17 ก.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🌍 คำเตือนถึงมนุษยชาติ: "หลุมฝังกลบ CO2" ใต้พิภพอาจมีน้อยกว่าที่เราคิดถึง 10 เท่า

คุณเคยได้ยินเรื่องเทคโนโลยี ‘ดักจับและกักเก็บคาร์บอน’ (Carbon Capture and Storage - CCS) ไหมครับ? มันคือแนวคิดที่เราจะยังคงใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ต่อไป โดยการดูดเอา CO2 ที่ปล่อยออกมาไปฝังไว้ใต้ดิน... ฟังดูเหมือนเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ?
แต่ถ้าผมจะบอกว่า... งานวิจัยใหม่ล่าสุดพบว่า ‘พื้นที่จัดเก็บ’ ที่เรามีอยู่นั้น อาจจะน้อยกว่าที่เคยประเมินกันไว้ถึง 10 เท่า เลยล่ะครับ
📢 เมื่อความจริงไม่ตรงกับโฆษณา
ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมประเมินว่าโลกของเรามีศักยภาพในการกักเก็บ CO2 ใต้ดินได้มากถึง 14,000 จิกะตัน แต่ทีมนักวิจัยนำโดย โจเอรี โรเจลจ์ (Joeri Rogelj) จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน (Imperial College London) ได้ทำการวิเคราะห์ใหม่โดยคำนึงถึงปัจจัยในโลกแห่งความเป็นจริง
พวกเขาได้ตัดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงออกไป เช่น พื้นที่ใกล้เมืองใหญ่, พื้นที่เปราะบางทางสิ่งแวดล้อม หรือพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหว และพบว่าศักยภาพในการกักเก็บที่ใช้งานได้จริงและปลอดภัยนั้น อาจเหลือเพียง 1,460 จิกะตัน เท่านั้น
⬇️ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
การค้นพบนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเราไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยคิดว่าพื้นที่ใต้ดินคือหลุมฝังกลบที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้มันได้กลายเป็น “ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด” ไปแล้ว
นักวิจัยเตือนว่า หากเรายังคงใช้พื้นที่เหล่านี้เพื่อชดเชยการปล่อย CO2 จำนวนมหาศาลจากโรงไฟฟ้าฟอสซิลต่อไป พื้นที่กักเก็บทั้งหมดของโลกอาจจะเต็มได้ภายในปี 2200
💡 ใช้ให้ฉลาด...เพื่อย้อนกลับการเปลี่ยนแปลง
โรเจลจ์เสนอว่าเราไม่ควรใช้ทรัพยากรอันมีค่านี้ไปกับการยืดอายุของพลังงานฟอสซิล แต่เราควรสงวนมันไว้สำหรับเทคโนโลยีที่สำคัญกว่า อย่างการดักจับอากาศโดยตรง (Direct Air Capture - DAC) ซึ่งเป็นการดูด CO2 ส่วนเกินออกจากชั้นบรรยากาศโดยตรง
หากเราสามารถสงวนพื้นที่ 1,460 จิกะตันนี้ไว้สำหรับเทคโนโลยี DAC ได้ทั้งหมด นักวิจัยคำนวณว่ามันจะช่วยให้เราสามารถ “ย้อนกลับ” ภาวะโลกร้อนได้ถึง 0.7°C เลยทีเดียว!
🏡 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างไร?
ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังมีการศึกษาและวางแผนโครงการ CCS อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่อ่าวไทย การค้นพบนี้จึงเป็นเหมือน “คำเตือน” ที่มาได้ถูกเวลาสำหรับผู้กำหนดนโยบายของไทย
มันทำให้เราต้องกลับมาคิดทบทวนอย่างหนักว่า เราจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้อย่างไร? จะใช้เพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมเดิมๆ ต่อไป หรือจะมองการณ์ไกลและเก็บมันไว้สำหรับเทคโนโลยีในอนาคตที่จะช่วย “รักษา” โลกของเราได้อย่างแท้จริง? นี่คือทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ พื้นที่เก็บ CO2 น้อยกว่าที่คิด 10 เท่า: งานวิจัยใหม่ประเมินว่า ศักยภาพในการกักเก็บ CO2 ใต้พิภพที่ใช้งานได้จริง อาจมีน้อยกว่าที่เคยคาดกันไว้ถึง 10 เท่า
✅ ตัดพื้นที่เสี่ยง: สาเหตุที่น้อยลงเพราะนักวิจัยได้ตัดพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น ใกล้เมืองใหญ่ หรือเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวออกไป
✅ อาจเต็มในศตวรรษหน้า: หากเรายังใช้พื้นที่นี้เพื่อชดเชยการปล่อย CO2 จากโรงไฟฟ้าฟอสซิลต่อไป พื้นที่อาจเต็มได้ภายในปี 2200
✅ เก็บไว้เพื่ออนาคต: ข้อเสนอแนะคือ เราควรสงวนพื้นที่กักเก็บอันมีค่านี้ไว้สำหรับเทคโนโลยี ดักจับอากาศโดยตรง (DAC) ซึ่งจะช่วย "ย้อนกลับ" ภาวะโลกร้อนได้
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
คุณคิดว่าเราควรใช้เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนเพื่อ ‘ชดเชย’ การใช้ฟอสซิลต่อไป หรือควรเก็บมันไว้เพื่อ ‘ย้อนกลับ’ ภาวะโลกร้อนในอนาคตครับ?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🌍 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมขบคิดถึงอนาคตของเราด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Gidden, M. J., et al. (2025). A prudent planetary limit for geologic carbon storage. Nature. https://doi.org/p4vg
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
อนาคตของโลกขึ้นอยู่กับ "ทางเลือก" ที่เราตัดสินใจในวันนี้...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการทำหน้าที่เป็น "ผู้ให้ข้อมูล" ที่จะนำเสนองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนอย่างรอบด้าน เพื่อให้คุณมีข้อมูลที่ดีที่สุดในการร่วมกันตัดสินใจและเลือก "ทางเลือก" ที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเรา
ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถทำภารกิจที่สำคัญนี้ต่อไปได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา