วันนี้ เวลา 02:47 • ดนตรี เพลง

Leonard Bernstein : ตัวตนสองขั้วที่ขัดแย้งและโลกสองใบของ Maestro ผู้ยิ่งใหญ่

ในโลกของดนตรีคลาสสิกจะมีคำที่เอาไว้ใช้เรียกผู้ประพันธ์เพลงและผู้ควบคุมวงออร์เคสตราแตกต่างกัน
Composer (คีตกวี หรือ ผู้แต่งเพลง) คือผู้สร้างดนตรีจากความเงียบ เริ่มต้นสร้างสรรค์เพลงจากสมุดว่างเปล่าและจินตนาการภายใน สื่อสารกับโลกอย่างเป็นส่วนตัว อาจเรียกได้ว่าเป็น Introvert มีโลกภายในอันลึกซึ้ง
Conductor (วาทากร หรือ ผู้อำนวยการแสดง) คือผู้ที่แปลเจตนารมณ์ของนักแต่งเพลงไปสู่การเล่นของนักดนตรีนับสิบนับร้อย ผู้ควบคุมวงออร์เคสตรา และกำกับการแสดง มักเป็นคน Extrovert มีความเป็นผู้นำ กล้าแสดงออก และต้องสื่อสารผ่านท่าทางอันเปี่ยมด้วยพลัง
หากแต่จะมีคนอีกประเภทที่เป็นเลิศทั้งสอนด้าน เป็นศิลปินสองโลก สามารถเปล่งเสียงแห่งห้วงอารมณ์ผ่านปลายปากกา และปลุกชีวิตแก่โน็ตดนตรีด้วยไม้ตาบอง และยังมีความเป็นศาสตราจารย์ส่งมอบความรู้ให้กับนักดนตรีรุ่นหลัง คนๆนั้นจะถูกเรียกว่าเป็น Maestro ซึ่งคนๆหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น Maestro และเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ก็คือชายที่มีชื่อว่า Leonard Bernstein
ค่ำคืนเปลี่ยนชีวิต
14 พฤศจิกายน 1943 มีสายโทรศัพท์ติดต่อมาหา Leonard Bernstein ในวัย 25 ขอให้เขามารับหน้าที่เป็นวาทยากรชั่วคราวแทน Bruno Walter วาทยากรหลักของวง New York Philharmonic Orchestra ที่เกิดป่วยกะทันหัน ในการขึ้นเวทีครั้งแรกของเขา ที่ไม่เคยมีการซักซ้อมมาก่อน ซึ่งต้องกำกับวงทีกำลังจะถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ เด็กหนุ่มนำวงออร์เคสตราเล่นสดต่อหน้าผู้ชมทั่วอเมริกา จนรุ่งเช้าวันต่อมาชื่อของเขาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในทุกฉบับ และหลังจากนั้นโลกก็ได้รู้จักกับ Maestro คนใหม่
เส้นทางของ Maestro
Leonard Bernstein ขึ้นเป็นวาทยากรหลักของวง New York Philharmonic ในปี 1958 ซึ่งถือเป็นคนอเมริกันคนแรก ที่ได้คุมวงระดับชาติของประเทศตัวเอง (ก่อนหน้านี้จะมาจากยุโรปทั้งหมด)
ตลอดเส้นทางอาชีพเขาได้รับเชิญไปอำนวยการเพลงจากทั้งยุโรปและเอเชีย ได้คุมวงออร์เคสตราระดับโลกมามากมาย อาทิเช่น Berlin Philharmonic, Vienna Philharmonic และ London Symphony Orchestra เขายังได้ประพันธ์บทเพลงให้กับละครบรอดเวย์ชื่อดังเอาไว้มากมายอย่าง Peter Pan, Wonderful Town, On The Town, Candide และที่ทุกคนรู้จักแน่นอนคือ West Side Story ที่ได้เปิดการแสดงไปทั่วโลก อีกทั้งยังมีโอเปร่า บัลเลต์ และเพลงประกอบภาพยนตร์อีกมากมาย
และที่สำคัญ เขายังได้ทำรายการ “Young People’s Concerts” ที่สอนเด็กๆทั้งประเทศให้หลงรักดนตรีคลาสสิก ซึ่งออกอากาศในทีวียาวนานกว่า 14 ปี กลายเป็นรายการความรู้คุณภาพที่ได้รับ Emmy Award มานับครั้งไม่ถ้วน และเป็นแรงบัลดาลใจให้แก่เด็กๆทั่วอเมริกา
'ตัวตนสองขั้วที่ขัดแย้ง'
ต่อให้ชีวิตของเขาจะประสบความสำเร็จและได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วโลกมากแค่ไหน เขาก็เป็นที่รู้จักในแง่ของคนที่มีความซับซ้อนภายในจิตใจ เขาแต่งงานและมีลูกกับนักแสดงสาว Felicia Montealegre หากแต่เขาเองก็รับรู้ว่าตัวเองเป็น Bisexual ในยุคที่สังคมแทบจะไม่มีทางยอมรับได้ เขารักภรรยา ในขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กับชายอื่น นั่นทำให้ผลงานของเขาสามารถสื่อสารถึงความรัก การต่อสู้ และความเป็นมนุษย์ ถ่ายทอดจิตวิญญาณที่ซับซ้อนผ่านเสียงดนตรี
Leonard Bernstein ถ่ายทอดชีวิตของเขา ออกมาเป็นเสียงดนตรี และปลุกชีวิตให้กับเสียงเหล่านั้น เขาเป็นปูชนียบุคคลทางด้านดนตรีที่ทำให้เราเข้าใจคำว่า “ดนตรีคือคำอธิบายของชีวิต” เขาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1990 ซึ่งเป็น 5 วันหลังจากที่เกษียณตัวเองจากโลกดนตรีอันยาวนาน แต่เขาก็ได้ทิ้งมรดกทางดนตรีและผลงานเอาไว้อีกมากมาย แถมยังเป็นแรงบัลดาลใจให้แก่ศิลปิลและนักดนตรีรุ่นหลังของโลกยุคปัจจุบัน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ในปี 1989 มีการเฉลิมฉลองที่กำแพงเบอร์ลินในเยอรมันถูกทำลายและเป็นการยุติสงครามเย็น เขาในฐานะวาทยกรชาวอเมริกันถูกรับเชิญให้ไปกำกับ Symphony หมายเลข 9 ของ Beethoven (ซึ่งเป็นคนเยอรมัน) เขาจงใจเปลี่ยนเนื้อร้องคำว่า Freude (Joy) ให้เป็นคำว่า Freiheit (Freedom) จาก ‘Ode to Joy’ กลายเป็น ‘Ode to Freedom’ โคตรเอา!
หากใครชื่นชอบบทความเช่นนี้ สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆได้ที่ Page : Velvet on Ground มีทั้งใน Facebook และ Instagram นะครับ
ขอให้ทคุณมีความสุขกับโลกแห่งเสียงดนตรี ไม่ว่าคุณจะชอบฟังดนตรีแนวไหน 😊
โฆษณา