27 ก.ย. เวลา 06:45 • สุขภาพ

❤️ “สู้ๆนะ” = คำให้กำลังใจที่อาจทำร้ายโดยไม่รู้ตัว

ทำไม “การรับฟัง” มีพลังมากกว่าคำแนะนำ และบทเรียนว่าด้วยการอยู่เคียงข้างคนที่กำลังอ่อนล้า?
====
💥 โศกนาฏกรรมของ “คำพูดที่ดูดี แต่ไม่ช่วยอะไร”
ลองนึกถึงเหตุการณ์สมมุติ กล่าวคือ หญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ข้อความสิ้นหวังบนโซเชียล… เพื่อนๆ หลายสิบคนรีบคอมเมนต์ด้วยประโยคที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น
“สู้ๆนะ!”
“เข้มแข็งไว้!”
“อย่าคิดมาก!”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอไม่ตอบใครเลย… สุดท้าย กลับเลือกที่จะเปิดใจคุยกับ “คนแปลกหน้า” ที่เพียงทักถามอย่างอ่อนโยนว่า “เธอเป็นยังไงบ้าง อยากเล่าให้ฟังไหม?”
นี่คือ “ความหวังดีที่ทำร้าย” คือ คำพูดที่ฟังเหมือนปลอบใจ แต่แท้จริงแล้วกลายเป็นการกดทับและบังคับให้ผู้ฟังต้อง “สู้ต่อ” ทั้งที่ใจหมดแรงแล้ว ผลคือแทนที่จะรู้สึกได้รับการเข้าใจ กลับรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนถูกบังคับให้เข้มแข็งโดยไม่มีใครยอมรับว่าเขามีสิทธิ์ที่จะอ่อนแอ
====
🏃‍♂️ นักวิ่งมาราธอนที่ล้มลง
จินตนาการถึงนักวิ่งมาราธอนที่วิ่งมาไกลจนหมดแรง ล้มลงตรงหน้าเส้นชัย ร่างกายเต็มไปด้วยตะคริวและความเจ็บปวด สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คืออะไร?
❌ ไม่ใช่เสียงเชียร์ตะโกนว่า “ลุกขึ้นสิ! สู้ต่อไป!”
✅ แต่คือ มือที่ยื่นน้ำเย็นมาให้ พร้อมคำพูดว่า “คุณทำดีที่สุดแล้ว พักก่อนนะ ผมอยู่ตรงนี้”
คนที่เผชิญ Burnout หรือโรคซึมเศร้า ก็ไม่ต่างจากนักวิ่งคนนั้น พวกเขา “สู้” มานานแล้ว จนพลังใจหมดเกลี้ยง การบอกให้ “สู้ๆ” ไม่ใช่การให้กำลังใจ แต่คือการปฏิเสธความจริง และสร้างแรงกดดันให้พวกเขารู้สึกผิดที่ “หมดแรง” ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นสัญญาณว่าร่างกายและใจต้องการการพักพิง
====
🩺 “วิกฤตสุขภาพจิต” ข้อมูลที่ไม่ควรมองข้าม
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กหรือแค่ความรู้สึกส่วนตัว แต่มันคือปัญหาสาธารณสุขที่สะท้อนจากข้อมูลจริง
* กรมสุขภาพจิต รายงานว่าแนวโน้มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินว่าจำนวนผู้ป่วยอาจมากกว่า 1 ล้านคน โดยมีอัตราการเข้ารับบริการสูงขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
* องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า “การปฐมพยาบาลทางใจ” (Psychological First Aid: PFA) เน้นหลักการ Look, Listen, Link — โดยเริ่มจากการฟังโดยไม่ตัดสิน รับรู้ความรู้สึก และหากจำเป็นให้เชื่อมโยงไปสู่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่การรีบให้คำแนะนำหรือสั่งสอนทันที
สิ่งเหล่านี้สะท้อน “ช่องว่างขนาดใหญ่” ระหว่างสิ่งที่ควรทำ กับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำจริง เราอาจคิดว่าการพูดให้กำลังใจคือความหวังดี แต่หากขาดการฟัง มันอาจกลายเป็นการซ้ำเติมโดยไม่รู้ตัว
====
🧭 วิธี “ประคองใจ” ที่ถูกต้อง?
หากคนใกล้ตัวคุณกำลังจมอยู่ในความทุกข์ ลองเปลี่ยนจาก ผู้สอน หรือ ผู้ตัดสิน มาเป็น
“ผู้ร่วมทาง”
❌ อย่าพูดว่า “สู้ๆ / อย่าคิดมาก”
✅ พูดว่า “เราอยู่ตรงนี้นะ อยากเล่าอะไรให้ฟังไหม?” → เปิดโอกาสให้เขาเลือกเองว่าจะเปิดใจหรือไม่
❌ อย่ารีบให้คำแนะนำ
✅ ฟังเงียบๆ ด้วยใจจริง → การฟังคือ “ของขวัญ” ที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
❌ อย่าตัดสินหรือเปรียบเทียบ
✅ ยอมรับความรู้สึก เช่น “เรื่องนี้คงหนักจริงๆ” → เพื่อให้เขารู้ว่าความเจ็บปวดของเขาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
❌ อย่าปล่อยเขาอยู่ลำพัง
✅ ชี้แนะไปหาผู้เชี่ยวชาญ → คุณไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาทุกอย่าง แต่สามารถเป็น “สะพาน” ที่พาเขาไปหาความช่วยเหลือที่เหมาะสม
====
✨ การฟังคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
* สังคมไทยกำลังเปลี่ยนจากวัฒนธรรมที่เชิดชู “ความอดทน” ไปสู่วัฒนธรรมที่ยอมรับ “ความเปราะบาง” แต่การเดินทางครั้งนี้ยังอีกยาวไกล เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ “ภาษาที่ถูกต้อง” ในการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิต
* ครั้งต่อไปที่คุณเห็นใครสักคนกำลังเหนื่อยล้า อย่ารีบตะโกน “สู้ๆนะ” เพราะแม้จะฟังดูบวก แต่มันอาจกดดันโดยไม่รู้ตัว จงเลือกที่จะเป็น “เพื่อนร่วมทางที่เงียบสงบ” ที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยหัวใจที่พร้อมฟัง
เพราะบางครั้ง คำที่ช่วยเยียวยาที่สุด อาจไม่ใช่คำพูดใดๆ เลย… หากแต่เป็น “การอยู่ตรงนั้น” อย่างมั่นคง และพร้อมรับฟังด้วยใจจริง
====
📚 References
* ThaiHealth. “ไทยป่วยซึมเศร้าเพิ่ม 2 เท่า” https://www.thaihealth.or.th/348453-2
* WHO. Psychological first aid: Guide for field workers. https://www.who.int/publications/i/item/9789241548205
#วันละเรื่องสองเรื่อง #สุขภาพจิต #โรคซึมเศร้า #Burnout #การรับฟัง #MentalHealth #Empathy
โฆษณา