1 ต.ค. เวลา 14:19 • ปรัชญา
จากสิ่งสมมุติ อารมณ์ทั้งหลายก็เป็นสมมุติ ก็สละคลายความยึดถือ สมมุติ .ก็จะเกิดคำว่า วิมุตติ อาสนะของพระเกิดขึ้น กายก็นิ่ง จิตก็นิ่ง เหมือนพระปฏิมากร มีใครบ้างหนอ มีบุญกุศลบารมี มานั่งบนบันลังก็ อาสนะของพระ กายก็นิ่ง จิตก็เฉย ไม่มีทุกข์.แท่นของจิตที่เป็นพระ เปล่งประกายด้วยแสงรัตนะ
มีเรื่องราวหนึ่ง เราก็ได้ยินได้ฟัง ท่านสอนเมื่อนั่งพับเพียบเรียบร้อย ยกมือซ้ายขึ้นมา ..มารดา ยกมือขวาขึ้นมาบิดา ตามองดูที่มือ พูดต่อไปอีก กายนิ่ง จิตเฉย ให้หูได้ยิน เพื่อให้วิญญาณหู ส่งเสียงไปให้จิตได้รับรู้ พูดต่อไป ตามองที่มือ วิญญาณหูฟังเสียง จิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในกายของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าขอนำธาตุทั้งสอง มาประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า วางมือซ้ายลงไปที่หน้าตักมารดา ค่อยวางลงไป พูดไป ให้มือลงไปวางที่หน้าตัก พร้อมกับคำว่ามารด่ วางมือขวา ลงไปที่หน้าตัก..บิดา ค่อยวางลงไป
คราวนี้ เมื่อวางมือเรียบร้อย ก็สำรวจกายนิ่งมั้น จิตเฉยมั้ย แล้วก็ภาวนา พุทโธขึ้น หลับตาลง ภาวนาพุทโธ รวบรวมกาย และจิต เมื่อกายนิ่งได้ จิตนิ่งได้ ก็เกิดแสงสว่างขึ้น ในตัวตน มีแสงสว่างขึ้นที่กาย ปรากฏขึ้นมา เหมือนโพธิ์ใบเดียว เหลือแต่่จิต เหมือนเปลวเทียนเป็นรูปใบโพธิ์ ส่องสว่างขึ้น มีสีดำสีม่วง ไหลออกไปที่ปลายใบโพธิ์ สิ่งที่ไหลออกไป คือ สีดำสีม่วงสีน้ำตาลสีเวรกรรม ค่อยไหลออกๆ ..กายก็นิ่ง จิตก็เฉย เหมือนไม่มีตัวตน เป็นสุข ในวิมุตติที่เกิดขึ้น
โฆษณา