3 ก.ย. เวลา 05:26 • ท่องเที่ยว
มัลดีฟส์

พักกาย ชิลใจ ที่มัลดีฟส์

Chapter 85/2: Relax and Chill at Maldives
Blog นี้อยากจะพาไปดูบรรยากาศของ Lux South Ari Atoll ค่ะ นี่ยังภูมิใจในตัวเองอยู่เลยนะที่เลือกที่พักได้ถูกใจมากๆ จนอยากจะถูกรางวัลที่ 1 แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ซักปีนึงเลย 555 เว่อร์ไปเนอะ
Blog นี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นกิจกรรมที่เราทำที่ Lux ส่วนที่สองจะเป็นส่วนแนะนำร้านอาหารค่ะ
ที่ Lux เค้าเตรียมกิจกรรมไว้ให้แขกที่มาพักหลายอย่างเลย มีทั้งที่ฟรีละก็ไม่ฟรี ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเราก็ต้องเลือกฟรีไว้ก่อน 😁 อย่างเช่นอันนี้
นี่ไม่ใช่การขูดต้นไม้ขอหวยใดๆ แต่เป็นการเขียนคำอธิษฐานแล้วเอาไปผูกไว้กับต้นไม้ที่เรียกว่า Tree Of Wishes ค่ะ
Tree Of Wishes หรือต้นไม้แห่งความปรารถนาเนี่ย Lux เค้าได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาล Tanabata ของญี่ปุ่น โดยเค้าจะให้ริบบิ้นสีเหลืองหรือสีแดงกับแขกคนละ 1 เส้นสำหรับเขียนอธิษฐาน จากนั้นก็ให้เรานำริบบิ้นไปผูกที่กิ่งของต้นไทร เชื่อกันว่าในทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวงคำอธิษฐานเหล่านี้จะเป็นจริง ก็เป็นกิมมิคน่ารักๆ อีกอย่างที่มีแขกจำนวนไม่น้อยเลยมาร่วมกิจกรรมด้วย
นอกจากการเขียนขอพรกับ Tree of Wishes แล้ว อีกสิ่งนึงที่เราต้องทำในทุกๆ วันคือการ "ตามล่าหาขวด" โดยในทุกเช้าพนักงานจะเอาขวดแก้วที่มีอยู่ประมาณ 30 ใบไปซ่อนตามทางเดินต่างๆ รอบโรงแรม
โดยในขวดแต่ละใบก็จะมีของรางวัลซ่อนอยู่ ตั้งแต่รางวัลห้องพักฟรีไปจนถึงสปาฟรีอะไรประมาณนั้น ซึ่งเด็กๆ ชอบกันมาก เช้าๆ ก็จะเห็นเด็กๆ มาเดินตามหากัน ส่วนเรานั้น…หากันจนตาแตกก็ไม่เจอ 🥲
ใครที่รักการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรต้องมาที่ยิมของ Lux เลย เค้ามีเครื่องคาร์ดิโอหลายเครื่องอยู่ มี Personal Trainer ด้วยถ้าต้องการ และที่สำคัญเค้าใช้อุปกรณ์ของ Technogym ด้วยนะฮะ
อ้อ! ใครจะใช้ยิมที่นี่ต้องมีรองเท้ากีฬามาด้วยนะ ไม่งั้นเค้าไม่อนุญาติให้ใช้ค่ะ
Fitness Center เล็กๆ แต่อุปกรณ์เยอะพอสมควร
ส่วนอันนี้เป็น Kids Club ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเอาลูกมาฝากระหว่างไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เค้าจะมีพี่เลี้ยงที่คอยดูแลน้องๆ หนูๆ ให้ด้วย เรียกว่าคิดมารอบคอบเลย บางครอบครัวเสียโอกาสทำกิจกรรมสนุกๆ เพราะเป็นห่วงเด็กๆ รีสอร์ตนี้เค้าก็สร้างส่วนนี้ไว้คอยบริการ
Zone ของเด็กน้อย
ห้องสมุดที่นี่ก็มีนะ เป็นห้องสมุดที่น่ารักมากๆ ชื่อ Wanderlust Library (ชอบชื่อจริงๆ 😁)
Wanderlust Library
เป็นห้องสมุดที่วิวดีโคดๆ มองไปเห็นทะเลสีฟ้าสวยๆ มี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นชั้นลอยเล็กๆ ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปสวยดี
นอกจากกิจกรรมตอนกลางวันแล้ว บางคืนที่รีสอร์ตก็จะมี Movie Night ที่เค้าจะเปิดหนังให้ดูที่ Sense Lounge & Bar หรือบางคืนก็มีเล่นเกมบิงโกซึ่งเราก็ไปเล่นกะเค้าด้วย
มันสนุกกว่าที่คิดแฮะ เพราะต่างคนต่างก็ลุ้นว่าจะบิงโกรึยัง แล้วก็เพิ่งรู้ว่าบิงโกนี่มันมีวิธีชนะหลายรูปแบบด้วยไม่ได้มีแค่แนวนอนกับแนวตั้ง และสุดท้าย…เราก็บิงโกกะเค้าด้วย 🥳 ได้รางวัลมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่วจาก Cafe LUX ติดมือกลับบ้านด้วย (อย่างน้อยก็มีโชคดีกะเค้ามั่ง 😆)
กิจกรรมนึงที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่มัลดีฟส์คือการนั่งเรือไปดำน้ำตื้น (Snorkeling) ซึ่งที่ Lux เค้าจะมีเรือบริการฟรีทุกวัน แต่ก็ต้องเช็คอากาศกันก่อนว่าวันนี้ไปออกเรือได้มั้ย อย่างเราตั้งใจจะไปวันที่ 2 แต่เพราะคลื่นลมวันนั้นแรงมากก็เลยออกเรือไม่ได้ต้องไปวันที่ 3 แทน
uniform สำหรับดำน้ำของเรา ตัวไม่ดำแน่นวล 😁
แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นอะไรมากเพราะเป็นการดำน้ำตื้น (Snorlkling) แล้วกระแสน้ำค่อนข้างแรงต้องว่ายสู้กันหน่อย แต่ก็สนุกดีได้ออกกำลังกายด้วยค่ะ
สิ่งที่เราสู้อุตส่าห์ลงทุนมากในทริปนี้คือการซื้อทัวร์ดูฉลามวาฬ เพราะที่ Lux นี่ถือว่าเป็นแหล่งที่เห็นฉลามวาฬได้บ่อยมาก (ถึงจะเป็นการ Snorkle ก็เห็น) เราก็คิดว่า…เอาวะครั้งนี้ตูจะได้มีบุญเห็นกะเค้ามั่ง เลยลงทุนคนละ 200 USD แน่ะ
เจ้าหน้าที่กำลังบริฟวิธีดำน้ำกับน้องฉลามวาฬ
ผลประกอบการ…ไม่เห็นค่ะ 😭 เรานั่งเรือไล่ตามหากันอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจนกัปตันสรุปว่า ยู…วันนี้น้องเค้าคงไม่มาแล้วล่ะ เศร้ามากกก ข่าวดีคือเราจะลดราคาให้คนละ 20% แล้วจะพาไปดำน้ำดูปะการังแทนละกันนะ 🥴 เฮ้อออออ
แหละนี่ก็คือกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้ทำที่รีสอร์ตนอกเหนือจากการเล่นน้ำทะเลทุกวันค่ะ
มาฮีลใจที่บาดเจ็บจากน้องฉลามวาฬไปที่เรื่องกินกันดีกว่า
ที่ Lux เค้ามีห้องอาหารหลายที่มากกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของโรงแรม (น่าจะกลัวแขกที่มาพักเบื่ออาหารซ้ำๆ) ซึ่งก็มีทั้งที่บริการบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ห้องอาหารอินเดีย ห้องอาหารญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็ยังมี Bar และคาเฟ่อีกด้วย เราสามารถเลือกไปกินที่ไหนก็ได้เพราะค่าอาหารจะรวมอยู่ในแพ็คเกจ All Inclusive แล้ว ยกเว้น Allegria และ Umami ที่จะต้องจ่ายเพิ่ม
Blog ที่แล้วเราพาไปกินมื้อเย็นที่ East Market กับไปจิบ Cocktail ที่ Senses Lounge and Bar มาแล้ว ในตอนนี้จะแนะนำร้านอื่นๆ เพิ่มนะคะ
เริ่มจากอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Mixe ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของรีสอร์ตค่ะ
Mixe
ห้องอาหารนี้ใหญ่พอสมควร บรรยากาศดีเพราะเค้าทำเป็นพื้นทรายให้ความรู้สึกเหมือนกินอาหารอยู่บนชายหาดเลย
ไลน์อาหารเยอะมากมีทั้งตะวันตกและตะวันออกและรสชาติก็ดี ที่ชอบมากคือโยเกิร์ตกับคอมบูชะ Homemade ของที่นี่ที่มีรสชาติให้เลือกเยอะและก็อร่อยมาก
ชอบที่ Mixe เค้าบริการอาหารเช้าที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย เราเลยมากินอาหารเช้าที่นี่ทุกวันเลย
ช่วงบ่ายๆ ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เราก็จะไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มที่ Lagoon Bar ค่ะ
Lagoon Bar
Lagoon Bar จะอยู่ด้านหน้ารีสอร์ตเลยใกล้กับโซนที่พัก Romantic Water Villa
บรรยากาศแบบ Beach Bar สบายๆ
ที่บาร์นี้จะมีคนมาเล่นน้ำทะเลกันพอสมควร ดูจะเป็นบาร์ทีคึกคักมาก ที่นี่ก็มีอาหารว่างบริการด้วย เราสั่งกันมาให้ท้องไม่ว่างจะได้ดื่มได้หลายๆ แก้ว 😁
Lagoon Bar
ใกล้ๆ กับห้องอาหาร Mixe จะมีร้าน iCi
iCi ร้านไอศครีมคิ้วท์ๆ
ร้านไอศครีมน่ารักๆ ที่เราสามารถไปกินได้ทุกวันเลย มีทั้ง Lolly ที่เป็นแท่งกับ Sorbet ที่มาเป็น scoop หลากหลายรสชาติให้เลือกกินกันจนหนำ
ส่วนอันนี้เป็น Veli Pool Bar เป็นบาร์ที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ จะเป็นโซนที่เห็นเด็กเล็กๆ ชอบมาว่ายน้ำกันมาก
Veli Pool Bar
อาหารที่นี่ก็อร่อย เอ๊ะ! หรือเรากินตอนเพิ่งไปว่ายน้ำมาก็ไม่รู้ 555 แต่อร่อยจริงค่ะ
อาหารไม่ใช่แค่อร่อยแต่หน้าตาดีด้วยนะ
อีกห้องอาหารนึงที่เราก็ไปใช้บริการหลายครั้ง Senses Lounge & Bar
Senses Lounge & Bar อยู่ติดสระน้ำเหมือนกัน
ที่นี่ตอนเย็นจะมีบริการอาหารอินเดียกับอาหารสไตล์มัลดีฟส์ เราลองทั้ง 2 แบบแต่ชอบอาหารอินเดียมากกว่า
อาหารจานหลัก
จัดมาแก้เลี่ยน
อันนี้เป็นของหวาน
อีกห้องอาหารที่เราว่าบรรยากาศดีมากคือ Beach Rouge
Beach Rouge
เค้าตั้งใจสร้างที่นี่ให้อารมณ์เหมือนเกาะอิบิซาที่มีความชิค มาแล้วเหมือนมาเที่ยวผับมากทั้งแสงสีทั้งเสียงเพลง
อาหารที่เสิร์ฟจะเป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนผสมอิตาเลี่ยน รสชาติอร่อยที่สุดจากบรรดาร้านที่ไปชิมมาทั้งหมดเลย
ที่ต้องแวะเข้าไปดูคือห้องน้ำของเค้าค่ะ
เท่ห์มั้ยล่ะ สีแดงแจ๊ดตามชื่อ Beach Rouge จริงๆ
กินเสร็จแล้วไปเดินเล่นบริเวณร้านอาหารกันต่อ มุมถ่ายรูปเยอะจุกๆ
มีนกมาเกาะพอดี
ที่สุดท้ายที่จะพาไปดูคือ East Bar ค่ะ อยู่ที่ East Market ที่เราไปกินอาหารตั้งแต่วันแรกที่มาถึง
ที่นี่เป็นอีกบาร์ที่บรรยากาศดีมากๆ มีมุมให้นั่งเล่นหลายจุด ทั้งโซฟา ทั้ง Hammock
เอ๋า...เขียนไปเขียนมา Blog นี้กลายเป็นยาวเลยเพราะมีที่ที่อยากพาไปดูเยอะมาก 555 เกือบจบละค่ะ
ด้วยความที่เป็นเกาะส่วนตัวทำให้ Lux มีความสงบแบบที่เราชอบมากๆ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะได้เห็นสีเขียวของต้นไม้ที่ช่วยให้อากาศร้อนๆ ตอนกลางวันรู้สึกชิลขึ้นมาได้ เห็นสีฟ้าสดใสของน้ำทะเลที่ชวนให้อยากลงไปแหวกว่ายทุกครั้ง หรือสีขาวของหาดทรายเนื้อละเอียดที่ทำให้เราต้องหาเวลาออกไปเดินเล่นอยู่บ่อยๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์บนดินสำหรับเราจริงๆ
คืนสุดท้ายกับพระจันทร์สวยๆ
และแล้วก็ถึงวันกลับ เราต้องออกจากเกาะกันแต่เช้าประมาณ 9 โมงเพื่อขึ้น Seaplane กลับไปที่สนามบินมาเล่
ตื่นเช้ามาเซย์กู๊ดบายกับวิวนี้
Lux เค้าให้กำไลข้อมือเป็นที่ระลึกด้วย
คุณชมพู่ เชพคนไทยที่นี่
กลับบ้านค่ะ
และแล้วทริปมัลดีฟส์เกาะสวรรค์ของเราก็จบลงประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปอีกครั้งเพราะเป็นเกาะที่ชอบมากกกกก ได้ทำกิจกรรมเยอะแยะมากมาย ได้กินแบบไม่ต้องแคร์แคล 😆 ที่สำคัญได้พักผ่อนจิตใจอย่างเต็มที่ด้วย
อีกอย่างที่ลืมบอก ทริปนี้เราโชคดีมากๆ ที่อากาศดีทุกวันเลยถึงจะเป็นหน้าฝนก็ตาม แดดเปรี้ยงถ่ายรูปสวยทุกวัน เจอฝนตกแบบตกแป๊บๆ อยู่แค่วันเดียว ก่อนมาอ่านรีวิวมาว่าบางคนโชคร้ายเจออากาศไม่ดีทั้งทริปก็มี 🙏
วันสุดท้าย พนง. อุตส่าห์มาโรยดอกไม้ในอ่างให้ด้วย
หวังว่า Blog นี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้เพลิดเพลินกันนะคะ แล้วเจอกันใหม่กับ Blog หน้าที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นที่ไหน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา