18 ก.ย. เวลา 09:30 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 28 ซีเฟิ่งลุแก่อำนาจ

วัดลูกกรงเหล็กนี้สถาปนาโดยหนิงกง 宁公 และหยงกง 荣公 ปัจจุบันยังมีไร่นากัลปนาให้วัดอยู่ เป็นที่พักร่างแห่งสุดท้ายให้คนในตระกูล มีที่พำนักเตรียมพร้อมไว้ทั้งสำหรับคนตายและคนเป็นผู้มาส่งวิญญาณ 阴阳两宅 มิคาดว่าวันเวลาล่วงเลยไป ลูกหลานมีฐานะแตกต่างมั่งมีไม่เสมอกัน พวกที่มีฐานะไม่ดีนักก็พอใจพำนักในวัดนี่ พวกที่มีฐานะพออวดร่ำอวดรวยก็ว่าที่นี่ไม่ค่อยสะดวกจึงเลือกพำนักตามคฤหาสน์หรืออารามนางชีด้านนอก
ผู้ร่วมขบวนส่งศพฉินสื้อก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน พี่เฟิ่งติว่าไม่สะดวกจึงให้คนมาแจ้งแม่ชีจิ้งซวี 静虚 ที่อารามหมานโถว 馒头庵 ให้ตรียมห้องพักให้ อารามหมานโถวนี้คืออารามสุ่ยเยว่ 水月庵 เนื่องจากทางอารามนึ่งหมานโถวอร่อย จึงได้ชื่อเล่นนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดลูกกรงเหล็ก
พอเสร็จพิธีที่วัด รับน้ำชารอบค่ำแล้ว พี่เฟิ่งเห็นว่ามีเหล่าสะใภ้หลายคนอยู่ช่วยรับรองพวกญาติสตรี จึงพาเป่าวี่ ฉินจงแยกกลับมาพักที่อารามหมานโถว แม่ชีจิ้งซวีนำศิษย์จื้อส้าน 智善 จื้อเหนิง 智能 มาต้อนรับ
พวกพี่เฟิ่งเข้าห้องพักล้างมือผัดผ้าแล้ว พี่เฟิ่งเห็นจื้อเหนิงโตขึ้นมาก เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล จึงทักว่า
“พวกท่านศิษย์อาจารย์พักนี้ไม่เห็นไปเยี่ยมพวกเรา”
จิ้งซวีว่า “ไม่กี่วันมานี้ จวนนายท่านหู 胡老爷 ให้กำเนิดท่านชาย ไท่ไท่มอบเงินมาสิบตำลึงให้อาจารย์ไปสวดพระสูตรเซวี่ยเผิน 血盆经 ให้สามวัน จึงไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณนาย”
กล่าวถึงฉินจงกับเป่าวี่นั่งเล่นกันอยู่หน้าตำหนักเห็นจื้อเหนิงเดินผ่านมา
เป่าวี่ยิ้มว่า “จื้อเหนิงมานั่นแล้ว”
ฉินจงว่า “สนใจทำไม”
เป่าวี่ยิ้มว่า “อย่ามาทำไขสือ วันก่อนที่เรือนท่านย่า ตอนไม่มีคน เจ้าแอบกอดนางทำไมเล่า ยังจะมาหลอกข้า”
ฉินจงยิ้มว่า “ไม่มีเรื่องอย่างว่าสักหน่อย”
เป่าวี่ยิ้มว่า “มีหรือไม่มี ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าไปบอกนางเทน้ำชามาให้ข้าสักถ้วยก็แล้วกัน”
ฉินจงยิ้มว่า “นี่ก็แปลก ท่านบอกให้นางเท นางก็ต้องเท ทำไมต้องให้ข้าไปบอก”
เป่าวี่ว่า “ข้าบอกให้นางเท มันไม่มีความหมาย มิสู้ให้เจ้าไปบอก จึงจะมีความหมาย”
ฉินจงจึงจำต้องไปบอกว่า “เหนิงเอ๋อ เทน้ำชามาให้สักถ้วย”
เหนิงเอ๋อ 能儿 วิ่งเล่นอยู่ในจวนหยงมาแต่เล็ก รู้จักทุกคนในจวน ทั้งเคยเล่นหัวกับเป่าวี่ ฉินจงอยู่เสมอ เดี๋ยวนี้โตเป็นสาวแล้วเริ่มรู้จักเสน่หาชายหญิง พึงใจในเสน่ห์ของฉินจง ฉินจงก็รักใคร่ในรูปโฉมของนาง แม้จะไม่เคยคุยกันกระหนุงกระหนิง แต่ก็แอบมีใจให้แก่กัน
จื้อเหนิงไปเทน้ำชามา ฉินจงยิ้มว่า “มาให้ข้า”
เป่าวี่ตะโกนบอกว่า “มาให้ข้า”
จื้อเหนิงเม้มปากหัวเราะว่า “น้ำชาถ้วยเดียวก็จะแย่งกัน หรือมีน้ำผึ้งติดมือข้า”
เป่าวี่ชิงไปได้ ดื่มจนหมดแล้วจะเอ่ยปากถาม ก็พอดีจื้อส้านมาตามจื้อเหนิงไปจัดโต๊ะผลไม้ สักพักก็มาเชิญสองหนุ่มไปรับน้ำชาแกล้มผลไม้ ทั้งสองไปนั่งพอเป็นพิธี แล้วรีบกลับมาเล่นต่อ
ทางด้านพี่เฟิ่งกลับมาพักผ่อนที่ห้องมีแม่ชีเฒ่าตามมาเป็นเพื่อน เหล่าแม่บ้านแม่นมเห็นไม่มีกิจธุระอันใด ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันสิ้น เหลือเพียงสาวใช้ใกล้ชิดไม่กี่นาง แม่ชีเฒ่าเห็นเป็นโอกาสกล่าวกับพี่เฟิ่งว่า
“ข้ามีเรื่องหนึ่งตั้งใจว่าจะเข้าจวนไปขอร้องไท่ไท่ (หวางฮูหยิน) จึงใคร่ขอความเห็นคุณนายก่อน”
พี่เฟิ่งถามว่า “เรื่องอันใด”
แม่ชีเฒ่าว่า “อามิตาภพุทธ เมื่อครั้งที่ข้าออกบวชอยู่ที่อารามส้านไฉ 善才庵 เมืองฉางอาน 长安 มีประสกผู้หนึ่งแซ่จาง 张 เป็นคหบดีใหญ่ มีบุตรสาวชื่อว่า จินเกอ 金哥 มาไหว้พระที่อาราม เผอิญได้พบกับนายน้อยหลี่ 李少爷 น้องภรรยารองของท่านเจ้าเมืองฉางอาน
นายน้อยหลี่ตกหลุมรักแรกพบกับจินเกอ จึงรีบกลับไปส่งคนมาสู่ขอ ทว่าจินเกอนั้นหมั้นหมายไว้แล้วกับคุณชายของอดีตผู้กำกับ 守备 เมืองฉางอาน ทางบ้านจางก็อยากจะถอนหมั้นแต่เกรงว่าทางผู้กำกับจะไม่ยอม จึงตอบไปว่ามีคู่หมั้นแล้ว ทว่าทางนายน้อยหลี่ยืนกรานว่าจะแต่งนางให้ได้ ทางบ้านจางจึงลำบากใจที่จะตอบทั้งสองฝ่าย
ทางบ้านผู้กำกับพอรู้เรื่องก็ไม่ไต่ถามที่มาที่ไปมาโวยวายว่า “สตรีนางเดียวไปเที่ยวยกให้กี่บ้านกัน” ไม่ยอมให้มีการถอนหมั้น นำความไปฟ้องร้องทางการ ทางบ้านฝ่ายหญิงร้อนใจให้คนเข้ากรุงวิ่งเต้น หาทางคืนสินสอดของหมั้นด้วยความขุ่นเคือง
ข้าเห็นว่า ทางจวนท่านสนิทสนมกับนายท่านหยุน 云老爷 ผู้บัญชาการทหารเมืองฉางอาน 长安节度 จึงอยากจะขอร้องไท่ไท่ให้ช่วยพูดกับนายท่านเจิ้ง ช่วยเขียนจดหมายถึงนายท่านหยุนสักฉบับขอให้ท่านช่วยปรามท่านผู้กำกับ คิดว่าเขาคงยอมความ หากทางท่านยอมช่วยเหลือ ทางบ้านจางยินดีตอบแทนทุกอย่างแม้จะต้องทุ่มหมดตัวก็ตาม”
พี่เฟิ่งยิ้มตอบว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่ไท่ไท่ไม่ได้จัดการเรื่องพรรค์นี้แล้ว”
แม่ชีเฒ่าว่า “ไท่ไท่ไม่ได้จัดการ คุณนายคงช่วยจัดแจงได้”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “ข้าก็ไม่ร้อนเงิน และไม่ทำเรื่องพรรค์นี้”
จิ้งซวีได้ฟัง รู้ว่าความพยายามสูญเปล่า อึ้งไปครึ่งวันจึงว่า
“ข้าจะแจ้งทางบ้านจาง ถือว่าข้าได้ขอร้องแทนเขาแล้ว เกรงแต่ทางบ้านจางจะไม่คิดว่าท่านไม่มีเวลาจัดการ ไม่อยากได้เงินเขา กลับคิดว่าทางจวนไม่มีปัญญาจัดการเรื่องแบบนี้”
คำนี้จี้ใจพี่เฟิ่งจึงว่า “ท่านรู้จักข้าดี แต่ไหนแต่ไรไม่เชื่อเรื่องตกนรกหมกไหม้ 阴司地狱报应 ไม่ว่าเรื่องไหน ข้าว่าได้ก็ต้องได้ ท่านไปบอกให้พวกเขาเอาเงินมาสามพันตำลึง ข้าจะช่วยปัดรังควานเรื่องนี้ให้”
แม่ชีเฒ่ายินดียิ่งนัก ละล่ำละลักว่า “ได้ ได้ นี่ไม่ยาก”
พี่เฟิ่งว่า “ข้าไม่ใช่พวกทำบุญหวังผล 扯篷拉纤 เพื่อเงินสามพันตำลึงนี้ แต่เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้พวกเด็กวิ่งเต้น ให้มีรายได้สักหน่อย ข้าไม่ต้องการเองสักเฉียน ให้ข้าควักเงินสามหมื่นตำลึงตอนนี้ข้าก็มี”
แม่ชีเฒ่ารีบตอบว่า “เช่นนี้ คุณนายก็ช่วยสงเคราะห์เสียวันพรุ่งนี้เลย”
พี่เฟิ่งว่า “ท่านก็เห็นว่างานข้ายุ่ง ที่ไหนขาดข้าได้บ้าง ข้ารับปากท่านแล้ว ย่อมต้องช่วยจนสำเร็จ”
แม่ชีเฒ่าว่า “เรื่องนี้ถ้าเป็นคนอื่นคงหัวหมุนจนทำอะไรไม่ถูก แต่สำหรับคุณนายแล้ว ก็เพียงเพิ่มเรื่องกวนใจเล็กน้อย กล่าวกันว่า “คนเก่งจึงงานหนัก 能者多劳” ไท่ไท่เห็นคุณนายมีความสามารถเช่นนี้ คงเพิ่มภาระหน้าที่มาให้อีก คุณนายควรรักษาสุขภาพให้ดี”
พี่เฟิ่งถูกประจบจนลืมเหนื่อย เลยคุยกันเรื่อยเปื่อยจนลืมพัก
ฉินจงเห็นฟ้ามืดปลอดคนจึงย่องมาหาจื้อเหนิง เห็นจื้อเหนิงกำลังล้างถ้วยชามอยู่ที่ห้องด้านหลัง ฉินจงดอดเข้าไปกอดแล้วจูบปาก จื้อเหนิงรีบกระทืบเท้าว่า
“ทำอะไรนี่”
แล้วตั้งท่าจะตะโกน
ฉินจงว่า “ที่รัก ข้าร้อนใจปางตาย หากเจ้ายังไม่ยอม ข้าจะตายตรงนี้แหละ”
จื้อเหนิงว่า “แล้วอย่างไรเล่า เว้นแต่ข้าจะออกจากที่คุมขังนี่ ไปให้พ้นจากคนพวกนี้”
ฉินจงว่า “ไม่ยากหรอก แต่น้ำไกลไม่อาจดับกระหายตรงหน้า”
ฉินจงเป่าตะเกียงดับ ห้องตกอยู่ในความมืดมิด อุ้มจื้อเหนิงขึ้นบนเตียงผิง จื้อเหนิงไม่กล้าร้องตะโกนพยายามดิ้นแต่ไม่หลุด ผ้ากลับหลุดแทน เรือกำลังแล่นท่องอ่าว พลันมีคนย่องมาด้านหลังกดหลังไว้ไม่ให้สุ้มให้เสียง ทั้งคู่ตกใจจนขวัญหนี มีเสียง “เชอะ” แล้วก็หัวเราะ ที่แท้คือเป่าวี่
ฉินจงรีบลุกขึ้นบ่นงึมงำไม่พอใจ “นี่อะไรกัน”
เป่าวี่ว่า “เจ้าไม่ยอม ก็ร้องสิ”
จื้อเหนิงอับอายรีบหนีหายไปในความมืด
เป่าวี่ลากตัวฉินจงออกมาว่า “เจ้ายังจะปากแข็งอีกหรือไม่”
ฉินจงยิ้มว่า “พี่ชายแสนดี ท่านอย่าเอะอะไป จะเอาอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ตอนนี้ไว้ก่อน ไว้ตอนเข้านอน ค่อยคิดบัญชีกับเจ้า”
ถึงเวลาเข้านอน พี่เฟิ่งอยู่ห้องใน เป่าวี่ฉินจงอยู่ห้องนอก พวกแม่บ้านปูที่นอนกันบนพื้น พี่เฟิ่งกลัวหยกศักดิ์สิทธิ์จะสูญหาย รอเป่าวี่หลับ ก็ให้คนไปปลดมาซุกเก็บไว้ใต้หมอน ส่วนเป่าวี่กับฉินจงคิดบัญชีกันอย่างไร นี่น่าฉงนมิอาจหยั่งรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยินส่งคนมาดูความเป็นอยู่ของเป่าวี่ กำชับให้ใส่เสื้อหลายชั้นให้อบอุ่น หากไม่มีอะไรก็ให้รีบกลับ เป่าวี่มีหรือจะยอม อีกทั้งฉินจงยังหลงอาลัยจื้อเหนิง รบเร้าเป่าวี่ให้ขอพี่เฟิ่งอยู่ต่ออีกวัน
พี่เฟิ่งตรองดูแล้วว่า แม้งานศพจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังมีธุระอีกเล็กน้อยต้องทำจำต้องอยู่ต่ออีกวัน
หนึ่งคือแสดงน้ำใจให้เจี่ยเจินได้เห็นว่าช่วยงานเต็มที่
สองจัดแจงเรื่องที่รับปากจิ้งซวีไว้
สามตามใจเป่าวี่
จึงบอกกับเป่าวี่ว่า “งานของข้านั้นเสร็จแล้ว เจ้าอยากจะอยู่เที่ยวต่อ อย่าทำให้ข้าต้องลำบาก พรุ่งนี้ต้องกลับกัน”
เป่าวี่ร้อยขอพันขอพี่เฟิ่งว่า “อีกแค่วันเดียว พรุ่งนี้กลับแน่”
จึงตกลงพักกันต่ออีกคืน
วันนั้นพี่เฟิ่งลอบนำเรื่องของแม่ชีเฒ่าเมื่อวานบอกแก่ไหลว่าง 来旺 ว่างเอ๋อเข้าใจสถานการณ์รีบออกจากเมืองไปหาเสมียนของนายท่าน ทำทีว่าเจี่ยเหลียน 贾琏 สั่งมาให้ทำหนังสือฉบับหนึ่ง แล้วรีบออกเดินทางไปฉางอานในเย็นวันนั้น ซึ่งมีระยะทางไม่เกินหนึ่งร้อยลี้ไปกลับสองวัน
ผู้บัญชาการทหารเมืองฉางอานมีชื่อว่า หยุนกวง 云光 มีเรื่องติดค้างบุญคุณจวนเจี่ยอยู่ไม่น้อย เรื่องเพียงนี้จึงเป็นเรื่องเล็ก ทำจดหมายตอบให้ว่างเอ๋อถือกลับมา
วันรุ่งขึ้น พี่เฟิ่งบอกลาแม่ชีเฒ่า นัดให้ไปหาเพื่อฟังคำตอบในอีกสามวันให้หลัง ฉินจงจื้อเหนิงนัดแนะกันหลายอย่างในทางลับ แต่ต้องจำพรากอย่างเสียไม่ได้ พี่เฟิ่งแวะสำรวจดูที่วัดลูกกรงเหล็กอีกรอบ เป่าจูยืนกรานว่าจะไม่กลับบ้าน เจี่ยเจินจึงต้องสั่งให้มีพวกแม่บ้านอยู่เป็นเพื่อน
(จบบทที่สิบห้า)
ฉินจง เป่าวี่กลับจากวัดลูกกรงเหล็กมาถึงก็ไปคารวะพวกแม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยินแล้วกลับเข้าห้อง
วันรุ่งขึ้น เป่าวี่เก็บห้องหนังสือ นัดแนะฉินจงไว้ว่าจะอ่านตำราในเวลาเย็น ฉินจงร่างกายอ่อนแอ เจออากาศเย็นภายนอก อีกทั้งลักลอบพบกับจื้อเหนิงหลายหน กลับมาจึงไอเป็นหวัด กินอาหารไม่ลง ต้องพักอยู่ในห้อง ไม่อาจมาอ่านตำราได้ เป่าวี่จึงต้องเหงา รอฉินจงหายป่วย ไม่รู้จะทำอะไร
พี่เฟิ่งได้รับหนังสือตอบจากหยุนกวง 云光 ว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงแจ้งแก่แม่ชีเฒ่าว่า ทางผู้กำกับจำต้องรับสินสอดทองหมั้นคืนจากบ้านจาง 张 ไม่มีทางบ่ายเบี่ยง
ทว่าหารู้ไม่ บิดามารดาละโมบกลับมีลูกสาวมากรัก พอรู้เรื่องถอนหมั้น เพื่อให้ไปแต่งกับบ้านหลี่ 李 นางก็ผูกคอตาย ทางด้านบุตรชายผู้กำกับพอรู้ว่าจินเกอ 金哥 ผูกคอตาย ก็ไปกระโดดน้ำตายตาม
แสนสงสารทั้งบ้านจาง และบ้านหลี่ เสียทั้งคนเสียทั้งทรัพย์ 人财两空 มีแต่พี่เฟิ่งรับเหนาะๆ สามพันตำลึง หวางฮูหยินไม่รู้เรื่องนี้ พี่เฟิ่งย่ามใจ วันหลังยังก่อกรรมใหญ่เช่นนี้ได้อีก
ตอนก่อนหน้า : ขบวนส่งศพฉินสื้อ
ตอนถัดไป : เจ้าจอมองค์ใหม่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา