30 ก.ย. เวลา 06:50 • ข่าว

เมื่อผู้นำสหรัฐ ไม่ใช่ประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

ทรัมป์ขู่ตัดงบรัฐบาลกลางหากชาวนิวยอร์กเลือกโซห์ราน มัมดานีเป็นนายกเทศมนตรี
ในวันนี้ ทุกคนรู้ โลกรู้ แล้วว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยมีมา แต่อย่างน้อยเราก็ยังเข้าใจว่าทรัมป์เป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับชาวอเมริกันในวันนี้ไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่า ทรัมป์จะเป็นผู้นำของคนอเมริกันทั้งมวลจริงๆหรือเปล่า
ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศกร้าวอย่างชัดเจนว่า เขาจะตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางสำหรับเมืองนิวยอร์กทันที หาก โซห์ราน มัมดานี ตัวเก็งเต็งหนึ่งจากพรรคเดโมแครต คว้าชัยในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ที่จะถึงนี้
ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงใน Truth Social ว่า
"โซห์ราน มัมดานี ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ที่ประกาศตนว่าเป็นชาวคอมมิวนิสต์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเจอปัญหาใหญ่กับรัฐบาลกลางวอชิงตันอย่างที่ไม่เคยมีนายกเทศมนตรีคนไหนในประวัติศาสตร์สหรัฐเคยเจอมาก่อนแน่อน
และจงจำไว้ด้วยว่า ถึงยังไง "เขา" (มัมดานี) ก็ยังต้องการเงินจากประธานาธิบดี ซึ่งก็คือ "ผม" เพื่อทำให้นโยบายคอมมิวนิสต์ปลอมๆ ของเขาเป็นจริง แต่เขาจะไม่ได้มันหรอกครับ และพวกคุณจะไปโหวตให้เขาทำไม? อุดมการณ์ของเขามันล้มเหลวไปเป็นพันๆปีแล้ว และมันก็จะล้มเหลวอีก ผมรับประกันได้เลย!"
1
คำขู่ของทรัมป์ เกิดขึ้นหลังจากที่เอริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีคนปัจจุบันได้ถอนตัวจากการลงแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก
ที่มีข่าววงในบอกว่า ทรัมป์ใช้อำนาจการเมืองกดดันไปยัง เอริค อดัมส์ และยังเสนอดีลลับด้วยตำแหน่งเอกอัคราชทูตอเมริกันประจำซาอุดิอารเบียให้ด้วย เพื่อให้ เอริค อดัมส์ ที่มีคะแนนสูสีกับ โซห์ราน มัมดานี ถอนตัวออกไป แล้วจะได้เทคะแนนจากฐานเสียงของอดัมส์ ให้กับ แอนดรูว์ คัวโม อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กที่ลงชิงตำแหน่งในนามผู้สมัครอิสระ
1
โดยทรัมป์มองว่า แอนดรูว์ คัวโม จะเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ โซห์ราน มัมดานี มากที่สุดแล้วในเวลานี้ ใจจริงทรัมป์อยากให้ เคอร์ติส ซิลวา ตัวแทนของพรรครีพับลิกันถอนตัวออกไปด้วยซ้ำ เพื่อจะได้เทคะแนนไปให้แอนดรูว์ คัวโม เพิ่มขึ้นอีกหน่อย แต่เจ้าตัวไม่ยอม แม้จะมีคะแนนความนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่อเทียบกับผู้สมัครตัวเก็งสายเดโมแครตคนอื่นๆก็ตาม
โซห์ราน มัมดานี ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของทรัมป์ ที่หาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ว่า จริงๆ ผมเป็นชาวสังคมนิยมนะครับ ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ และการที่เขาพยายามตัดขาผู้สมัครคนอื่นๆ ก็เพื่อเคลียร์ทางให้กับ แอนดรูว์ คัวโม ที่ลงในนามอิสระ ให้ชนะเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ก็เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเขาเอง ไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ของชาวนิวยอร์กแม้แต่น้อย
1
มันดานีย้ำว่า เขาต้องการสร้างการเมืองที่แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาเงินสนับสนุนจากนายทุน หรือไม่ก็การหนุนหลังจากทรัมป์ หลายครั้งที่เราพบว่านักการเมืองอย่าง แอนดรูว์ คัวโม หรือ เอริค อดัมส์ มักพูดแต่เรื่องของตัวเอง มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องคิดถึงเรื่องของคนนิวยอร์กกันจริงๆสักที
และดูเหมือนว่า ยิ่งทรัมป์ลงไปเล่นการเมือง กดดันสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในนิวยอร์กเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คะแนนความนิยมในตัวของโซห์ราน มัมดานี ก็ยิ่งพุ่งสูงติดลมบนมากขึ้น
1
ซึ่งทรัมป์พยายามขู่จะเนรเทศ มัมดานี ใช้แผนผลักดันผู้สมัครคนอื่นที่เขาเลือก หรือแม้แต่ตัดงบจากรัฐบาลกลางสำหรับเมืองนิวยอร์ก แต่จากผลโพลว่าสุดยังเผยว่า คะแนนความนิยมของ มัมดานี สูงถึง 84% ในขณะที่ แอนดรูว์ คัวโม แม้จะได้ฐานเสียงจาก เอริค อดัมส์ มาบ้างแล้ว ก็ยังมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นมาเพียง 16% แทบไม่ได้ใกล้เคียงพอที่จะเรียกได้ว่าสูสีกับ มัมดานี เลยด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าหนทางเดียวที่พอจะเป็นไปได้ในการพลิกโผ คือ โซห์ราน มัมดานี ต้องถอนตัวจากการแข่งขันด้วยตัวเองเท่านั้น ซึ่งทรัมป์ยังไม่เห็นหนทางนั้น (ในตอนนี้)
และหากสุดท้าย โซห์ราน มัมดานี ชนะเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ของนิวยอร์ก เมืองที่เป็นบ้านเกิดของทรัมป์จริงๆ สิ่งที่ชาวนิวยอร์กจะต้องเผชิญต่อจากนี้ คือการจองล้าง จองเวร ของคนระดับประธานาธิบดีของประเทศ ที่จะใช้อำนาจการเมืองที่เหนือกว่ากดดัน ไล่บี้ และอาจเรียกได้ว่าเป็นการ "ลงโทษ" ชาวนิวยอร์ก ที่เมินในสิ่งที่ทรัมป์เคยบอกว่า "เตือนแล้วนะ" จากการที่เลือกคนที่ทรัมป์ถือว่าเป็นศัตรูมาเป็นนายกเทศมนตรี
เมื่อสิบกว่าปีก่อน บ้านเราเคยมีผู้นำที่ประกาศอย่างชัดเจนว่า "จังหวัดไหนเลือกพรรคการเมืองหนึ่งยกจังหวัด ก็จะได้จัดสรรงบประมาณก่อน จังหวัดไหนไม่เลือกก็จะได้ทีหลัง" เป็นวาทะการเมืองที่อยู่ในใจหลายคนไม่ลืม ถึงแม้ว่าในระบบบริหารราชการในหลายประเทศก็อาจจะมีผู้นำจำนวนไม่น้อย ที่คิด และทำแบบนี้ เพียงแค่ไม่พูดออกมาตรงๆ แต่อคติต่อประชาชนตามข้อมูลฐานเสียงในพื้นที่มันมีอยู่จริง
4
และวันนี้ มันก็เกิดกับสหรัฐอเมริกาแล้วเช่นกัน โดยผู้นำ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยึดคติ "แม้นใครรักรักมั่ง ชังชังตอบ" จนเป็นที่รู้กันว่า รัฐไหนเป็นฐานเสียงของทรัมป์ ก็จะได้ดูแลเป็นพิเศษ ส่วนรัฐไหนเป็นฐานของฝ่ายตรงข้าม ก็จะจองเวรเป็นพิเศษเหมือนกัน และที่เปรี้ยวคือ ตัวเขาก็ประกาศชัดและทำให้เห็นจริงๆ อย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก หลังการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเป็นต้นไป
หากการเมืองของสหรัฐยังคงขับเคลื่อนด้วยทิศทางเช่นนี้ต่อไป ความแปลกแยกระหว่างรัฐบาลกลาง และ รัฐบาลแห่งรัฐ จะยิ่งถ่างกว้างออกไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ชาวอเมริกันต้องทำใจว่า การเลือกใครคนหนึ่งเป็นผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับคนอเมริกันทุกคน
และสิ่งที่ทรัมป์พูด อาจมีส่วนจริงก็ได้ ที่ว่าอุดมการณ์ที่เราเคยเชื่อ มันอาจจะล้าสมัยไปหลายปีแล้วก็ได้
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา