11 ก.ย. เวลา 09:18 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 26 ซีเฟิ่งกำกับจวนหนิง

พ่อบ้านของจวนหนิงชื่อว่าไล่เซิง 赖升 ได้ข่าวว่าพี่เฟิ่งได้รับเชิญมากำกับดูแลงาน จึงเรียกประชุมเพื่อนร่วมงานว่า
“ตอนนี้คุณนายรองเหลียนจวนตะวันตกได้รับเชิญมาช่วยกำกับดูแลงาน หากนางต้องการเบิกสิ่งของ หรือสนทนาเรื่องใด ขอให้รับใช้ด้วยความระมัดระวัง แต่ละวัน ขอให้ทุกคนมาเช้าขึ้นกลับสายลง อดทนลำบากเพียงหนึ่งเดือนนี้ พ้นไปแล้วจึงพักได้ อย่าให้เสียหน้า นางเป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นชื่อ ชอบจับผิดไม่ไว้หน้าใคร”
ทุกคนขานรับว่า “รับทราบ”
มีคนหนึ่งกล่าวยิ้มๆ ว่า “อันที่จริง ให้นางมาจัดการเรื่องภายในให้เรียบร้อยก็ดีเหมือนกัน เหลวแหลกไปหมดแล้ว”
ขณะชุมนุมอยู่นั้น ภรรยาของไหลว่าง 来旺 นำป้ายตุ้ยไผมาเบิกหนังสือสวดวิงวอนและหนังสือสวดมนตร์ตามรายการที่เขียนมา ทุกคนหันไปเชิญนางนั่ง เทน้ำชาให้พร้อมจัดเอกสารตามรายการ ไหลว่างช่วยภรรยาหอบหนังสือมาส่งถึงประตูสอง แล้วส่งต่อให้นางหอบต่อเข้าไป
พี่เฟิ่งสั่งให้ไฉ่หมิง 彩明 จัดทำสมุดทะเบียน และให้ตามตัวภรรยาไล่เซิงมาถามหาบัญชีรายชื่อคนในจวน สั่งให้บ่าวทุกคนรวมทั้งภรรยาเข้าจวนมารอฟังคำสั่งในเช้าวันรุ่งขึ้น สอบถามภรรยาไล่เซิงเกี่ยวกับบางรายการตามบัญชี แล้วก็ขึ้นรถกลับบ้านไป
เช้าวันรุ่งขึ้นยามเหม่าสองเค่อ 卯正二刻 (ราว 6:30 น.) นางก็มาถึงจวน พวกบ่าวในจวนหนิงมารออยู่พร้อมหน้า พี่เฟิ่งหารือกับภรรยาไล่เซิงเรื่องการจัดสรรหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งรอฟังกันอยู่นอกหน้าต่างไม่กล้าเข้ามา ได้ยินพี่เฟิ่งบอกภรรยาไล่เซิงว่า
“ในเมื่อวานข้ามากำกับ ข้าก็คงทำอะไรขัดใจพวกเจ้าบ้าง ข้าคงเปรียบกับคุณนายอารมณ์ดีของพวกเจ้าไม่ได้ อะไรก็แล้วแต่พวกเจ้า และไม่ต้องมาบอกว่า “ที่จวนนี้เขาปฏิบัติกันเช่นนี้” จากนี้ไป ต้องทำตามข้า หากผิดไปสักข้อ ข้าจะไม่เห็นแก่หน้าคนนั้นคนนี้ ทุกคนเสมอกันหมด”
กล่าวจบก็ให้ไฉ่หมิงขานเรียกตามรายชื่อมาดูหน้าทีละคน พอครบ ก็แบ่งหน้าที่ว่า
“ยี่สิบคนนี้แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสิบคน แต่ละวันให้คอยบริการน้ำชาให้แขกเหรื่อมิตรสหายเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องทำ
ยี่สิบคนนี้แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสิบคน แต่ละวันให้คอยบริการน้ำชาให้เครือญาติเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องทำ
สี่สิบคนนี้ให้แบ่งเป็นสองกลุ่ม อยู่หน้าป้ายวิญญาณคอยจุดธูป เติมน้ำมัน แขวนม่าน ดูแลป้ายวิญญาณ บูชาข้าวและน้ำชา ร่วมแสดงความอาลัยกับแขกเหรื่อ อย่างอื่นไม่ต้องทำ
สี่คนนี้อยู่ห้องน้ำชาด้านในรับผิดชอบถ้วยจานชุดน้ำชา หากสูญหายแม้สักชิ้น ทั้งสี่ร่วมกันรับโทษ
สี่คนนี้รับผิดชอบจอกถ้วยจานชามสุราอาหาร หากสูญหายแม้สักชิ้น ทั้งสี่ร่วมกันรับโทษ”
แปดคนนี้รับผิดชอบรับของที่นำมาเซ่นไหว้ในพิธี
แปดคนนี้รับผิดชอบน้ำมันตะเกียง เทียนไข เครื่องกระดาษที่ต้องใช้ในจุดต่างๆ ซึ่งข้าได้เบิกมาให้พวกเจ้าทั้งแปดแล้วทั้งหมด พวกเจ้าแบ่งงานกันประจำจุดตามคำสั่งข้า
ยี่สิบคนนี้ให้ผลัดเวรเฝ้ายามกลางคืน เฝ้าประตู ดูแลเทียนส่องสว่าง ปัดกวาดพื้น
สำหรับคนที่เหลือแบ่งไปตามเรือนต่างๆ กำหนดบริเวณให้รับผิดชอบ โต๊ะเก้าอี้โบราณวัตถุยันกระโถนปากแตร ต้นไม้ใบหญ้า ต่างต้องมีผู้บำรุงรักษา
ให้ภรรยาไล่เซิงตรวจสอบดูแลทุกวัน ผู้ใดเกียจคร้าน ลอบเล่นการพนัน ดื่มสุรา ทะเลาะวิวาท รีบมารายงานข้า ไม่มีข้อแม้ หากข้าตรวจพบเอง ไม่ว่าจะเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงใครมากี่รุ่นกี่สมัย ก็ไม่นำมาพิจารณา
หน้าที่ที่กำหนดไว้นี้ แต่ละแผนกรับผิดชอบร่วมกัน แผนกใดทำผิดพลาด คิดบัญชีกับแผนกนั้น
ปกติคนที่เคยทำงานให้ข้าจะมีนาฬิกาพกติดตัว ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อย จะมีกำหนดเวลาในการปฏิบัติ สำหรับพวกเจ้าโดยทั่วไปดูเวลาได้จากนาฬิกาแขวนในเรือน
เช้ายามเหม่าสองเค่อ (6:30 น.) ข้าจะมาตรวจรายชื่อเข้างาน 点卯 ยามสื้อตรง 巳正 (10:00 น.) กินอาหารเช้า มีเรื่องใดจะรายงาน ให้แจ้งมาต้นยามอู่สองเค่อ 午初二刻 (11:30 น.) ต้นยามซวี 戌 (19:00 น.) หลังเผากระดาษเย็น ข้าจะเดินตรวจหนึ่งรอบ พอข้ากลับมายามกลางคืนจะรับมอบกุญแจ วันรุ่งขึ้นข้าจะมาใหม่เวลายามเหม่าสองเค่อ 卯正二刻 (6:30 น.) คงมิต้องย้ำว่าพวกเราจะปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเดือน พอจบงาน นายของพวกเจ้าย่อมให้รางวัลตอบแทน
กล่าวจบ พวกที่มีหน้าที่ใดก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติ เทน้ำชา เติมน้ำมัน ปัดฝุ่น กวาดพื้น เช็ดโต๊ะเก้าอี้ เป็นต้น ชัดเจน ต่างกับก่อนหน้าที่แล้วแต่จะหยิบจับเอาตามสะดวก พี่เฟิ่งเห็นการงานเรียบร้อยตามคำสั่ง ย่อมรู้สึกยินดี
นางอิ๋วสื้อล้มป่วย เจี่ยเจินจึงโศกเศร้า กินดื่มไม่ค่อยลง พี่เฟิ่งจึงทำข้าวต้ม และเครื่องเคียงให้ด้วยตัวเองมาแต่จวนของตนแล้วให้คนส่งข้ามมา ทางด้านเจี่ยเจินก็สั่งให้คนส่งอาหารชั้นหนึ่งมายังห้องมุขให้พี่เฟิ่งโดยเฉพาะ พี่เฟิ่งไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยมาตรงเวลาทุกวัน ตรวจรายชื่อ จัดการงานอยู่ที่ห้องมุขโดยลำพังไม่มาสุงสิงกับเหล่าสะใภ้ในจวน แม้กระทั่งพวกญาติฝ่ายสตรีมาที่จวนก็ไม่ได้ออกมาต้อนรับ
วันที่ห้าเจ็ดสามสิบห้า วันครบรอบที่ห้า คณะสงฆ์เริ่มพิธีเปิดนรก ส่องโคมนำผู้ตาย กุมภูตผี เข้าพบพญายม อัญเชิญพระกษิติครรภโพธิสัตว์ เปิดสะพานทอง ถือธวัชนำ คณะพรตสวดมนต์สักการะสามปรมาจารย์และองค์จักรพรรดิหยก แม่ชีสิบสองนางสวดมนต์เงียบๆ อยู่หน้าป้ายวิญญาณ บรรยากาศโดยรวมคึกคักยิ่ง
พี่เฟิ่งรู้ว่าวันนี้แขกเหรื่อต้องมากันมาก จึงตื่นเช้าแต่ยามหยิน 寅 (4:00 น.) ล้างหน้าหวีผมทำกิจวัตรประจำวันแล้วเสร็จ พอยามเหม่าสองเค่อ 卯正二刻 ก็ขึ้นรถ มีโคมคู่หน้ารถเขียนอักษรสามตัว “จวนหยงกว๋อ 荣国府” มาถึงหน้าประตูจวนหนิง มีโคมแขวนเรียงรายสองข้างสว่างดุจกลางวัน บ่าวจวนหนิงสวมชุดไว้ทุกข์ขาวโพลนยืนรอรับเป็นสองแถว รถเทียบหน้าประตูใหญ่ บ่าวถอยไป เหล่าแม่บ้านมาเปิดม่านรถ พยุงพี่เฟิ่งลงจากรถ สองฟากมีแม่บ้านชูโคมสว่างไสวเหล่าแม่บ้านจวนหนิงคารวะทักทาย
พี่เฟิ่งเดินเนิบๆ มายังสวนบุปผาชุมนุม 会芳园 (หุ้ยฟางหยวน) ถึงหน้าแท่นป้ายสถิตวิญญาณ พอเห็นโลงศพ น้ำตาทะลักล้นมาไม่ขาดสาย บ่าวยืนรออยู่สองข้าง พี่เฟิ่งบอกว่า
“เซ่นน้ำชาเผากระดาษ”
เสียงฆ้องดัง ดนตรีประโคม บ่าวยกเก้าอี้เท้าแขนมาให้พี่เฟิ่งนั่งหน้าป้ายวิญญาณ พี่เฟิ่งนั่งลงแล้วร่ำไห้ยกใหญ่ ทำเอาบ่าวนายชายหญิงอื่นๆ พลอยร้องไห้กันไปด้วย
เจี่ยเจิน นางอิ๋วสื้อเข้ามาช่วยปลอบจนหยุดร้อง ภรรยาไหลว่างนำน้ำชามาให้บ้วนปาก แล้วจึงลุกขึ้นลาฝูงชนเดินมายังห้องมุข ตรวจรายชื่อปรากฏว่าในกลุ่มที่ทำหน้าที่รับรองแขกเหรื่อขาดหายไปคนหนึ่ง จึงให้คนไปตามตัวมา
คนผู้นั้นตระหนก พี่เฟิ่งยิ้มเยือกเย็นว่า
“เป็นเจ้านี่เอง ออกจะมีหน้าใหญ่กว่าผู้อื่น จึงไม่เชื่อฟังข้า”
คนผู้นั้นตอบว่า “บ่าวมาเช้าทุกวัน มีเพียงวันนี้มาสายไปหน่อย ขอให้คุณนายโปรดละเว้นเป็นโทษครั้งแรก”
ระหว่างพูดอยู่นั้น ภรรยาหวางซิง 王兴媳妇 จากจวนหยู เดินเข้ามาในห้อง
พี่เฟิ่งยังไม่ละจากคนผู้นั้น แต่หันมาถามภรรยาหวางซิงก่อนว่า
“ภรรยาหวางซิงมา มีกิจอันใด”
ภรรยาหวางซิงก้าวมาข้างหน้าว่า
“มาเบิกด้ายไปทำพู่สำหรับรถม้า”
แล้วยื่นป้ายและใบเบิกรายการมาให้ พี่เฟิ่งให้ไฉ่หมิง 彩明 อ่านให้ฟังว่า
“เกี้ยวใหญ่สองหลัง เกี้ยวเล็กสี่หลัง รถสองคัน รวมใช้พู่เท่านี้ไจ แต่ละไจใช้มุกและด้ายเท่านี้ชั่ง”
พี่เฟิ่งฟังแล้วจำนวนสอดรับกัน จึงสั่งให้ไฉ่หมิงจดบันทึกและเบิกของตามตุ้ยไผจากจวนหยงให้ภรรยาหวางซิงไป
(พี่เฟิ่งอ่านหนังสือไม่ออก รู้หนังสือเพียงไม่กี่ตัว)
อีกสี่คนจากจวนหยงนำป้ายมาเบิกของเช่นกัน พี่เฟิ่งให้อ่านให้ฟังทั้งสี่รายการ แล้วชี้ไปยังสองรายการว่า
“สองรายการนี้ผิดพลาด กลับไปคำนวณใหม่แล้วค่อยกลับมาเบิก” แล้วโยนใบเบิกลงกับพื้น ทั้งสองใจเสียลากลับไป
พี่เฟิ่งเห็นภรรยาจางไฉ 张材家 ยืนรออยู่ จึงถามว่า
“เจ้ามีธุระอะไร”
ภรรยาจางไฉส่งใบเบิกให้ตอบว่า “เกี้ยวของฟางไฉซ่อมเสร็จแล้ว มาเบิกค่าแรงช่างเท่านี้ตำลึง”
พี่เฟิ่งฟังแล้ว รับใบเบิกให้ไฉ่หมิงลงบันทึก ให้หวางซิงไปตรวจสอบเทียบกับรายการจัดซื้อเรียบร้อยแล้วจึงนำภรรยาจางไฉไปเบิกเงิน
พี่เฟิ่งสั่งการทำนองเดียวกันกับใบเบิกกระดาษซ่อมหน้าต่างโรงเรียนของเป่าวี่ แล้วกลับมายังเรื่องคนที่มาเข้างานสาย พี่เฟิ่งว่า
“พรุ่งนี้เขามาสาย วันหลังข้ามาสาย ต่อไปก็คงไม่มีใครมากัน หากละเว้นให้เจ้าในครั้งแรก ต่อไปจะปกครองกันอย่างไร จึงต้องลงโทษเป็นเยี่ยงอย่าง”
แล้วตีหน้าเคร่งเครียดสั่งการว่า
“นำตัวไปโบยยี่สิบที”
พวกบ่าวเห็นพี่เฟิ่งโกรธ ก็ไม่รีรอ รีบนำตัวออกไปโบยแล้วกลับมารายงาน พี่เฟิ่งโยนป้ายตุ้ยไผของจวนหนิงลงกับพื้นว่า
“สำหรับไล่เซิง ตัดเงินเดือนและส่วนแบ่งเสบียงหนึ่งเดือน”
แล้วสั่งต่อว่า “แยกย้าย”
ทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ บ่าวไพร่ในจวนหนิงจึงรู้ถึงความเด็ดขาดของพี่เฟิ่ง ไม่มีใครกล้าเกี่ยงงานหรือละเลยหน้าที่กันอีก
กล่าวถึงเป่าวี่ พอเห็นคนมากันมาก ก็เกรงว่าฉินจง 秦钟 อาจพลาดพลั้งถูกใครรังแก จึงชวนกันมานั่งใกล้พี่เฟิ่ง พี่เฟิ่งกำลังกินอาหารอยู่ เห็นเข้าจึงยิ้มแล้วทักว่า
“ช่างขายาวว่องไวจริงนะ รีบมากัน”
เป่าวี่ว่า “พวกเราอิ่มแล้ว”
พี่เฟิ่งว่า “กินกันที่ฝั่งนี้ หรือกินที่ฝั่งโน้น”
เป่าวี่ว่า “คนพลุกพล่านอย่างนี้กินอะไรได้เล่า กินกับท่านย่าแล้วที่ฝั่งโน้น”
กล่าวจบก็หาที่นั่งลง
พี่เฟิ่งกินอาหารเสร็จ แม่บ้านจากจวนหนิงนางหนึ่งมาเบิกป้ายเพื่อไปเบิกเงินซื้อธูปและตะเกียง พี่เฟิ่งยิ้มว่า
“ข้าคำนวณไว้แล้วว่าวันนี้เจ้าต้องมาเบิกเงิน คิดอยู่ว่าคงลืม ถ้าลืมไปจริง เจ้าก็ต้องออกเองแน่นอน และคงเป็นข้าที่ได้กำไร”
แม่บ้านผู้นั้นยิ้มว่า “ใช่ว่าข้าลืม เพียงแต่เพิ่งนึกออก หากช้าไปอีกหน่อยคงเบิกไม่ได้แล้ว”
กล่าวจบก็เบิกป้ายจากไป
ตอนลงบันทึกจ่ายป้าย ฉินจงยิ้มถามว่า
“พวกท่านต่างใช้ป้ายลักษณะนี้ทั้งสองจวน หากมีคนอื่นแอบทำปลอมขึ้นมา แล้วเบิกเงินหนีไป จะทำอย่างไร”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ตามที่เจ้าว่า บ้านเมืองคงไม่มีกฎหมายแล้วกระมัง”
เป่าวี่ว่า “ทำไมที่จวนเรา ไม่มีใครนำป้ายมาเบิกของ”
พี่เฟิ่งว่า “ตอนที่พวกเขามาเบิก เจ้ายังฝันหวานอยู่สิ ข้าถามเจ้าหน่อย พวกเจ้าจะกลับไปเรียนหนังสือเมื่อไร”
เป่าวี่ว่า “ข้าก็อยากไป ได้วันนี้ยิ่งดี แต่พวกเขาไม่รีบซ่อมห้องเรียนให้ ไม่รู้จะทำเช่นไร”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “หากเจ้ามาขอร้องข้า รับรองว่าเสร็จเร็ว”
เป่าวี่ว่า “ถึงพี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าพวกเขาทำสิ่งที่ควรทำ คงเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
พี่เฟิ่งว่า “พวกเขาจะทำงานก็ต้องใช้วัสดุสิ่งของ หากข้าไม่จ่ายป้ายตุ้ยไผก็ทำงานไม่ได้”
เป่าวี่พอได้ฟัง พลันกลายเป็นลิงเกาะแข้งขาพี่เฟิ่งจะขอป้ายว่า
“พี่คนดี ให้ป้ายพวกเขาเบิกของไปซ่อมเถอะนะ”
พี่เฟิ่งว่า “ข้าเหนื่อยจนเมื่อยตัวไปหมดแล้ว เจ้ายังมาเกาะอยู่นั่นแหละ วางใจเถิด วันนี้เขามาเบิกกระดาษติดผนังไปแล้ว หากต้องใช้อะไรอื่น คงมาเบิกอีก อย่าเซ้าซี้ได้แล้ว”
เป่าวี่ไม่เชื่อ พี่เฟิ่งจึงให้ไฉ่หมิงเปิดบันทึกให้ดู
มีคนเข้ามาแจ้งว่า “เจาเอ๋อ 昭儿 ที่ไปซูโจว 苏州 กลับมาแล้ว”
พี่เฟิ่งให้รีบตามเข้ามา เจาเอ๋อคุกเข่าข้างเดียว 打千儿 คารวะ พี่เฟิ่งถามว่า
“เจ้ากลับมาทำไม”
เจาเอ๋อว่า “นายรองใช้ให้ข้ากลับมา บิดาของคุณหนูหลินถึงแก่กรรมเมื่อวันที่สามเดือนเก้า นายรองอยู่ช่วยคุณหนูหลินจัดพิธีศพที่ซูโจว จะกลับมาราวสิ้นปี นายรองจึงให้บ่าวกลับมาแจ้งข่าว ขอคำสั่งจากเหล่าไท่ไท่ และดูว่าพวกคุณนายสบายดี และบอกให้นำเสื้อขนสัตว์ตัวใหญ่กลับไปให้ด้วย”
พี่เฟิ่งว่า “เจ้าพบคนอื่นหรือยัง”
เจาเอ๋อว่า “พบมาทุกคนแล้ว”
กล่าวจบก็ถอยกลับออกไป
พี่เฟิ่งหันมายิ้มกับเป่าวี่ว่า
“น้องหลินของเจ้าต้องอยู่บ้านเรายาวแล้ว”
เป่าวี่ว่า “วิเศษ มาคิดดูหลายวันนี้คงร้องไห้น่าดู”
กล่าวจบขมวดคิ้วถอนหายใจ
พี่เฟิ่งพอเห็นเจาเอ๋อกลับมา ก็กระสับกระส่ายอยากซักรายละเอียดเรื่องเจี่ยเหลียน อยากจะรีบกลับแต่งานยังไม่เสร็จ ต้องรอกระทั่งเย็น พอกลับถึงบ้านก็ให้ตามเจาเอ๋อ มาถามว่าการเดินทางราบรื่นดีไหม ในคืนนั้นก็รีบจัดเสื้อขนสัตว์ใหญ่ อีกทั้งช่วยกันกับผิงเอ๋อจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น บรรจุหีบห่อส่งให้เจาเอ๋อ แล้วกำชับว่า
“อยู่ที่นั่นคอยรับใช้ให้จงดี อย่าทำให้นายรองโกรธ คอยเตือนท่านอย่าให้ดื่มเหล้ามากนัก และอย่าชักนำท่านไปคลุกคลีกับหญิงชั้นต่ำ ถ้าข้ารู้ กลับมาข้าจะตีเจ้าให้ขาหัก”
เจาเอ๋อยิ้มรับคำแล้วกลับออกไป
เป็นเวลายามสี่ พี่เฟิ่งเข้านอนได้ไม่ทันไรก็เช้า รีบล้างหน้าหวีผมแล้วมาจวนหนิง
ตอนก่อนหน้า : งานพิธีศพของคุณหญิงราชองครักษ์
ตอนถัดไป : ขบวนส่งศพฉินสื้อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา