"บ้านหินกอง หนองขาม: 2 มิติความต่างของเรื่องเล่า"

จากบทความ "เรื่องเล่าบ้านหินกอง หนองขาม ชลบุรี" ที่ถูกนำเสนอ "ที่มาของชื่อบ้านหินกอง " โดยเนื้อหานำเสนอความหลากหลายของเรื่องเล่า ดังนี้
มิติที่ 1: เรื่องเล่าว่าด้วยกองหินเกิดจากการบุกเบิกที่ดิน ถางป่าเพื่อทำไร่ ทำสวน และใช้ก้อนหินที่พบระหว่างการถากถางมากองรวมกันเพื่อใช้แบ่งแนวเขตที่ดิน สะท้อนการมองอดีตในเชิงเศรษฐกิจและการจัดการพื้นที่ทำกิน
มิติที่ 2 : เรื่องเล่าว่าด้วยกองหินจากช้างป่า สะท้อนให้เห็นความผูกพันของชุมชนกับสัตว์ป่าและธรรมชาติ
หากนำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบกัน สามารถมองความคลาดเคลื่อนได้ใน 3 ด้าน
1. ด้านสาเหตุของการเกิดกองหิน
เรื่องเล่ามิติที่ 1: เล่าว่ากองหินเกิดจากพฤติกรรมมนุษย์
เรื่องเล่ามิติที่ 2: เล่าว่ากองหินเกิดจากฝีมือของช้างป่า
2. ด้านสถานะทางวัฒนธรรมของหิน
เรื่องเล่ามิติที่ 1: ให้ความหมายในเชิงพฤติกรรมมนุษย์ว่าเป็นเพียงพฤติกรรมแสดงเครื่องหมายแบ่งเขตที่ดิน
เรื่องเล่ามิติที่ 2: ให้ความหมายในเชิงความสัมพันธ์ของชุมชนกับสัตว์ป่าและภูมิทัศน์ธรรมชาติ
3. ด้านจุดเน้นของเรื่องเล่า
เรื่องเล่ามิติที่ 1 : เน้นเรื่องความลำบากในการบุกเบิกและใช้ชีวิตในพื้นที่
เรื่องเล่าในมิติที่ 2: เน้นมิติสร้างความศรัทธาและความสามัคคีจากการเล่าเรื่อง
ปัจจัยสาเหตุของความคลาดเคลื่อนสามารถอธิบายได้ว่า เกิดจากความแตกต่างของประสบการณ์ตรงจาก " ผู้สืบสาน-ตีความ-ต่อยอด" ฝ่ายเชื้อสายของผู้บุกเบิกพื้นที่รับรู้ในบทบาทของผู้สืบสันดานหรือผู้สืบทอดข้อมูล กับฝ่ายที่รับรู้ผ่านความสัมพันธ์ของชุมชน
การส่งต่อแบบปากต่อปาก การเล่าเรื่องจากรุ่นสู่รุ่นอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพื่อให้สอดคล้องกับความเข้าใจของผู้เล่าและผู้ฟังในแต่ละช่วงเวลา ประกอบกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนเรื่องเล่าก็ถูกตีความใหม่ เช่น ยุคที่การอนุรักษ์ธรรมชาติได้รับความสำคัญจาก "ช้างป่า" ถูกเล่าให้มีบทบาทเด่นโดยใช้เรื่องเล่าเป็นเครื่องมือทางสังคมเพื่อสร้างความศรัทธาและความสามัคคี แต่ในยุคของการถือครองที่ดินเรื่องเล่าก็จะเน้นเพื่อแบ่งแนวเขตที่ดินและใช้เรื่องเล่าเป็นเครื่องมือในการอธิบายสิทธิครอบครองหรือความเป็นเจ้าของพื้นที่
ดังนั้นความหลากหลายและความคลาดเคลื่อนของเรื่องเล่าที่ปรากฏ มิได้สะท้อนความไม่ถูกต้อง หากแต่เป็นหลักฐานของ "ความทรงจำร่วม" ที่พลวัตเปลี่ยนแปลงและตอบสนองต่อบริบทชุมชนในแต่ละช่วงเวลา
"เรื่องเล่าบ้านหินกอง หนองขาม ชลบุรี" จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ถูกถ่ายทอดผ่านคำบอกเล่าเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น "ทุนทางวัฒนธรรม" (Culture Capital) ที่ชุมชนสามารถนำมาใช้เพื่อการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การสาธารณสุข
แนวคิดนี้สอดคล้องกับปิแอร์ บูร์ดิเยอ (Bourdieu P. 1986) ที่อธิบายว่า ทุนทางวัฒนธรรมเป็นทรัพยากรเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งสามารถสร้างอำนาจทางสังคม และความได้เปรียบให้แก่ชุมชน สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น และยังเป็นฐานข้อมูลทางวัฒนธรรมที่ช่วยกำหนดยุทธศาสตร์ในการสร้างเครือข่ายและเสริมสร้างพลังทางสังคมของชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
โฆษณา