สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้นำระบบไทฟอน(Typhon)มาใช้เป็นครั้งแรกในระหว่างการฝึกซ้อมที่โอกินาว่า
เมื่อไม่นานมานี้ มีการคาดการณ์กันว่า แม้จะมีสถานีอวกาศเพียงสองแห่งในอวกาศและสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งดำเนินงานโดยหลายประเทศ รวมถึงรัสเซีย
ทำให้โอกาสในการพัฒนาอาวุธอวกาศจึงแทบจะเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม จีนก็มีสถานีอวกาศด้วยเช่นกัน แม้จะมีเพียงแห่งเดียว
และด้วยลักษณะของบางประเทศ จึงดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะไม่พัฒนาอาวุธอวกาศ ฮาาาา
สมมุตินะครับ..หากประเทศใดมีแผนที่จะทิ้งระเบิดดาวเคราะห์น้อยเพื่อเปลี่ยนวงโคจร นี่อาจเป็นการทดสอบอาวุธอวกาศหรือไม่ล่ะ?
หากใครสักคนสามารถควบคุมอาวุธอวกาศเพียงชนิดเดียวที่มีได้
นั่นจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์หรือไม่ล่ะ?
เพื่อเป็นการป้องปราม สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้นำระบบต่อต้านเรือรุ่นล่าสุดของตน คือ..
ระบบไทฟอน(Typhon) และระบบสกัดกั้นเรือสำรวจทางทะเล มาใช้เป็นครั้งแรกในระหว่างการฝึกซ้อมที่โอกินาว่านี่สิ...
ขีปนาวุธป้องกันชายฝั่ง NMESIS(Navy/Marine Corps Expeditionary Ship Interdiction System(NSM)) ซึ่งยิงจากเครื่องบินไร้คนขับ JLTV ยิงขีปนาวุธโจมตีทางเรือ (NSM) สองลูก
ขีปนาวุธเหล่านี้มีตัวค้นหา IIR แบบพาสซีฟและโปรไฟล์การร่อนลงทะเล ทำงานที่ระยะไกลและกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว
ออกแบบมาเพื่อการสกัดกั้นทางทะเลที่มีสัญญาณรบกวนต่ำจากสถานที่ทุรกันดาร
เว็บไซต์ข่าวทางทหาร Army Identification เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 กันยายน โดยอ้างอิง The Japan Times ระบุว่า
สหรัฐอเมริกาจะจัดการฝึกซ้อมรบร่วมกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินของญี่ปุ่น (JSDF) ที่เรียกว่า
"Resolute Dragon" ระหว่างวันที่ 11 ถึง 25 กันยายน ณ โอกินาวาและสถานที่อื่นๆ
ในระหว่างการฝึกซ้อมรบเหล่านี้ ระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินสองระบบ ได้แก่ ระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง Typhon
และระบบสกัดกั้นเรือสำรวจทางเรือ (NMESIS) จะถูกนำไปใช้งานชั่วคราวบนแผ่นดินญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก
การฝึกซ้อมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันชายฝั่งร่วมระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
และทั้งหมดสอดคล้องกับความพยายามของญี่ปุ่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการตอบโต้การโจมตีระยะไกล
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม กองกำลังปฏิบัติการพิเศษหลายโดเมนที่ 3 ของสหรัฐฯ ได้ทำการฝึกซ้อมยิงจริงครั้งแรก
ด้วยระบบขีปนาวุธพิสัยกลางไทฟอนนอกสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่ และประสบความสำเร็จในการยิงเป้าหมายทางทะเล
ระหว่างการฝึกซ้อม Guardian Sabre ในเขตปกครองนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีของออสเตรเลีย
ระบบไทฟอนของกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นหน่วยยิงพิสัยกลางที่ติดตั้งในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งมาตรฐาน ISO ขนาด 40 ฟุต และติดตั้งท่อยิงแนวตั้งสี่ท่อ
ระบบนี้สามารถใช้งานร่วมกับขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กและขีปนาวุธมาตรฐานมิสไซล์-6 (SM-6) ได้
ระบบขีปนาวุธโทมาฮอว์ก( Tomahawk ) บล็อก 5 ในปัจจุบันก็มีขีดความสามารถในการโจมตีภาคพื้นดินลึกและการโจมตีทางทะเล
นอกจากการป้องกันภัยทางอากาศแล้ว ระบบ SM-6 ยังปฏิบัติภารกิจต่อต้านเรือและป้องกันขีปนาวุธอีกด้วย
ระบบนี้มีการเคลื่อนที่สูงและสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็วภายใต้การคุ้มกันของกองกำลังสนับสนุนมาตรฐาน
ทำให้สามารถโจมตีภาคพื้นดินหรือปฏิบัติการต่อต้านเรือจากพื้นที่ชายฝั่งได้อย่างยืดหยุ่น
รวมถึง NMESIS ที่เป็นระบบขีปนาวุธโจมตีจากฝั่งสู่เรือไร้คนขับของนาวิกโยธิน มันติดตั้งขีปนาวุธโจมตีทางเรือ (NSM) สองลูก
ขีปนาวุธนี้สามารถเคลื่อนที่และควบคุมจากระยะไกลได้จากเครื่องยิงไร้คนขับ ROGUE Fires
ขีปนาวุธ NSM มีการออกแบบที่สังเกตได้ยาก มีระบบค้นหาภาพอินฟราเรดแบบพาสซีฟ การบินร่อนในทะเล และความสามารถในการเงียบเชียบทางแม่เหล็กไฟฟ้า
ทำให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติการป้องกันชายฝั่งแบบกระจาย และลดสัญญาณรบกวนทางกายภาพและแม่เหล็กไฟฟ้าได้อย่างมาก
ระบบ Typhon ใช้ประโยชน์จากขีปนาวุธทางทะเลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและการออกแบบตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้มาตรฐาน
ผสมผสานความเข้มข้นของอำนาจการยิงเข้ากับความคล่องแคล่วและความสามารถในการพรางตัว ขีปนาวุธสามารถนำไปใช้ ยิง
และเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วภายในเครือข่ายการยิงร่วม
ซึ่งช่วยเพิ่มความอยู่รอดในสนามรบ NMESIS เน้นย้ำถึงการวางกำลังแบบซ่อนเร้นและการตอบสนองที่ยืดหยุ่น
หน่วยยิงสามารถกระจายไปทั่วภูมิประเทศที่หลากหลาย และสามารถถอนขีปนาวุธออกได้อย่างรวดเร็วหลังจากการยิง
ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนทางยุทธวิธีที่ข้าศึกต้องเผชิญอย่างมาก
การฝึกซ้อมนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัยเท่านั้น
แต่ยังมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาขีดความสามารถของห่วงโซ่การสังหารที่ประสานกันของสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอีกด้วย
หน่วย NMESIS ส่วนหน้ารับผิดชอบการตรวจจับเป้าหมายและป้อนข้อมูล
ในขณะที่ระบบ "ไทฟอน" ที่หันไปทางด้านหลังสามารถยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กใส่เป้าหมายคงที่
หรือใช้ภารกิจต่อต้านเรือ SM-6 ตามสภาพสนามรบ การฝึกซ้อมนี้มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบประสิทธิภาพของการประสานงานการบังคับบัญชา
และการรวมอำนาจการยิงระหว่างกองทัพและภาษาต่างๆ ภายใต้แรงกดดันด้านเวลาและในสภาพแวดล้อมแม่เหล็กไฟฟ้าที่ซับซ้อน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ซุ่มพัฒนาระบบโจมตีแบบสแตนด์ออฟแบบหลายชั้น รวมถึงการพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านเรือพิสัยไกล Type 12 และการนำขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กมาใช้
การฝึกซ้อมนี้เป็นก้าวสำคัญในการแปลงนโยบายการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นให้เป็นขีดความสามารถในการปฏิบัติการ
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ในการส่งเสริมการปฏิบัติการแบบกระจายและเสริมสร้างการป้องปรามระดับภูมิภาคในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเชื่อว่าการส่งเสริมกำลังพลดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างการป้องปรามและสร้างหลักประกันความมั่นคงทางทะเล
แม้จะมีความอ่อนไหวในท้องถิ่นเกี่ยวกับการส่งกำลังพลที่โอกินาวา
แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงส่งเสริมการบูรณาการด้านการป้องกันประเทศกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนการเปิดตัวการฝึก "Resolute Dragon"
จะทำให้สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นต้องเร่งทดสอบประสิทธิภาพของระบบ ขั้นตอนปฏิบัติการ และยุทธวิธีร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่สมจริง
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศทางทะเลและทางบกที่เน้นขีปนาวุธในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ขึ้นไปอีก.
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
