เมื่อวาน เวลา 06:39 • สุขภาพ

คุณทำอะไรเวลาที่กำลังเผชิญหน้ากับอารมณ์ ที่ทำให้คุณอยากวิ่งหนีตัวเอง?

คำถามนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาที่สำคัญที่สุดในชีวิต นั่นคือบทสนทนาระหว่างเรากับตัวตนที่อยู่ลึกข้างใน
ในโลกที่สอนให้เรา "จัดการ" "ควบคุม" หรือกระทั่ง "กำจัด" อารมณ์ที่รบกวนจิตใจ เราอาจกำลังทำสงครามกับส่วนที่เปราะบางที่สุดของตัวเอง...และในสงครามนั้น เราไม่เคยเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง… แต่ถ้าหากมีอีกหนทา ทางที่ไม่ใช่การต่อสู้และผลักไส แต่คือการเชื้อเชิญและรับฟัง คุณอยากฟังมันหรือไม่?
ลองจินตนาการดูว่า ถ้าอารมณ์ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่เป็นผู้ส่งสารอันศักดิ์สิทธิ์ที่นำข่าวจาก ‘ดินแดนภายใน’ มาให้
บางที…
  • ​ความโกรธอาจไม่ใช่เปลวไฟที่เผาไหม้ แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นเมื่อเราถูกล้ำเส้นมากไป มันไม่ได้ตะโกนว่า "จงทำลาย" แต่อาจกำลังกระซิบว่า "จงปกป้องตัวเอง"
  • ​ความเศร้าโศกอาจไม่ใช่หล่มโคลนที่ดูดเราลงไป แต่คือเครื่องพิสูจน์ถึงความรักที่เคยมีอยู่จริง มันไม่ได้บอกว่า "เธอกำลังแตกสลาย" แต่ยืนยันว่า "สิ่งที่เธอรักนั้นมีความหมาย"
  • ​ความวิตกกังวลที่บีบคั้น ก็อาจไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นยามเฝ้าระวังที่พยายามเตือนให้เราใส่ใจต่อสิ่งที่เราหวงแหน
เมื่อเราเปลี่ยนมุมมองจากการ "ต่อสู้" มาสู่การ "รับฟัง" ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เราจะไม่ต่อสู้กับตัวเอง โดยการหาวิธี “กำจัดความรู้สึกออกไป” แต่เรากำลังฟังว่า "ความรู้สึกเหล่านี้ต้องการบอกอะไรกับเรา"
นี่คือหัวใจของ "การเยียวยาจิตใจ"
การเยียวยาจิตใจเกิดขึ้นได้โดยการ “สร้างสภาวะที่เอื้อ” ให้อารมณ์ที่อัดอั้นได้คลี่คลายออกมาเอง ซึ่งเป็นวิถีที่สอดคล้องกับธรรมชาติ… เหมือนต้นไม้ที่ไม่เคยใช้ปุ๋ยและยาเร่งให้ตัวเองให้เติบโต มันเพียงหยั่งรากลึกลงไปในดินและเปิดรับแสงแดด สายน้ำไม่เคยต่อสู้กับก้อนหิน มันเพียงโอนอ่อนและค่อยๆไหลผ่านไป มือของเราที่กำแน่นแล้วค่อยๆ คลายออก ไม่ใช่จากการถูกงัดแงะ แต่เมื่อเรารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
การเยียวยาในลักษณะนี้ไม่ได้ต้องการความแข็งกร้าว แต่ต้องการความเข้มแข็งจากใจที่ยอมรับความจริงอย่างที่เป็น แต่การจะหยุดฟังได้นั้น เราต้องหยุดนิ่งให้เป็นเสียก่อน และนี่คือจุดที่ยากที่สุด เพราะความนิ่งงันนั้นน่าพรั่นพรึง เราจึงเลือกที่จะวิ่ง…
  • ​เราวิ่งหนีความเงียบด้วยเสียงเพลงที่ดังกว่า
  • ​วิ่งหนีความเจ็บปวดด้วยความสนุกชั่วคราว
  • ​วิ่งหนีความว่างเปล่าด้วยการทำให้ตัวเองยุ่งอยู่เสมอ
เราวิ่งเพราะความเจ็บปวดที่คุ้นเคยนั้นรู้สึกปลอดภัยกว่าการเยียวยาที่เราไม่รู้จัก เราวิ่งเพราะในความเงียบนั้นมีเสียงสะท้อนจากอดีตที่เราไม่อยากได้ยิน แต่ในขณะที่วิ่ง เราไม่เคยเป็นอิสระอย่างแท้จริง
ทว่า...ความงดงามกลับรอคอยอยู่ในฝั่งตรงข้าม ในการหยุดนิ่งนั้นเอง ทำให้น้ำขุ่นมัวเริ่มตกตะกอน และเราจะได้เห็นถึงก้นบึ้งของแม่น้ำแห่งใจเป็นครั้งแรก ในความนิ่ง… เราจะได้พบกับอิสรภาพที่แท้จริง ไม่ใช่อิสรภาพ จาก ความรู้สึก แต่เป็นอิสรภาพที่จะสามารถ อยู่กับ ความรู้สึกนั้นได้โดยไม่ถูกมันกลืนกิน
แล้วเราจะเริ่มต้นบทสนทนานี้กับตัวเองได้อย่างไร? ในเมื่อเสียงของโลกภายนอกนั้นดังเหลือเกิน?
ดอกไม้บำบัด อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยนำทาง… เอสเซนส์จากดอกไม้ ไม่ใช่ยาที่เข้าไป "แก้ไข" อาการ แต่มันคือส้อมเสียงที่ช่วยปรับจูนคลื่นความถี่ภายในของเราให้กลับสู่สมดุล
ดอกไม้ไม่ได้ใช้กำลังเข้าบังคับ แต่ใช้การสั่นสะเทือนที่นุ่มนวล เพื่อปลุกการรับรู้และเปิดประตูให้เราได้ยินเสียงกระซิบจากภายใน พลังของการสั่นสะเทือนที่นุ่มนวล คือคำเชิญชวนให้เราหยุดเพื่ออยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง คือเพื่อนร่วมทางที่กระตุ้นให้เรากล้าเผชิญหน้ากับสารที่อารมณ์นำมามอบให้
พลังบริสุทธิ์ของดอกไม้ไม่ได้ "ทำงานแทน" เรา แต่ช่วยให้เราสามารถ "ทำงานกับ" ตัวเองได้อย่างอ่อนโยนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะพลังแห่งการเยียวยาที่แท้จริงอยู่กับเราเสมอมา
การเดินทางสายนี้ไม่ใช่การค้นหาคำตอบสำเร็จรูป แต่คือการกลับมามีความสัมพันธ์กับตัวเองอีกครั้งอย่างซื่อสัตย์และเมตตา เป็นการเรียนรู้ที่จะนั่งลงข้างๆ ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล...และฟังอย่างตั้งใจ
โฆษณา