12 ก.ย. เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
กัมพูชา

กัมพูชา ตอนที่ 7 จุดจบของแต่ละคน

หลังจากกัมพูชาเริ่มต้นสร้างระบบการเมืองใหม่ จนนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งแรกที่สหประชาชาติเป็นผู้จัดการให้ในปี ค.ศ.1993(พ.ศ.2536) ฝ่ายเขมรแดงได้จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่คือ “พรรคสามัคคีแห่งชาติกัมพูชา” เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมในการเลือกตั้ง แต่ก็เกิดเหตุการณ์จราจลต่อต้านเขมรแดงขึ้นมาซะก่อน โดยประชาชนจำนวนมากกรูกันเข้าไปทำร้าย “นายเขียว สัมพัน” ตัวแทนผู้นำเขมรแดงจนได้รับบาดเจ็บ
แถมทุกฝ่ายยังวางเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ทำให้เขมรแดงเกิดความหวาดระแวง หวั่นวิตกว่า.. อาจเป็นกลลวงให้วางอาวุธเพื่อจับตัวไปดำเนินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้ จึงประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง ซึ่งเขมรแดงประกาศถอนตัวออกจากการเจรจาสันติภาพ และไม่เข้าร่วมการเลือกตั้ง ไม่ยอมปลดอาวุธ อีกทั้งไม่ยอมให้ประชาชนในเขตของตนลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการเลือกตั้ง
สิ่งที่เขมรแดงต้องการให้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งคือ การยุบยกเลิกรัฐบาลพนมเปญ โอนอำนาจให้สภาสูงสุดแห่งชาติกัมพูชาขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศ รวมถึงจัดการเลือกตั้งกันเองโดยไม่มีคนนอกแทรกแซงใดใดทั้งสิ้น แต่ก็ไร้ผลตอบรับ การเลือกตั้งยังคงดำเนินต่อไป จนเสร็จสิ้นลง
หนึ่งในภาพการเจรจาที่เกาหลีเหนือ
ภายหลังการเลือกตั้ง เขมรแดงได้บุกเข้ายึดปราสาทพระวิหารจากฝ่ายทหารของฮุน เซน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1993(พ.ศ.2536) และขอเปิดการเจรจากับฝ่ายของเจ้านโรดม สีหนุ โดยที่ฝ่ายเขมรแดงยื่นข้อเรียกร้องเข้าร่วมในการบริหาร และตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐบาลใหม่แลกกับการคืนปราสาทพระวิหาร รวมทั้งจะมอบดินแดนที่ยึดไว้คืนให้กับฝ่ายรัฐบาลด้วย
ซึ่งเจ้านโรดม สีหนุ ทรงเห็นด้วยที่จะรับเขมรแดงเข้าร่วมในรัฐบาล แต่เจ้านโรดม รณฤทธิ์ และ ฮุน เซน ไม่เห็นด้วย ประกอบกับสหรัฐอเมริกาได้เข้ามาแทรกแซง โดยประกาศจะตัดความช่วยเหลือกัมพูชาทั้งหมดทันที หากมีเขมรแดงร่วมอยู่ในรัฐบาลด้วย สรุปการเจรจายื่นข้อเรียกร้องของเขมรแดงในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาได้มีการเจรจาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27–31 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1994(พ.ศ. 2537) ที่กรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ แต่ก็ยังล้มเหลวอีก
หลังจากนั้น ฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มการเมืองทุกฝ่ายต่างก็ตระหนักกันดีว่า.. การปล่อยให้เขมรแดงลอยนวลจากอาชญากรรมที่พวกเขาก่อไว้ จะขัดต่อความรู้สึกของประชาชนผู้เป็นเหยื่อ จึงมีการเสนอออกกฎหมายให้เขมรแดงเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย และดำเนินคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยเฉพาะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เขมรแดงก่อขึ้น ด้วยคะแนนเสียง 103 ต่อ 0
1
เจ้านโรดม รณฤทธิ์ และ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีร่วมของกัมพูชา ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2540 ไม่นานก่อนเกิดการรัฐประหาร (Photo by EMMANUEL DUNAND / AFP)
ในช่วงทศวรรษที่ 1990(พ.ศ.2533)เป็นต้นมา กลุ่มกำลังเขมรแดงก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จากหลักพันเหลือเพียงไม่กี่ร้อยคน แทบไม่มีพลังสนับสนุนอีกเลย และบรรดาพวกแกนนำทั้งหลายต่างต้องหลบซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขา ตัวของ“พล พต” แกนนำสำคัญก็เจ็บป่วยหนักหลายครั้ง แต่ยังคงได้รับการดูแลจากบริวารมากกว่าแกนนำทั่วไป และบ่อยครั้งได้ถูกส่งตัวมารักษาที่ประเทศไทย จนกระทั่งในช่วงบั้นปลายชีวิตต้องใช้แคร่หาม เพราะไม่สามารถเดินเองได้แล้ว
1
ในปี ค.ศ.1997(พ.ศ.2540) ระหว่างหลบหนีการจับกุม “พล พต” เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่ไว้ใจใคร แม้กระทั่ง “สอนแสง” อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของเขมรแดงเองที่เคยเป็นคนใกล้ชิด เขาก็มีคำสั่งให้ลูกน้องฆ่า “สอนแสง” และครอบครัวถึง 13 ชีวิต รวมทั้งเด็กเล็กอย่างโหดเหี้ยม
เหตุการณ์นี้ ทำให้แกนนำเขมรแดงหลายคนเริ่มคิดว่า พวกเขาเองอาจกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปก็ได้ จึงได้มีการวางแผนจับกุมตัวโดย “ตาม็อก” หรือที่รู้จักกันในนาม “นักฆ่าขาเดียว” ได้กักขัง “พล พต”ไว้ในบ้านหลังเล็กๆ ติดกับชายแดน เขาป่วยหนักจนแทบขยับตัวไม่ได้ และเสียชีวิตลง ในปี ค.ศ.1998(พ.ศ.2541) แต่มีการเล่าลือกันว่า “พล พต” เลือกกินยาพิษฆ่าตัวตายยังดีกว่าที่จะถูกศัตรูสังหารอย่างอัปยศ
ภาพการเสียชีวิตรของพล พต และการฌาปนกิจ
หลังการตายของ ”พล พต“ เหล่าแกนนำเขมรแดงที่เหลือ เช่น นูน เจีย, เอียง ซารี, เขียว สัมพัน และตาม็อก ต่างก็ทยอยถูกจับกุม และถูกสอบสวนคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ในเวลาต่อมา ศาลพิเศษกัมพูชา หรือคนทั่วไปเรียกว่า “ศาลเขมรแดง” ที่จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับสหประชาชาติ(กัมพูชาร้องขอความช่วยเหลือจากยูเอ็น)
โดยเริ่มจัดตั้งศาลใน ปี ค.ศ.1997(พ.ศ.2540)และเปิดดำเนินคดีแรกอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2006(พ.ศ.2549) ต่อเนื่องยาวนานจนถึงคดีสุดท้ายใน ปี ค.ศ.2022(พ.ศ.2565) รวมเวลาศาลปฏิบัติหน้าที่ 16 ปี
หนึ่งในคดีที่โด่งดังคือ “ดุช” หรือ คัง เค็ก อิว ผู้บัญชาการคุกตวลสเลง (S-21) ผู้ทรมานนักโทษ และสังหารผู้บริสุทธิ์นับหมื่นคนได้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และเสียชีวิตในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) ส่วนแกนนำคนอื่น ๆ เช่น เอียง ซารี เสียชีวิตระหว่างการพิจารณาคดี, นูน เจีย ถูกพิพากษาและเสียชีวิตในวัยชรา ขณะที่เขียว สัมพัน ได้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และยังคงอยู่ในเรือนจำ
ภาพของ นูน เจีย, เอียง ซารี, เขียว สัมพัน ตมลำดับ ขณะถูกพิจารณาคดี
“โศกนาฏกรรมเขมรแดง” ที่คร่าชีวิตชาวกัมพูชามากกว่า 1.7 ล้านคนได้กลายเป็นบาดแผลอันอัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทำให้ชาวกัมพูชาต้องเผชิญกับชะตากรรมทางสังคม เศรษฐกิจ และจิตใจที่ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามในภายหลัง เมื่อสงครามยุติลง กัมพูชาก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย
ปัจจุบันกัมพูชามีรูปแบบการปกครองเป็น “ราชอาณาจักรกัมพูชา หรือเปรี๊ยะเจียนะกรกัมปูเจีย” ประมุขของประเทศในปัจจุบันได้แก่ “สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี” ทรงเป็นพระราชโอรสของ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ โดยมีพระราชมารดาคือ พระวรมุนีนารถ มหาเนียะกะ ซึ่งเป็นสตรีกัมพูชา มีเชื้อสายฝรั่งเศส~อิตาลี โดยที่พระองค์ทรงเป็นพระอนุชาต่างมารดาของเจ้านโรดม รณฤทธิ์ และทรงครองราชย์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2004(พ.ศ.2547) จวบจนถึงปัจจุบันนี้
ภาพของ สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กับ พระวรมุนีนารถ มหาเนียะกะ
ด้านการปกครอง ในปี ค.ศ.2009(พ.ศ.2552) สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ได้ทรงพระราชทานยศทหารให้เป็นพลเอกอาวุโส ฮุน เซน และได้รับการแต่งตั้งเป็น “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อยู่ในตำแหน่งยาวนานสืบมาจนถึง ปี ค.ศ.2023 (พ.ศ.2566)รวม 39 ปี และในปัจจุบันบุตรชายของเขาคือ “ฮุน มาเนต” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว
1
สำหรับเขมรแดงที่จับมือร่วมกับรัฐบาลในอดีต “เฮง สัมริน“ ผู้ซึ่งเคยได้รับการแต่งตั้งจากเจ้านโรดม สีหนุให้เป็น ”สมเด็จอัครมหาพญาจักรี เฮง สัมริน“ มาก่อน ก็ได้รับพระราชทานยศทหารให้เป็นพลเอกอาวุโส เช่นเดียวกับ”เจีย ซิม“ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ”สมเด็จอัครมหาธรรมโพธิสาร เจีย ซิม “ในปีเดียวกันด้วย
ภาพของ เฮง สัมริน ,เจีย ซิม , ซอน ซาน ตามลำดับ
ส่วนผู้นำกลุ่ม “เขมรเสรี” หรือที่บางคนเรียกว่า “แนวร่วมปลดปล่อยชาติเขมร” ที่ต่อต้านการรุกรานของเวียดนามก็คือ ”ซอน ซาน “ ซึ่งท่านถูกแต่งตั้งเป็น ”สมเด็จวรเศรษฐธาธิบดี ซอน ซาน” หลังจากที่กัมพูชากลับเข้าสู่ความสงบและมีการเลือกตั้ง ตัวท่านเองก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสม ก่อนที่จะเกษียณตัวเองออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส และเสียชีวิตในวัย 89 ปี ในปี ค.ศ.2000(พ.ศ.2543)
เรื่องราวของเขมรแดงไม่เพียงสะท้อนผลลัพธ์อันเลวร้ายจากอุดมการณ์ทางการเมืองอันสุดโต่ง หากแต่ยังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ทั้งโลกได้เรียนรู้ว่า.. “ความคลั่งไคล้ในอุดมการณ์นั้น หากเกินขอบเขตมนุษยธรรม อาจนำไปสู่หายนะที่ไม่อาจเยียวยาได้“..
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ตอนที่ 7 จุดจบของแต่ละคน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา