กกร. ห่วง! การเมืองไม่นิ่ง เดินหน้าเรียกความเชื่อมั่น
กกร. ห่วง! การเมืองไม่นิ่ง เดินหน้าเรียกความเชื่อมั่น เปิดตัว “Reinvent Thailand” หวังช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
นายผยง ศรีวนิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยล่าสุดศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินว่าการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขัดต่อกฎหมาย และเรื่องดังกล่าวกำลังรอการพิจารณาจากศาลสูงสุด อีกทั้งสหรัฐฯ ยังยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
นายผยง ศรีวนิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย
สำหรับเศรษฐกิจไทย นายผยงระบุว่า เริ่มชะลอตัวลง โดย GDP ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 2.8% ลดลงจาก 3.2% ในไตรมาสแรก ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 2.07% และมีผู้เสมือนว่างงานกว่า 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 5% จากปีก่อน อีกทั้งหลายภาคส่วนยังซบเซา ทั้งการท่องเที่ยว ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และเกษตร ขณะที่ความเปราะบางของ SMEs ชัดเจนขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ SMEs ขนาดเล็ก
กกร. คาดว่าในปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 1.8–2.2% โดยครึ่งปีหลังอาจเติบโตเพียงราว 1% ปัจจัยเสี่ยงมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณและความเชื่อมั่นนักลงทุน รวมถึงความเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
อีกประเด็นที่ กกร. กังวล คือค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย แต่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ การทำธุรกรรมคริปโต และการโอนเงินกลับจากแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านระบบ ทำให้ยอดดุลการชำระเงินกว่าครึ่งไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน กกร. เสนอให้รัฐเร่งวิเคราะห์ผลกระทบเชิงโครงสร้าง และพิจารณากลไกลงทุนต่างประเทศ เช่น Sovereign Wealth Fund เพื่อสร้างสมดุลให้ระบบเศรษฐกิจ
การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
ทั้งนี้ กกร. เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังถูกกดดันทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน โดยเฉพาะต้นทุนพลังงาน ค่าจ้าง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น จึงเสนอให้รัฐบาลลดหรือผ่อนปรนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างน้อย 50% ในปี 2569 หรือจนกว่าเศรษฐกิจฟื้น เพื่อบรรเทาภาระผู้ประกอบการและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
ด้านนโยบายแรงงาน กกร. เห็นว่าควรเน้นการจ่ายค่าจ้างตามทักษะฝีมือ (Pay by Skills) มากกว่าการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ พร้อมส่งเสริมการ Up-Skill, Re-Skill, Multi-Skill และ New Skill เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานและความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน กกร. ได้หารือกับ ธปท., สศช. และ สศค. เพื่อจัดทำกรอบแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ และได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand – A Platform for Sustainable Policy Execution” เป็นเวทีสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน โดยภาคเอกชนจะทำงานร่วมกับภาครัฐเพื่อผลักดันนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง เน้นการใช้ข้อมูล (Data-Driven) และการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
Reinvent Thailand จะเร่งขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน 2 เรื่อง ได้แก่
1.การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ เพื่อลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ
2.การเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชน โดยลงทุนเทคโนโลยี ยกระดับทักษะแรงงาน และสร้างมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่แข่งขันได้ในระดับโลก
ขณะที่นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ทั้งกรณีประกาศยุบสภาและการจับขั้วเสนอชื่อบุคคลเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ได้สร้างความไม่แน่นอนและความสับสนต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนจำนวนมากอยู่ในภาวะ “ชะงักงัน” ไม่กล้าตัดสินใจลงทุนหรือเดินหน้าโครงการใหม่ ๆ
“ภาคเอกชนกำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ปัญหาภายในประเทศ และความขัดแย้งตามชายแดน หากรัฐบาลไม่สามารถจัดตั้งได้อย่างเข้มแข็งและมีความชัดเจน ก็ยิ่งทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปได้ลำบาก”
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นทันที หรือเลื่อนออกไปอีก 4 เดือน ต่างก็มีผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น การรอคอยย่อมทำให้เกิดภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณที่ปัจจุบันยังทำได้เพียง 50% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่มากกว่า 60% ซึ่งจะยิ่งส่งผลต่อการลงทุนของภาครัฐและการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ด้านการส่งออก นายพจน์ระบุว่า แม้ตลอด 7 เดือนแรกของปีนี้ยังคงขยายตัว แต่ก็เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากถึงระดับ 32.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กำลังบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย เพราะลูกค้าเริ่มหันไปสั่งซื้อจากคู่แข่งแทน
สำหรับภาคการท่องเที่ยว แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่กลับมาเต็มที่ แต่หากรัฐบาลใหม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจกลับมาสู่ระดับ 40 ล้านคนได้ไม่ยาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
“ในที่สุดแล้ว สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือรัฐบาลที่ชัดเจนและเข้มแข็ง สามารถเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจระยะยาวได้ทันที หากการเมืองยังยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นย่อมถดถอย และเอกชนก็ไม่สามารถลงทุนได้เต็มที่”
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 : https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube : www.youtube.com/@PPTVHD36
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
