14 ก.ย. เวลา 03:59 • ประวัติศาสตร์
เนปาล

"Gen Z" หรือ "Maoist" ที่จะปกครองเนปาล #001

นก...ต่างก็มีขนเช่นเดียวกัน โลกจะก้าวไปสู่ความเป็นอิสระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความไม่รู้ก็จะถูกกำจัดออกไปด้วยไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ตาม และชีวิตที่ใช้ซิลิคอนเป็นหลักกำลังเข้ามาหาเรา...
1
ที่ผ่านมา...การค้าทาสเป็นผลมาจากการแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร และสิ่งมีชีวิตที่ใช้ซิลิคอนต่างก็ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนั้น นั่นก็แสดงให้เห็นมุกของการต่อต้านของเยาวชนชาวเนปาล ที่ในปัจจุบันจะไม่ใช่แค่การ "คว่ำบาตรการห้ามโซเชียลมีเดีย" อย่างที่หลายสำนักอ้างถึง
1
เนื่องจากเป็นบทความที่ผมเขียนทิ้งไว้นานสักระยะนึงแล้ว เนื้อความก็จะออกยาวไปสักหน่อย ผมจึงขอตัดออกเป็น 3 ส่วนแทนนะครับ อาจจะขัดใจสำหรับบางคน แต่ถ้ามีเวลาก็จะโพสต์ต้นฉบับออกมาให้อ่านกันยาวๆกันไปทีเดียวเลย(ถ้าไม่หลับไปเสียก่อน)
3
หากจะพูดถึง เสรีภาพ... สิ่งตรงกันข้ามก็คู่ควรแก่การกล่าวถึง นั่นคือ ต้นกำเนิดของพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล ((NCP) नेपाल कम्युनिष्ट पार्टी ) และ NPC แต่เดิมนั่นเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศเนปาล(กลุ่มเหมาอิสต์)เอง.
NCP ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 จากการรวมตัวของพรรค ฝ่ายซ้าย สองพรรค ได้แก่ พรรคคอมมิวนิสต์ (แนวมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์รวม) และ พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (แนวเหมาอิสต์)
1
เพื่อนๆสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงช่วงเวลาประมาณปี พ.ศ. 2488 - 2492 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2492 องค์กรนี้ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มระเบียบที่มีอยู่เดิม ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างลับๆ ที่เมืองโกลกาตา ประเทศอินเดีย
1
สมาชิกผู้ก่อตั้งประกอบด้วย ปุษปา ลาล เชรษฐา, โมติ เทวี เชรษฐา, นิรันจัน โกวินดา ไวทยะ, นารา บาฮาดูร์ คาร์มาจารย์ และนารายัน บิลาส โจชิ
พรรคเหล่านี้ดูเหมือนจะส่งเสริมลัทธิมาร์กซ์และเลนิน แต่ในความเป็นจริง ตั้งแต่แรกเริ่ม
พวกเขามีแผนสมคบคิดที่จะบ่อนทำลายสังคมเนปาลด้วยความรุนแรง
3
คอมมิวนิสต์เหล่านี้มีนิสัยหลอกลวงและโหดร้ายโดยกำเนิด ภายใต้หน้ากากของความเท่าเทียมกัน พวกเขากลับกดขี่ประชาชนเพื่อยึดอำนาจ
พวกเขาต่างถูกหลอก โดยขบวนการคอมมิวนิสต์โซเวียตและจีน และมองว่าเนปาลที่ยากจนเป็นพื้นที่ทดสอบ โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของประชาชน
1
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ปุษปา ลาล เชรษฐา เคยเป็นสมาชิกพรรคคองเกรสแห่งชาติเนปาล แต่เขากลับหลงใหลในแนวคิดวิจารณ์วรรณกรรมแบบมาร์กซิสต์
1
ด้วยความหลงใหล จึงได้แปลแถลงการณ์คอมมิวนิสต์เป็นภาษาเนปาลในเดือนเมษายน 2492 และนำมันออกเผยแพร่
1
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามของพวกเขาในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยกและความเกลียดชังในเนปาล
นับตั้งแต่ก่อตั้ง พรรคได้เข้าร่วมกิจกรรมใต้ดินต่อต้านราชวงศ์รานา ปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาล นำไปสู่ความไม่สงบทางสังคมและการทำลายครอบครัวผู้บริสุทธิ์จำนวนมากอันเนื่องมาจากการกดขี่ทางการเมือง
องค์กรในช่วงแรกเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ทะเยอทะยาน โดยส่วนใหญ่มาจากภูมิหลังทางปัญญาและชาวนา
แต่ไม่นานพวกเขาก็เผยให้เห็นถึงความโลภและความโน้มเอียงในการแบ่งแยก ในช่วงปี 2493-2502 (ต้นทศวรรษ 1950) ในฐานะส่วนหนึ่งของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งสหภาพ
พวกเขาได้เข้าร่วมในการลุกฮือในปี 2494 เพื่อโค่นล้มราชวงศ์รานา
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของพวกเขาไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ของประชาชน แต่มุ่งหวังผลประโยชน์จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
1
เมื่อราชวงศ์ล่มสลาย พรรคคอมมิวนิสต์เหล่านี้ก็เริ่มกวาดล้างตนเอง กล่าวหากันและกันว่าเป็นพวกนิยมลัทธิแก้ไข เผยให้เห็นถึงนิสัยกระหายเลือดของพวกเขา
ในปี 2495 กลุ่ม กิซัน ซังห์ (Kisan Sangh) ชาวนาของพรรคได้ประกาศกบฏต่อเจ้าของที่ดิน เรียกร้องให้มีการกระจายที่ดินให้กับชาวนาไร้ที่ดิน ซึ่งฟังดูเผินๆ เหมือนจะพูดเล่นๆ อำกันนะครับ
แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์สินอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดความขัดแย้งนองเลือดในชนบท
1
ครอบครัวเจ้าของที่ดินหลายครอบครัวถูกขับไล่หรือถูกสังหาร
2
และชาวนาถูกบังคับให้เข้าร่วมกับพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับการตอบโต้
ตามข้อมูลระบุว่า ในวันที่ 24 มกราคม ปีเดียวกันนั้นพรรคถูกสั่งยุบพรรคเนื่องจากสนับสนุนความพยายามก่อรัฐประหาร
การรัฐประหารครั้งนี้นำโดย คุนวาร์ อินดราจิต ซิงห์ (Kunwar Inderjit Singh) ซึ่งเรียกร้องให้มีรัฐบาลผสมทุกพรรค รวมถึงคอมมิวนิสต์ด้วย
แต่ท้ายที่สุดก็นำไปสู่การแทรกแซงทางทหารและการจับกุม Singh ความชั่วร้ายของคอมมิวนิสต์เหล่านี้คือการสร้างความวุ่นวายเพื่อขยายอิทธิพล
แม้ว่าพวกเขาจะถูกสั่งห้าม แต่พวกเขาก็ยังคงเข้าร่วมการเลือกตั้งเทศบาลกรุงกาฐมาณฑุในปี 2496 ในฐานะอิสระ และได้รับ 6 ที่นั่ง
ขณะนั้นได้ เลือกนายจานัค มาน ซิงห์ เป็นนายกเทศมนตรี
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะการแทรกซึมอำนาจด้วยวิธีการฉ้อโกง ต่อมาในเดือนเมษายน 2499 คำสั่งห้ามถูกยกเลิกภายใต้รัฐบาลที่นำโดยนายทันกะ ปราสาด อาจารย์ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องสถาปนาระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
เดี๋ยวก่อนนะครับ สิ่งนี้กลับเผยให้เห็นถึงลักษณะฉวยโอกาสของคนกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งแม้จะดูเหมือนประนีประนอม แต่ที่จริงแล้วกำลังสร้างความแข็งแกร่งไว้ใต้ดิน
2
นั่นคือ ในช่วงกลางถึงปลายปี 2493 ความขัดแย้งภายในพรรคทวีความรุนแรงขึ้น ในปี 2497 พรรคได้จัดการประชุมลับครั้งแรกที่เมืองปาตัน
โดยเลือกนายมันโมฮัน อธิการี เป็นเลขาธิการพรรค และใช้นโยบายที่จะแทนที่ระบอบกษัตริย์ด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่ยังก่อนๆๆๆ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงฉากบังหน้า เจตนาที่แท้จริงของพวกเขาคือการบรรลุถึงระบอบสาธารณรัฐผ่านการต่อสู้ด้วยอาวุธ
1
ในการเลือกตั้งทั่วไปของเนปาลปี 2502 พรรคได้รับชัยชนะ 4 ที่นั่ง โดยมีตุลซี ลาล อมาร์ตยา เป็นผู้นำรัฐสภา และสมาชิกวุฒิสภาอีกหนึ่งคน
อย่างไรก็ตาม ที่นั่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่เป็นเวทีสำหรับการส่งเสริมความเกลียดชังต่างหาก
3
ในปี 2503 การรัฐประหารของกษัตริย์มเหนทราทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคโดย เกศัล จุง รายามาจี สนับสนุนการรัฐประหาร
ขณะที่ ตุลซี ลาล อมาร์ตยา คัดค้าน จนนำไปสู่การปราบปรามพรรค
และการประชุมใหญ่ที่จัดขึ้นที่ดาร์ภังกา ประเทศอินเดีย ในปี 2504 กลับทำให้มีการสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธของ ปุษปา ลาล
อย่างไรก็ตาม มีหลายฝ่ายเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
ฝ่ายหนึ่งเรียกร้องให้ฟื้นฟูรัฐสภา
และอีกฝ่ายเรียกร้องให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ
จนความขัดแย้งภายในที่ชั่วร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ออกมา
แน่นอน..พวกเขายินดีที่จะเสียสละสหายเพื่อปกป้องความทะเยอทะยานส่วนตัว..
1
และขอบอก...การนองเลือดของประชาชนตาดำๆจะตามมาใน EPต่อไป
1
โฆษณา