6 ก.ย. เวลา 00:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

💞 ครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กอดภรรยา: เมื่อ ‘เครื่องกระตุ้นสมอง’ บรรเทาความเจ็บปวดที่รักษาไม่หาย

คุณเคยจินตนาการถึงชีวิตที่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดทุกวันไหมครับ? ความเจ็บปวดเรื้อรังที่ไม่ว่ายาชนิดไหนหรือการรักษาใดๆ ก็ไม่สามารถบรรเทาได้... แต่วันนี้ มีความหวังครั้งใหม่เกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่สามารถ 'อ่าน' สัญญาณความเจ็บปวดในสมอง และส่งสัญญาณไป 'หยุด' มันได้
🧠 เมื่อความเจ็บปวดกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมอง
ความเจ็บปวดเรื้อรัง (Chronic pain) ไม่ใช่แค่ความรู้สึกทางกาย แต่เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในวงจรของสมอง ทำให้การรักษาแบบดั้งเดิมมักจะใช้ไม่ได้ผล
แม้แต่เทคโนโลยี การกระตุ้นสมองส่วนลึก (Deep Brain Stimulation - DBS) ที่เคยมีมาก่อนก็ให้ผลที่ไม่แน่นอน เพราะเป็นการรักษาแบบ "หนึ่งขนาดเหมาะกับทุกคน" ซึ่งขัดแย้งกับความจริงที่ว่าสมองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
👨‍⚕️ การรักษาที่ออกแบบมาเพื่อ "สมองของคุณคนเดียว"
ด้วยเหตุนี้ ทีมนักวิจัยนำโดย ปราสาด เชอร์วัลการ์ (Prasad Shirvalkar) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco) จึงได้พัฒนาแนวทางการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ขึ้นมา
พวกเขาได้ทำการบันทึกและกระตุ้นสมองของผู้ป่วย 6 คนที่มีอาการปวดเรื้อรังที่รักษาไม่หาย เพื่อสร้าง “แผนที่ความเจ็บปวด” ของแต่ละคนขึ้นมาโดยเฉพาะ และใช้ Machine Learning เพื่อสอนให้อุปกรณ์สามารถจดจำ “ลายเซ็น” ของคลื่นสมองที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดได้
เรื่องราวที่น่าประทับใจคือ หนึ่งในผู้เข้าร่วม แม้จะรายงานว่าความเจ็บปวดไม่ได้ลดลงมากนัก แต่เขากลับมีสมรรถภาพทางกายที่ดีขึ้นจนสามารถ กอดภรรยาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
💡 เครื่องกระตุ้นสมองอัจฉริยะที่ทำงานเมื่อจำเป็น
จากนั้น ทีมวิจัยได้ทำการฝังขั้วไฟฟ้าถาวรที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เหมือน “เครื่องกระตุ้นสมอง” ซึ่งมีความพิเศษคือ:
• เป็นแบบเฉพาะบุคคล: กระตุ้นเฉพาะจุดที่แตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย
• เป็นแบบอัจฉริยะ: อุปกรณ์จะคอยตรวจจับคลื่นสมองอยู่ตลอดเวลา และจะส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้น ก็ต่อเมื่อตรวจพบสัญญาณของความเจ็บปวดเท่านั้น และจะหยุดทำงานเมื่อผู้ป่วยหลับ
วิธีการนี้อาจช่วยป้องกันไม่ให้สมองเกิดภาวะเคยชิน (habituation) ซึ่งทำให้การรักษาไม่ได้ผลในระยะยาว
📊 ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
ผลการทดลองพบว่า การกระตุ้นแบบของจริงสามารถ ลดความเจ็บปวดในแต่ละวันลงได้ถึง 50% ในขณะที่การกระตุ้นแบบหลอกกลับทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น 11% นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังมีอาการซึมเศร้าลดลง และสามารถเดินได้มากขึ้นถึง 18% ซึ่งผลการรักษานี้คงอยู่นานกว่า 3 ปีครึ่ง
🏡 นี่คือเรื่องใกล้ตัวเรา และอนาคตของการรักษาในไทย
ความเจ็บปวดเรื้อรังเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยมะเร็ง, ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ
แม้เทคโนโลยีนี้จะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็เป็นแสงสว่างที่ชี้ให้เห็นถึงอนาคตของการรักษาความเจ็บปวด ที่จะไม่ได้พึ่งพายาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้าไปแก้ไขที่วงจรของสมองโดยตรง ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงในประเทศไทยต่อไป
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ความหวังใหม่: นักวิจัยประสบความสำเร็จในการใช้ เครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก (DBS) แบบใหม่ ช่วยลดความเจ็บปวดเรื้อรังที่รักษาไม่หายได้ถึง 50%
✅ การรักษาเฉพาะบุคคล: ความสำเร็จนี้เกิดจากการสร้างแผนที่สมองเพื่อหาจุดที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดของผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะ
✅ ทำงานเมื่อจำเป็น: อุปกรณ์จะตรวจจับสัญญาณความเจ็บปวดในสมองและส่งกระแสไฟฟ้าไปยับยั้งเมื่อจำเป็นเท่านั้น ซึ่งอาจช่วยป้องกันการดื้อยา
✅ อนาคตของการแพทย์: แม้จะยังเป็นเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็เป็นความหวังครั้งสำคัญสำหรับผู้ป่วย และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาทอื่นๆ
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
เรื่องราวที่ชายคนหนึ่งกลับไปกอดภรรยาได้อีกครั้ง ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรกับพลังของเทคโนโลยีทางการแพทย์บ้างครับ? และคุณคิดว่าการรักษาแบบ "เฉพาะบุคคล" สำคัญแค่ไหนในอนาคต?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องราวนี้มอบความหวัง 💖 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ส่งต่อไปยังคนที่คุณรักนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Shirvalkar, P., et al. (2025). Personalized, closed-loop deep brain stimulation for chronic pain. medRxiv. https://doi.org/p37n
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
สมองคือ "ภาษา" ที่ซับซ้อนที่สุด การเรียนรู้ที่จะ "อ่าน" และ "ตอบสนอง" ต่อมัน คือหัวใจของการแพทย์ยุคใหม่...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "นักแปลภาษา" ที่จะนำงานวิจัยที่ซับซ้อน มา "ถอดรหัส" และเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวที่ทุกคนสามารถเข้าใจและเชื่อมโยงได้
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถทำภารกิจ "แปลภาษาสมอง" นี้ต่อไปได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา