Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
27 ก.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🐒 ทฤษฎีลิงขี้เมา! งานวิจัยชี้ ชิมแปนซีในป่าบริโภคแอลกอฮอล์เทียบเท่าไวน์วันละ 2 แก้ว
ทำไมมนุษย์เราถึงชอบดื่มแอลกอฮอล์? คำถามนี้เป็นปริศนาที่ถกเถียงกันมานาน แต่คำตอบอาจซ่อนอยู่ในพฤติกรรมของญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของเราในทางวิวัฒนาการ นั่นก็คือ ชิมแปนซี ครับ
มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจเรียกว่า “สมมติฐานลิงขี้เมา” (drunken monkey hypothesis) ซึ่งเสนอว่าความชื่นชอบในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของมนุษย์อาจมีรากฐานมาจากการที่บรรพบุรุษไพรเมตของเรากินผลไม้สุกที่เริ่มเกิดการหมักตามธรรมชาติ และล่าสุด งานวิจัยชิ้นหนึ่งก็ได้ออกมาตอกย้ำทฤษฎีนี้ด้วยข้อมูลที่น่าทึ่งว่า ชิมแปนซีในป่าอาจได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
🍌 ปฏิบัติการวัดดีกรีในป่าลึก
เราทราบกันดีว่าไพรเมตหลายชนิดรวมถึงชิมแปนซีกินผลไม้สุกเป็นอาหารหลัก ซึ่งอาจมีแอลกอฮอล์ปะปนอยู่ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าพวกมันบริโภคเข้าไปในปริมาณเท่าไหร่กันแน่
อเล็กเซย์ มาโร (Aleksey Maro) และทีมงานจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จึงได้ลงพื้นที่ศึกษาประชากรชิมแปนซีป่า 2 แห่ง คือที่อุทยานแห่งชาติคิบาเลในยูกันดา และโครงการวิจัยชิมแปนซีไทในไอวอรีโคสต์
พวกเขาใช้กล้องดักถ่ายเพื่อยืนยันว่าชิมแปนซีกินผลไม้อะไรบ้าง จากนั้นก็จะเก็บเฉพาะผลไม้ชนิดที่พวกมันกินจริงๆ เท่านั้น เช่น ผลมะเดื่อสุก, ลูกพลัมกินี และผลไม้จากต้นขมฝาด มาวัดปริมาณแอลกอฮอล์
ผลการวิเคราะห์พบว่าผลไม้เหล่านี้มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ประมาณ 0.3 ถึง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดูเหมือนจะน้อยมากๆ ใช่ไหมครับ?
🍷 ตัวเลขที่น่าเซอร์ไพรส์
แต่มาโรชี้ว่า ชิมแปนซีในป่ากินเนื้อผลไม้มากถึง 10% ของน้ำหนักตัวต่อวัน ดังนั้นปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดูเหมือนน้อยนิดจึงสะสมจนมีความหมาย เมื่อทีมวิจัยคำนวณออกมาแล้ว พวกเขาพบว่าชิมแปนซีบริโภคเอทานอลบริสุทธิ์ประมาณ 14 กรัมต่อวัน
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ไวน์หนึ่งแก้ว (125 มิลลิลิตร) ที่มีความแรง 12.5% จะมีแอลกอฮอล์อยู่ประมาณ 12 กรัม
“เรายังต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าชิมแปนซีมีน้ำหนักเฉลี่ย 40 กิโลกรัม เทียบกับมนุษย์ที่ 70 กิโลกรัม” มาโรกล่าว “เมื่อปรับค่าน้ำหนักนี้แล้ว เราอาจพูดได้ว่าชิมแปนซีกำลังบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เทียบเท่ากับไวน์ 2 แก้วต่อวัน สำหรับมนุษย์อย่างเรา”
มิเกล ยอเรนเต (Miguel Llorente) จากมหาวิทยาลัยคิโรนาในสเปนกล่าวว่า “งานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับแนวคิดที่ว่าการสัมผัสแอลกอฮอล์มีรากเหง้าทางวิวัฒนาการที่ลึกซึ้งในอาหารของไพรเมต และอาจมีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของมนุษย์”
⚠️ ข้อควรระวัง: เมื่อลิงไม่ได้ตั้งใจ “เมา”
อย่างไรก็ตาม ยอเรนเตได้ให้ข้อควรระวังที่สำคัญอย่างยิ่งในการนำผลวิจัยนี้มาเปรียบเทียบกับมนุษย์
“แตกต่างจากในมนุษย์ การบริโภคเอทานอลในลิงนั้นเป็นไปโดยบังเอิญ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ” เขากล่าว “ซึ่งทำให้การก้าวกระโดดจากการสัมผัสโดยธรรมชาติไปสู่ความท้าทายเรื่องการเสพติดในเผ่าพันธุ์ของเรานั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลกันมาก”
พูดง่ายๆ ก็คือ ชิมแปนซีกินผลไม้สุกเพราะมันให้พลังงานสูงและหาง่าย แอลกอฮอล์เป็นแค่ “ของแถม” ที่ติดมาด้วย แต่สำหรับมนุษย์ การดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นพฤติกรรมที่เกิดจาก “ความตั้งใจ” ซึ่งนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อนกว่ามาก
🏡 มองพฤติกรรมลิง ย้อนดูวัฒนธรรมคนไทย
เรื่องนี้อาจทำให้เราต้องย้อนกลับมามองวัฒนธรรมการดื่มในสังคมไทยผ่านเลนส์ของวิวัฒนาการดูนะครับ ความชอบในรสชาติหรือความรู้สึก “กรึ่มๆ” ที่ได้จากแอลกอฮอล์อาจเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษไพรเมตของเราจริงๆ ก็ได้ การเข้าใจสิ่งนี้ไม่ได้เป็นข้ออ้างสำหรับพฤติกรรมการดื่มที่ไม่เหมาะสม แต่ช่วยให้เราเข้าใจ “ราก” ของพฤติกรรมนี้ในเชิงชีววิทยา ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกในการรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนอย่างการเสพติดได้อย่างเข้าใจและเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ทฤษฎีลิงขี้เมามีมูล: งานวิจัยล่าสุดพบว่าชิมแปนซีในป่าบริโภคแอลกอฮอล์จากผลไม้หมักตามธรรมชาติในปริมาณที่ไม่น้อยเลย
✅ เทียบเท่าไวน์ 2 แก้ว: เมื่อคำนวณและปรับตามน้ำหนักตัวแล้ว ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ชิมแปนซีได้รับต่อวัน เทียบเท่ากับมนุษย์ดื่มไวน์ประมาณ 2 แก้ว
✅ รากฐานทางวิวัฒนาการ: การค้นพบนี้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าความชอบในแอลกอฮอล์ของมนุษย์อาจมีที่มาจากบรรพบุรุษไพรเมตที่กินผลไม้สุกเป็นอาหาร
✅ ต่างกันที่ “ความตั้งใจ”: อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของชิมแปนซีเป็นไปโดยบังเอิญเพื่อหาพลังงาน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการดื่มโดยตั้งใจของมนุษย์ที่นำไปสู่การเสพติดได้
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การรู้ว่าความชอบดื่มแอลกอฮอล์อาจมีรากฐานมาจากวิวัฒนาการ ทำให้คุณมองพฤติกรรมการดื่มของมนุษย์เปลี่ยนไปไหมครับ และมันต่างจากการเสพติดในสังคมเราอย่างไร?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องนี้น่าสนใจ 🐒 อย่าลืมกดบันทึกไว้ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ร่วมไขปริศนาบรรพบุรุษของเราด้วยกันนะครับ!
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Maro, A., et al. (2025). Ethanol ingestion via frugivory in wild chimpanzees. Science Advances.
https://doi.org/g93zd2
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
ผมตั้งใจทำเนื้อหาเชิงสารคดีแบบนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความรู้ที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เนื้อหาทุกชิ้นเกิดขึ้นจากการค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างสุดความสามารถโดยไม่มีองค์กรใดสนับสนุน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานชิ้นนี้ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้ผมสามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพแบบนี้ต่อไปได้ เพื่อให้เราทุกคนได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้และเปิดโลกไปด้วยกัน
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [
https://ezdn.app/witlyofficial
]
วิทยาศาสตร์
ความรู้รอบตัว
ธรรมชาติ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF (กันยายน 2568)
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย