช่วยได้หนึ่งชีวิต ก็นับเป็นบุญกุศลของเจ้าเอง”
พี่เฟิ่งรับคำ แต่ไม่ส่งคนไปขอจากใคร ให้กวาดเอาเศษโสมที่เหลืออยู่ไม่กี่เฉียน ใช้คนนำไปให้และให้บอกว่า
“ไท่ไท่ให้ส่งมา ไม่มีของเหลืออีกแล้ว”
ส่วนพี่เฟิ่งกลับมารายงานหวางฮูหยินว่า
“ไปขอมาแล้ว ได้มารวมสองตำลึงกว่า ให้คนส่งไปให้แล้ว”
ตอนก่อนหน้า : เจี่ยยุ่ยเกี้ยวซีเฟิ่ง
https://www.blockdit.com/posts/68b2c80e50f52d6c086ac0be
ตอนถัดไป : สองมรณกรรม
2 บันทึก
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย