26 ก.ย. เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
เวียดนาม

เวียดนาม ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นประเทศเล็กที่ล้มยักษ์

ในช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปีค.ศ.1939~1945(พ.ศ.2482~2488) ประเทศเวียดนามยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศสและญี่ปุ่น การต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวเวียดนามเริ่มต้นขึ้นโดยกลุ่มนักต่อต้านที่เรียกว่า “เวียดมินห์ ”(Việt Minh) มีผู้นำคือ โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh) และนักการทหารผู้กล้าหาญ หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp) พวกเขาจัดตั้งเครือข่ายองค์กรลับ เพื่อฝึกกำลังพล และเผยแพร่แนวคิดชาตินิยมคอมมิวนิสต์
1
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี ค.ศ.1945(พ.ศ.2488) ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในสงคราม ทำให้โฮจิมินห์ ก็ได้ประกาศอิสรภาพของเวียดนาม(Independence of Vietnam)ในวันเดียวกันนั้น ที่เมืองฮานอย (Hanoi) แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ และเริ่มต้นทำสงครามอินโดจีน ครั้งที่หนึ่ง (First Indochina War)
1
กำลังพลเวียดมินห์ปักธงชัยของพวกตนเหนือที่มั่นของฝรั่งเศสที่ถูกยึด ในยุทธการเดียนเบียนฟู
ซึ่งสงครามอินโดจีนครั้งแรก กินเวลานานถึง 8 ปี ฝรั่งเศสพยายามฟื้นฟูอาณานิคมแห่งนี้ โดยทุ่มเทกำลังทหารและอาวุธอย่างหนัก มีนายพลโมริส ชีวง (Maurice Challe) เป็นผู้บัญชาการ ในขณะที่เวียดมินห์มี หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp) เป็นหัวหน้าวางแผนการรบ แบบกองโจร จนสุดท้ายฝรั่งเศสต้องพ่ายแพ้เมื่อปี ค. ศ.1954(พ.ศ.2497) ใน “ยุทธการเดียนเบียนฟู”(Dien Bien Phu) อันลือลั่น นับเป็นการรบครั้งสำคัญที่สุด
และผลแห่งสงครามนี้ ทำให้เวียดนามได้รับเอกราช แต่เวียดนามถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือ เวียดนามเหนือ (North Vietnam) มี โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh)เป็นผู้นำ กับ เวียดนามใต้ (South Vietnam) มี โง ดิน เดียม (Ngô Đình Diệm) เป็นประธานาธิบดี
โดยเวียดนามใต้ได้รับการสนับสนุนทางทหารแบบจำกัดจากสหรัฐอเมริกา (USA)โดยมี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีในขณะนั้น และต่อมาสมัยประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) ได้ขยายการสนับสนุนทางทหารอย่างเต็มที่
หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp)
สงครามอินโดจีน ครั้งที่สอง หรือเรียกกันว่า “สงครามเวียดนาม”(Vietnam War) มีลักษณะเป็นสงครามกองโจร “เวียดกง”(Viet Cong) ซึ่งก็คือ คอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือต่อสู้กับเวียดนามใต้ และสหรัฐอเมริการ่วมหนุนหลังอยู่ โดยมี หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp) เป็นผู้วางแผนการรบ จึงช่วยให้เวียดนามเหนือมีแผนยุทธศาสตร์ชั้นยอด
การสู้รบเป็นไปอย่างเข้มข้น ดุเดือด และในช่วงปี ค.ศ.1965~1968(พ.ศ.2508~2511) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ประกาศใช้นโยบาย “Vietnamization“ ลดการมีส่วนร่วมของสหรัฐเพื่อให้สถานะการณ์ดีขึ้น แต่การสู้รบก็ไม่หยุด จนกระทั่งในปี ค.ศ.1973(พ.ศ.2516) สนธิสัญญาสันติภาพปารีส (Paris Peace Accords) มีผลบังคับทำให้สหรัฐอเมริกาต้องถอนกำลังทหารออกไป
และสุดท้ายในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1975(พ.ศ.2518) เมืองไซงอน (Saigon) ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของเวียดนามเหนือ นำโดย โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh) ทำให้เวียดนามได้รวมประเทศเป็นหนึ่งในชื่อว่า “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม”(Socialist Republic of Vietnam) โดยมี เล ดุ๊ค ตี้ (Lê Duẩn) เป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เหงียน ซุย จิ่ง ลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส (Paris Peace Accords) เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1973
หลังสงครามจบไปแล้ว เวียดนามกลับต้องเผชิญกับความยากจน เศรษฐกิจตกต่ำอันเนื่องจากประเทศถูกปิดตายเพราะสงคราม ไม่มีการค้าขายกับโลกตะวันตกนานหลายปี
แต่ในปี ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เวียดนามใช้นโยบาย “โด่ยเหมย”(Đổi Mới) คือ การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ปรับเน้นการผลิต การค้าเสรี จึงทำให้เวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษต่อมา
บุคคลสำคัญในยุคหลังสงคราม:
  • เล สวน (Lê Duẩn) ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ผู้สนับสนุนเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
  • ฟาม วัน ดง (Phạm Văn Đồng) นายกรัฐมนตรีเวียดนามยุคแรก หลังจากรวมประเทศแล้ว
  • เหงียน วัน ลิงห์ (Ngô Văn Linh) ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปฏิรูปเศรษฐกิจ
ปัจจุบันเวียดนาม(Vietnam) มีประชากรประมาณ 100 ล้านคน และเศรษฐกิจเติบโตเป็นอันดับที่ 35 ของโลก ได้สะท้อนให้เห็นถึงความอดทนและการต่อสู้เพื่อเอกราชของประชาชนชาวเวียดนามตลอดศตวรรษที่ผ่านมา…
เล สวน (Lê Duẩn) , ฟาม วัน ดง (Phạm Văn Đồng), เหงียน วัน ลิงห์ (Ngô Văn Linh) ตามลำดับ
ในเบื้องต้นเรามาพรีวิวสงครามเวียดนาม หรือที่หลายคนเรียกว่า “สงครามอินโดจีน”(Indochina War) ซึ่งมีหลายครั้งหลายหน และมีความเป็นมาที่ซับซ้อนเกี่ยวพันกับมหาอำนาจหลายชาติ ไม่เพียงแค่ สหรัฐอเมริกา หรือฝรั่งเศสเท่านั้น หากแต่ยังเชื่อมโยงไปถึงญี่ปุ่นและจีน อีกด้วย
ฝรั่งเศส (France) เป็นเจ้าของอาณานิคมดั้งเดิม ขณะที่ญี่ปุ่น (Japan) ก็ขยายอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้ง จีนในยุคเปลี่ยนผ่านจาก จีนคณะชาติ(Republic of China) ไปสู่ จีนคอมมิวนิสต์ หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) และสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ส่งผลต่อเวียดนาม ซึ่งมีความซับซ้อนทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะสัณฐานยาว มีชายฝั่งติดทะเลยาวถึง 3,260 กิโลเมตร และมีความขัดแย้งทางศาสนา โดยเฉพาะ พุทธศาสนา (Buddhism)
1
ในแง่บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีหลายคนที่มีบทบาทสำคัญโดดเด่น มากเกินกว่าจะเอ่ยเพียงแค่ชื่อ เช่น
จักรพรรดิเม่าดอย (Emperor Bảo Đại ) , โง ดิน เดียม (Ngô Đình Diệm), โรเบิร์ต แม็คนามารา (Robert McNamara) ตามลำดับ
  • จักรพรรดิเม่าดอย (Emperor Bảo Đại ) ทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์เหวียนที่ครองราชย์ถึงสองครั้ง และถูกปลดออกทั้งสองครั้ง
  • โง ดิน เดียม (Ngô Đình Diệm) ผู้นำเวียดนามใต้ ผู้สร้างรัฐเวียดนามใต้ขึ้นเป็น “รัฐแค่ทริค” และนำไปสู่วิกฤติพุทธศาสนา รวมถึงเหตุการณ์พระภิกษุเผาตัวเองประท้วงจนมรณภาพ
  • โรเบิร์ต แม็คนามารา (Robert McNamara) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา ผู้มีแบ็คกราวด์ เป็นซีอีโอของ Ford Motor Company ก่อนจะมารับตำแหน่งสำคัญในสงครามเวียดนาม
  • โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh) ผู้นำเวียดนาม เป็นผู้ปลดแอกจากอำนาจของต่างชาติ
  • หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp) ผู้บัญชาการกองทัพหลักของเวียดนามเหนือ
2
และประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่เกี่ยวข้องกับสงครามเวียดนามได้แก่:
  • จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) คนที่ 35
  • ลินดอน บี. จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) คนที่ 36
  • ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) คนที่ 37
  • เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Ford / Gerald Ford) คนที่ 38
1
รวมถึง เฮนรี คิสซินเจอร์ (Henry Kissinger) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อโลก
ขอย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 ประวัติศาสตร์ไทยจะตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (King Nangklao Rama III) เป็นช่วงเริ่มต้นราชวงศ์เหวียน (Nguyen Dynasty) ของเวียดนาม มีราชธานีอยู่ที่เมืองเว้ (Hue) ในตอนนั้นเวียดนามยังไม่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และกำลังมีข้อพิพาทกับไทยในพื้นที่กัมพูชา
ในปี ค.ศ.1802(พ.ศ.2345) ราชวงศ์เหวียนสถาปนาตัวเอง และปกครองเวียดนาม 13 พระองค์ จนถึงจักรพรรดิองค์สุดท้าย คือ จักรพรรดิเม่าดอย (Emperor Bảo Đại)
หลังจากจบสงครามในยุโรปแล้ว ฝรั่งเศสก็เริ่มกลับมาขยายอำนาจแสวงหาอาณานิคม จึงส่งกองทัพเรือเข้ามายังดินแดนแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป้าหมายแรกคือ “เวียดนามตอนใต้”… ในการขยายอิทธิพลนี้ไม่เพียงสร้างจักรวรรดิฝรั่งเศสให้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจและการแทรกซึมของชาติตะวันตกในเวียดนามด้วย ทั้งในด้านการศึกษา ศาสนา และการเมือง ซึ่งต่อไปจะเป็นเบื้องหลังสำคัญของสงครามเวียดนามในศตวรรษที่ 20
1
บาทหลวง ฟรานซิส โกเดปิญญา (Francis de Pigneau)
พอดีกับช่วงเวลานั้นได้มีสำนักสงฆ์เยซูอิด (Jesuit Monks) เดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในเวียดนาม และบาทหลวง ฟรานซิส โกเดปิญญา (Francis de Pigneau) เริ่มต้นใช้ตัวอักษรละตินในการเขียนภาษาเวียดนาม ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ภาษาเวียดนามในยุคปัจจุบันใช้ตัวอักษรโรมัน
ซึ่งตัวอักษรโรมันของเวียดนามหรือที่เรียกว่า ”จื๋อโกว๊กหงือ“ (Chữ Quốc Ngữ / Vietnamese Romanized script) ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมโดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสนามว่า “อเล็กซองเดอร์ เดอะโฮสต์”(Alexandre de Rhodes) เขาได้ปรับปรุงการใช้ตัวอักษรโรมันให้สอดคล้องกับโทนเสียงและภาษาเวียดนาม
โดยก่อนหน้านั้น เวียดนามใช้ตัวอักษรจีนที่เรียกว่า “จื๋อหาน”(Chữ Hán / Classical Chinese characters) นอกจากนี้ยังมีตัวอักษร “จื๋อโนมี”(Chữ Nôm / Vietnamese demotic script) ซึ่งคิดค้นโดยชาวเวียดนามเอง แต่อักษรทั้งสองอย่างนี้ ยากต่อการเรียนรู้ของประชาชนทั่วไป ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร “จื๋อโกว๊กหงือ”( Chữ Quốc Ngữ ) แทน จึงทำให้คนเวียดนามอ่านออกเขียนได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้ชาวตะวันตกเข้าใจชาวเวียดนามได้ดียิ่งขึ้นด้วย
อักษรจีน  จื๋อหาน จื๋อโนมี
และในปี ค.ศ.1858(พ.ศ.2401) กองทัพเรือฝรั่งเศสภายใต้คำสั่งของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 (Napoléon III) เริ่มรุกรานเวียดนามในรัชสมัยของ “จักรพรรดิ ตึ ดึ๊ก“( Emporer Tự Đức) แห่งราชวงศ์เหงียนพระองค์ที่ 4 และทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์สุดท้ายในฐานะรัฐเอกราช
โดยกองทัพฝรั่งเศสเริ่มต้นบุกจากภาคกลางของประเทศก่อน แต่ก็ยังไม่สามารถฝ่าผ่านแนวป้องกันได้ จึงต้องเปลี่ยนแผนยกทัพลงไปทางตอนใต้แทน และก็สามารถยึด “เมืองไซงอน”(Saigon / Sài Gòn)ได้สำเร็จในปี ค.ศ.1862(พ.ศ.2405) จึงนับเป็นก้าวแรกของอาณานิคมฝรั่งเศสในดินแดนเวียดนามใต้ เรียกว่า “โคชินจีน”(Cochinchina / Nam Kỳ)
ต่อมาในปี ค.ศ.1871(พ.ศ.2414) ถึงแม้ว่าฝรั่งเศสจะพ่ายแพ้ต่อเยอรมันนีในสงครามยุโรป และจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ทรงสละราชบัลลังก์แล้ว แต่ฝรั่งเศสก็ยังคงเดินหน้ารุกรานเวียดนามต่อไปไม่เลิกรา จนกระทั่งสามารถครอบครองพื้นที่ชายฝั่งทะเลไว้ได้ทั้งหมด และเข้าปกครองแผ่นดินเวียดนามอย่างสมบูรณ์ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ของสยามประเทศบ้านเรา
ฝรั่งเศสได้แบ่งเวียดนามออกเป็น 3 ภูมิภาค ดังนี้
  • ตังเกี๋ย (Bắc Kỳ / Bắc Bộ) อยู่ตอนเหนือ มีเมืองสำคัญคือ เมืองฮานอย (Hanoi / Hà Nội)
  • อันนัม รัฐในอารักขาฝรั่งเศส(Trung Kỳ / Trung Bộ) อยู่ตอนกลาง มีเมืองสำคัญคือ Hue (Huế / Huế)
  • โคชินไชน่า (Nam Kỳ / Nam Bộ) อยู่ตอนใต้ มีเมืองสำคัญคือไซงอน (Saigon / Sài Gòn)
แผนที่เวียดนาม
ฝรั่งเศสยังได้สร้างระบบการศึกษาแบบชาติตะวันตก และเผยแพร่ศาสนาคริสต์ แต่ก็ยังคงใช้ระบบจักรวรรดินิยมมากดขี่ ข่มเหงประชาชนเวียดนาม รวมถึงละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น ถ้าเกิดมีข้อพิพาททางกฎหมาย จะต้องขึ้นศาลโดยใช้กฎหมายฝรั่งเศสเท่านั้น และสามารถลงโทษประชาชนเวียดนามได้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
ในยุคนี้ มีบุคคลสำคัญด้านการศึกษาและชาตินิยมของเวียดนามเกิดขึ้น เช่น โง ดิ่ญ ญู (Nguyễn Đình Khải) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมตะวันตก ฌาส์ลูว์-โลบา (Lycée Chasseloup-Laubat) ซึ่งเป็นสถานศึกษาของบุคคลสำคัญหลายคนในเวลาต่อมา อันได้แก่
1
  • โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh)เดิมชื่อ เหวียน ซิง กุ้ง(Nguyễn Sinh Cung)
  • หวอ เหวียน ซับ (Võ Nguyên Giáp)
  • ฟาม วัน ดง (Phạm Văn Đồng)
  • โง ดิน เดียม (Ngô Đình Diệm)
และสถานศึกษาแห่งนี้เอง ได้กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาแบบตะวันตก และแนวคิดชาตินิยม ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการหล่อหลอมรวม และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ของเวียดนามมีบทบาทต่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราช ปลดแอกเวียดนามออกจากฝรั่งเศสในวันข้างหน้า อาทิเช่น
โรงเรียนมัธยมตะวันตก ฌาส์ลูว์-โลบา (Lycée Chasseloup-Laubat) และภาพบรรยากาศช่วงเวลานั้น
โฮจิมินห์ (Hồ Chí Minh) เกิดปี ค.ศ.1890(พ.ศ.2433) บิดาเป็นนักปราชญ์และรับราชการในราชสำนักเว้ (Hue / Huế) เด็กชายเหวียน ซิง กุ้งเติบโตขึ้นมาในสภาพอาณานิคมฝรั่งเศส จนเมื่ออายุ 20 ปี ได้เดินทางออกนอกประเทศ ไปฝรั่งเศส สหรัฐ อังกฤษ และจีน เพื่อศึกษาและได้รับอิทธิพลลัทธิคอมมิวนิสต์ ก่อนจะกลับมาจัดตั้งขบวนการกู้ชาติ ”เวียดมินห์“ (Việt Minh)ในปี ค.ศ.1941(พ.ศ.2484) เพื่อเรียกร้องเอกราชปลดแอกเวียดนามออกจากฝรั่งเศส
ช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังรบพันตูกันในยุโรปอยู่นั้น ญี่ปุ่นก็ฉวยโอกาสรุกรานเข้าครอบครองเหล่าดินแดนอาณานิคมชาติตะวันตก รวมทั้งเวียดนามด้วย ขณะนั้นฝรั่งเศส ภายใต้รัฐบาลหุ่นเชิด “ฟิลิปเป ตแตง” (Philippe Pétain) ที่อ่อนแอก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของญี่ปุ่นได้ นั่นจึงทำให้ขบวนการกู้ชาติ “เวียดมินห์” ใช้โอกาสนี้เอง ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราช และขับไล่ต่างชาติเจ้าอาณานิคมเดิมคือ “ฝรั่งเศส” และผู้รุกรานใหม่คือ “ญี่ปุ่น” ให้ออกไปจากแผ่นดินเวียดนามในคราวเดียวกัน…
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นประเทศเล็กที่ล้มยักษ์
โฆษณา