Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
22 ก.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ
ทำไมคนนอนดึกถึงติดมือถือและเหงามากกว่าคนอื่น
เราต่างก็มีนาฬิกาชีวภาพที่แตกต่างกัน บางคนเป็นมนุษย์ไก่ที่ตื่นตัวและสดใสที่สุดในยามเช้า แต่บางคนกลับเป็นมนุษย์นกฮูกที่ความคิดสร้างสรรค์และพลังงานจะพรั่งพรูออกมาในยามที่โลกส่วนใหญ่หลับใหล
แต่เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมกลุ่มคนที่เป็นมนุษย์นกฮูกหรือคนที่ชอบนอนดึกตื่นสาย จึงดูเหมือนจะมีความผูกพันกับสมาร์ทโฟนและโลกโซเชียลมีเดียอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ จนบางครั้งอาจเข้าข่าย "เสพติด" ได้ง่ายกว่าคนกลุ่มอื่น นี่เป็นเพียงแค่อุปนิสัยส่วนตัว หรือว่ามีกลไกทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลังกันแน่ เรามาหาคำตอบนี้ไปด้วยกันครับ
ผมมีเรื่องราวจากการศึกษาชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์อย่าง PLOS One ที่จะมาไขปริศนานี้ให้กระจ่างขึ้นครับ
นักวิจัยได้ดำดิ่งลงไปสำรวจสภาพจิตใจของกลุ่มคนหนุ่มสาวกว่า 400 คน เพื่อค้นหา ตัวแปรที่ซ่อนอยู่ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างการเป็นคนนอนดึกเข้ากับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีที่เกินพอดี และสิ่งที่พวกเขาค้นพบนั้นก็เป็นเหมือนเสียงสะท้อนที่ดังและชัดเจนถึงปัญหาสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่
มันชี้ให้เห็นว่าการที่เราเห็นใครสักคนก้มหน้าไถจอมือถืออย่างไม่ลดละในยามค่ำคืนนั้น อาจไม่ใช่แค่พฤติกรรมการเสพติดเทคโนโลยีธรรมดาๆ แต่มันอาจเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ส่งออกมาจากความรู้สึกอันเปราะบางที่อยู่ลึกๆ ภายใน นั่นคือ ความเหงาและความวิตกกังวล
1
เพื่อที่จะเข้าใจการค้นพบครั้งนี้ เราต้องเข้าใจโลกของมนุษย์นกฮูกกันเสียก่อนครับ นาฬิกาชีวภาพภายในร่างกายของพวกเขานั้นเดินช้ากว่าคนส่วนใหญ่ การหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยให้ง่วงนอนจะเกิดขึ้นช้ากว่า ทำให้พวกเขายังคงรู้สึกตื่นตัวและมีพลังงานล้นเหลือในขณะที่คนอื่นเริ่มเข้านอนกันแล้ว
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่โรงเรียนและที่ทำงานส่วนใหญ่เริ่มต้นกิจกรรมในตอนเช้า พวกเขาจึงต้องฝืนธรรมชาติของตัวเองอยู่เสมอ การใช้ชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับนาฬิกาภายในนี้เองที่สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Social Jetlag" ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต มันทำให้คุณภาพการนอนหลับย่ำแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล
และที่สำคัญที่สุดคือ มันนำไปสู่ความรู้สึกเหงาที่รุนแรงกว่าปกติ เพราะช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกอยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากที่สุด กลับเป็นช่วงเวลาที่โลกภายนอกเงียบสงัดและไร้ผู้คน การขาดเพื่อนคุยหรือกิจกรรมทางสังคมในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของตัวเองนี้เอง ที่ทำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างสามารถคืบคลานเข้ามาครอบงำจิตใจได้โดยง่าย
และนี่คือจุดที่สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้ช่วยชีวิต ยามค่ำคืนครับ งานวิจัยนี้ได้ค้นพบกลไกที่ชัดเจนว่า เมื่อความเหงาและความวิตกกังวลถาโถมเข้ามา สมองจะเริ่มมองหาทางออกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดเพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดนั้น และโลกดิจิทัลที่อยู่ในมือก็คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับการเสพติดโซเชียลมีเดียนั้น
1
งานวิจัยพบว่าความเหงาและความวิตกกังวลทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่สมบูรณ์หมายความว่า คนนอนดึกไม่ได้ติดโซเชียลมีเดียโดยตรง แต่พวกเขาหันไปใช้มัน เพราะความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่สบายใจ พวกเขาโหยหาการเชื่อมต่อ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม หรือใช้มันเป็นเครื่องมือในการจัดการกับความกังวลของตัวเอง ในขณะที่การเสพติดสมาร์ทโฟนโดยรวมนั้น มีความเหงาเป็นตัวกลางที่สำคัญที่สุด พวกเขาใช้มันเพื่อหลีกหนีจากความเงียบ เพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อ หรือเพื่อเติมเต็มความต้องการทางสังคมที่ขาดหายไป
แต่น่าเศร้าที่วิธีการเยียวยาตัวเองเช่นนี้กลับกลายเป็นกับดักที่สร้างวงจรอุบาทว์ขึ้นมาอย่างช้าๆ แม้ว่าในระยะสั้น การได้เห็นเรื่องราวของผู้คนบนโลกออนไลน์หรือการได้พูดคุยกับใครสักคนจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง
แต่ในระยะยาว มันกลับยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้นไปอีก การได้เห็นแต่ภาพไฮไลท์ ชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบของคนอื่น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างว่างเปล่าและน่าผิดหวัง การเปรียบเทียบทางสังคมนี้เองที่ยิ่งโหมกระพือความวิตกกังวลและความรู้สึกโดดเดี่ยวให้รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้แสงสีฟ้าจากหน้าจอยังเข้าไปรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้นาฬิกาชีวิตยิ่งรวนหนักกว่าเดิมและนอนหลับได้ยากขึ้นไปอีก เมื่อสมองเรียนรู้ว่าการไถหน้าจอสามารถช่วยลดความรู้สึกแย่ๆ ได้ชั่วคราว มันก็จะเริ่มเรียกร้องหาสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นพฤติกรรมเสพติดที่ควบคุมได้ยาก
การค้นพบกลไกอันซับซ้อนนี้มีความหมายอย่างยิ่งยวดครับ มันบอกเราว่าการจะช่วยเหลือคนหนุ่มสาวที่กำลังเผชิญกับปัญหาการติดมือถือและโซเชียลมีเดียนั้น เราไม่สามารถแก้ที่ปลายเหตุด้วยการบอกให้พวกเขาแค่เลิกเล่นได้
แต่เราจำเป็นต้องมองให้ลึกลงไปถึงต้นตอของปัญหา ซึ่งก็คือสภาวะทางอารมณ์ที่เปราะบางของพวกเขา เราต้องเปลี่ยนคำถามจาก "ทำไมถึงติดมือถือ" ไปเป็น "อะไรคือความเจ็บปวดที่ทำให้เขาต้องพึ่งพามือถือเพื่อเยียวยาตัวเอง" การสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย การส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อกันในโลกแห่งความเป็นจริง และการให้ความรู้ในการจัดการกับความเหงาและความวิตกกังวลอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
แหล่งอ้างอิง:
Wallinheimo, A-S., & Evans, S. L. (2025). Mechanisms that link circadian preference to problematic smartphone and social media use in young adults. PLOS One, 20(9), e0331961.
https://doi.org/10.1371/journal.pone.0331961
1
การแพทย์
ข่าวรอบโลก
สุขภาพ
64 บันทึก
63
71
64
63
71
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย