Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 10:31 • ข่าวรอบโลก
ใครคือเจ้าเวหา ตัวจริง?
หลังจากที่ทางจีนปล่อยคลิปรัวๆ เกี่ยวกับเครื่องบินรบรุ่นใหม่ๆ
แม้จะไม่มีความชัดเจนด้านประสิทธิภาพนัก แต่ก็ทำให้
ทั่วโลกสงสัยว่า กองทัพอากาศสหรัฐนั้น ยังคงเป็นเจ้าเวหา
หรือไม่ และเสียการนำของการเป็นเบอร์หนึ่งของเทคโนโลยี
ไปแล้วรึเปล่า
อีกฝั่งแอตแลนติก เครื่องบนรบค่ายฝรั่งเศสอย่าง
ราฟาลในมืออินเดีย ก็ดันไปโดนเครื่องบินจีนสอยร่วง
ด้วยน้ำมือนักบินปากีสถาน
คำถามตัวโตๆ มันจึงเกิดขึ้นว่า หรือเทคโนโลยีตะวันตกนั้น
ล้าสมัยมากเกินไปแล้ว
นั่นคือมุมมองของคนธรรมดา…
แต่ถ้าไปถามผู้ศึกษาด้านเครื่องบินรบจริงจังแล้ว
คำตอบมันจะตรงกันข้ามเลยทีเดียว ซึ่งมันก็มีเหตุผลอยู่….
เครื่องบินรบจีนและรัสเซียนั้น จะว่าไม่เคยลงสนาม
คงไม่ได้อีกแล้ว แต่ทำไมหลายคนยังไม่เชื่อถือนัก
โดยเฉพาะจากกองทัพอากาศชาติต่างๆ เวลาจัดหา
เครื่องบินรบจีน มักอยู่อันดับท้ายๆเสมอ
เรื่องนี้มีเหตุผลครับ ไม่ใช่แค่การขิงกันด้วยอคติ
หรือแรงกดดันทางการเมืองในการจัดซื้อเท่านั้น
ปัญหาอย่างหนึ่งที่กองทัพทั่วโลกมองเห็น ในกรณีเครื่องบิน
จีนและรัสเซีย คือความสามารถจริงๆของมันนั่นแหละ
เครื่องยนต์ กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด
ของเครื่องบินสองชาตินี้ เนื่องจากมีโมเดลเทคโนโลยีเดียวกัน
เราต้องทำความเข้าใจกันนิดนึง ว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์เจ็ท
ของจีนนั้น ถูกพัฒนามาจากเครื่องยนต์ของโซเวียต-รัสเซีย
ทั้งหมด ด้วยปรัชญาการออกแบบเหมือนกัน
โดยตอนแรกนั้น เครื่องบินรบจีน ที่พยายามพัฒนาเองนั้น
มีปัญหามากในเรื่องนี้ หนักไปทางกำลังเครื่องยนต์ไม่ดี
และเปราะบางมาก อายุการใช้งานสั้น เช่นตระกูล JF
ที่พม่าโวยวายจนเลิกใช้ไปแล้ว
เนื่องจากในยุคเริ่มแรก ช่วงสงครามเย็นนั้น
จีนกับโซเวียต ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันนัก จนต้องเข้าหาสหรัฐ
และอิสราเอลในยุคของนิกสันและป๋าเติ้งนั่นเอง
จีนสมัยนั้น กลัวสหภาพโซเวียตมากกว่าตะวันตก
เพราะแม้เป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกัน แต่มีแนวทางที่ต่าง
และก็มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทั้งทางบก ทางทะเลกันหลายจุด
แน่นอน ว่าสหรัฐนั้นหวงเทคโนโลยี ก็เลยไม่ถ่ายทอดให้จีน
แม้จะมีสารพัดสินค้า เข้ามาผลิตในจีนมากมาย แต่พวกอากาศยาน ยังเป็นความลับตลอดเวลา แม้แต่กับเครื่องบิน
พาณิชย์ธรรมดาๆ สหรัฐก็กั๊กองค์ความรู้ไว้ ไม่ให้จีนซ่อม
เครื่องบินของตัวเองด้วยซ้ำในช่วงแรกๆ
แต่บังเอิญว่าจีนนั้นมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ที่อิสราเอลต้องการ
พวกเขาเลยหันหาอิสราเอล ซึ่งก็ได้วิชามาเยอะ จนกลายเป็น
ที่มาของเครื่องบินรบจีนหลายรุ่นในปัจจุบัน โดยเฉพาะ J-10
ที่เป็นผลจากโครงการร่วมกันพัฒนา จากเครื่อง้นแบบของสหรัฐและอิสราเอล คือ IAI LAVI
(คือ ตอนแรกอิสราเอลพัฒนา LAVIร่วมกับสหรัฐ แล้วโดนเท
ก็เลยหันไปหาจีนแทน เป็นผลให้จีนได้เทคโนโลยีตะวันตกไปด้วยแบบเต็มๆ ถือว่าอิสราเอลแสบมากในตอนนั้น)
https://defencesecurityasia.com/en/j10-china-israel-tech-secret-role/
แต่ถึงงั้น ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ ก็ยังแก้ไม่ตก
เพราะอิสราเอลเอง ก็ไม่ได้บอกทุกอย่าง และพวกเขาเอง
ก็ยังพึ่งเครื่องยนต์สหรัฐอยู่เหมือนกันนั่นเอง
จนถึงโซเวียตแตกนั่นแหละ จีนก็สบช่อง
อาวุธเก่าค่ายโซเวียตจำนวนมาก จากยูเครน
ที่กำลังถังแตกในช่วงนั้น ถูกจีนซื้อมาชำแหละศึกษา
รวมถึงดึงตัววิศวกรเก่งๆ จากประเทศในอดีตสหภาพโซเวียต
มาทำงานให้เป็นจำนวนมาก
นั่นคือที่มา ทั้งหมดของการพัฒนาเครื่องบินรบของจีนช่วงแรก
จนกลายเป็นลักษณะเฉพาะของเครื่องบินลูกผสม สหรัฐ รัสเซีย
ในรุ่น J-10 ที่หลายคนเรียกมันว่า F-16 เครื่องรัสเซีย
และหลังจากนั้น รัสเซียกับจีน มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
จีนจึงได้แบบของ SU -27 มาผลิตเอง แต่ยังต้องซื้อเครื่องยนต์
จากรัสเซีย จนเป็นที่มาของ เสิ่นหยาง J-11 ในเวลาต่อมา
จนในภายหลัง จีนก็ผลิตเครื่องยนต์เองได้
จากพื้นฐานของเครื่องยนต์ SU -27 และต่อยอดมาได้
เรื่อยๆ จนถึงวันนี้นั่นเอง
SU 27/ J-11
ด้วยความที่จีนออกแบบเครื่องยนต์ตามแบบโซเวียตนี่เอง
ที่ทำให้มันมีจุดด้อยที่คล้ายกัน และยังเป็นรองเครื่องยนต์
ค่ายตะวันตก หรืออาจจะรวมถึงรัสเซียด้วย
เปล่า ไม่ใช่มันไม่เร็ว ไม่แรงพอ
แต่ปัญหาคือเครื่องยนต์ที่ออกแบบสไตล์รัสเซียนั้น
มีปัญหาเรื่องความทนทาน และประสิทธิภาพในการ
ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องแทบทุกรุ่น
ในกรณีอย่าง SU 25 ที่บินได้เร็วมากๆ นั้น กลับมีจุดอ่อน
ที่ไม่น่าเชื่อ คือ มันพังได้ง่ายมาก และพิสัยสั้นลงมาก
เมื่อต้องใช้ความเร็ว และยังเป็นปัญหามาจนถึง SU 35
ในปัจจุบันที่วิศวกรฝั่งรัสเซียยังไม่สามารถแก้ได้ตก
จึงไม่ยอมใช้SU 25 มากนัก ทั้งที่โดยสเปกแล้ว
มันน่าจะดีกว่า 27 และ MIC 29 เสียอีก
ว่ากันว่า มันเป็นปัญหาทางวัสดุศาสตร์ที่แก้ได้ยาก
แม้ทางรัสเซียจะรู้จุดที่เป็นปัญหาอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ทำอะไร
ไม่ได้มากนัก และหันไปเล่นกับเชื้อเพลิงพิเศษแทน
เนื่องจากเครื่องบินฝั่งรัสเซียนั้น แม้จะเคลมสเปกมาสูง
และเร็ว แรงตามอ้างก็จริง
แต่ลักษณะการออกแบบที่พึ่งพาสันดาปท้าย (afterburner)
มากจนเกินไป เพื่อให้ได้กำลังตามสเปก มันทำให้มีความ
สิ้นเปลือง และอัตราสึกหรอที่สูงมาก
และความร้อนที่เกิดขึ้น ก็ทำให้มันถูกตรวจจับได้ง่าย
จนหลายชาติที่ซื้อไปใช้งานเริ่มออกอาการเข็ดขยาด
และเลี่ยงที่จะซื้อในช่วงหลัง แล้วหาตัวเลือกอื่นแทน
ซึ่งจากการบินโชว์ของเครื่องบินจีน นักวิเคราะห์ก็มองแล้ว
ว่าพึ่งพาสันดาปท้ายค่อนข้างมาก มันไม่ต่างกับของรัสเซียเลย
มันจึงเป็นที่มาของการตั้งข้อสังเกต ว่ามันจะมีปัญหาเหมือนกัน
ก็เลยไม่มีใครกล้าซื้อมากนักไปด้วย
…ต้องเข้าใจว่า แม้เครื่องบินรัสเซียส่วนมาก จะเคลมความเร็ว
และความเร่งในการไต่ระดับไว้สูงกว่าเครื่องบินสหรัฐและค่าย
ตะวันตกอื่น แต่เนื่องจากมันต้องใช้ afterburner ในการผ่านความเร็วเสียงแทบทุกรุ่น ซึ่งของจีนที่มีการสังเกตุกันมา ก็มีลักษณะนี้เช่นกัน…
…ในขณะที่ตัวท็อปๆของสหรัฐนั้น กลับผ่านความเร็วเสียง
ได้แบบไม่ต้องใช้สันดาปท้ายช่วยเลย ในกรณี F-22 นั้น
สามารถทำความเร็วได้ถึง 1.7 มัค โดยไม่ต้องใช้สันดาปท้าย
ซึ่งปัจจุบันเท่าที่โลกรับทราบ ก็ยังไม่มีเครื่องยนต์ตัวไหน
ที่ทำได้แบบนั้น มันจึงยังต้องถือว่า F-22 คือเครื่องบินรบ
ที่มีเครื่องยนต์ ดีที่สุดในโลก แม้ความเร็วท็อปสปีดจะต่ำกว่าเครื่อบินรัสเซียและจีนก็ตาม
…การที่เครื่องบินสหรัฐนั้น มีข้อดีตรงนี้ ผลคือ ความทนทาน
ที่มากกว่า สามารถรบต่อเนื่องได้นานกว่า และถูกตรวจจับ
ด้วยจรวดนำวิถีด้วยความร้อนได้ยาก….
…และหากเป็นเครื่องบินที่บอดี้เป็นสเตลท์ แต่บินแล้วทิ้งร่องรอยความร้อนมากเกินไป มันก็ไม่มีประโยชน์นั่นเอง ….
แน่นอน ว่าเครื่องบินรบนั้นมีราคาสูง
ผู้ซื้อไป ไม่ใช่จะเปลี่ยนกันได้บ่อยๆ
ดังนั้น ปัจจัยเรื่องความทนทานนั้น จึงสำคัญมาก
ในการพิจารณาซื้อของชาติต่างๆ ไม่ใ่ช่จะตัดสินใจ
จากการมองในแง่ประสิทธิภาพและระบบอาวุธได้เท่านั้น
สำหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ปัจจุบันเชื่อกันว่า
เครื่องบินรบจีนนั้น ไม่ได้เป็นรองสหรัฐมากนักอีกแล้ว
ปัญหาอย่างเดียวของพวกเขา อาจยังอยู่ที่เครื่องยนต์
ที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก ในการรบที่หนักหน่วง ต่อเนื่อง
แค่กรณีของปากีสถานกับ J-10 นั้น ยังไม่สามารถซื้อใจ
ชาติผู้ซื้อในตลาดอาวุธส่วนมากได้
ส่วนเครื่องบินของรัสเซียนั้น ตะวันตกทราบดี ว่าจุดอ่อน
ของมันคือความสิ้นเปลือง และการรบต่อเนื่องที่ค่อนข้างแย่
มันถูกพิสูจน์ในซีเรีย ถึงความติดขัดไม่ต่อเนื่องมาหลายครั้ง
ในกรณีของ SU-30 และ 35
สำหรับสหรัฐ เครื่องบินของพวกเขา ได้รับความเชื่อมั่น
มากที่สุด จากการโชว์ความอึด ในการบินแบบไฟลท์ต่อไฟลท์
หลังโหลดอาวุธแล้วขึ้นใหม่ติดๆกันได้หลายรอบ อย่างต่อเนื่องแทบทุกรุ่น ทั้งจากฐาน และเรือบรรทุกเครื่องบิน
ซึ่งเป็นเช่นเดียวกันกับเครื่องบินค่ายยุโรป ที่พิสูจน์สิ่งนี้
ให้โลกเห็นแล้ว ในปฏิบัติการที่ทำร่วมกับสหรัฐหลายครั้ง
จึงมีความน่าเชื่อถือสูงเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่แม้ Rafale ของฝรั่งเศสจะโดนสอยโดยเครื่องบินจีน แต่ก็ยังขายดี
เพราะในสงคราม ไม่ใช่แค่ว่า อาวุธดีกว่า เร็วกว่า จะตัดสินได้
แต่การบำรุงรักษา ความอึด ก็เป็นตัวตัดสินผลเช่นกัน
หากเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่ต้องการความต่อเนื่องก็ยิ่งสำคัญ
…ดังนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจอะไรเลย ในมุมมองของ
กองทัพอากาศชาติต่างๆ ที่จะเลือกเครื่องบินค่ายตะวันตกก่อน
ของที่ยังไม่ชัวร์ หรือมีปัญหาอยู่แล้วนั่นเอง…
สุดท้าย ถ้าถามว่าเทคโนโลยีตะวันตกนั้นล้าหลังแล้วไหม
ก็คงต้องตอบว่าไม่ใช่แน่นอน ในความเป็นจริง
พวกเขายังล้ำหน้าอยู่มากพอสมควรในหลายส่วน
มันอาจจริง ที่ระบบอาวุธที่ดี ของเครื่องบินจีนและรัสเซีย
จะสามารถชดเชยข้อเสียได้บ้าง แต่เมื่อมองประสิทธิภาพ
โดยรวม มันยากที่จะบอกว่าเครื่องบินจากสองชาตินี้
ได้ล้ำหน้าค่ายตะวันตกไปแล้ว
การรบในปัจจุบัน ด้วยระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
เครือข่ายดาวเทียมต่างๆ เข้ามามีผลมากต่อสงคราม
ซึ่งค่ายตะวันตก ก็ยังมีส่วนนี้ที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งกลายเท่า
เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว จึงเป็นที่ขัดเจน
ว่าเจ้าเวหาปัจจุบัน ยังเป็นสหรัฐและพวกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ปัญหาของค่ายตะวันตกนั้นดูจะมีอย่างเดียว
คือ งบประมาณ ทำให้ต้องถูกจำกัดต้นทุนในการจัดหา
มากกว่าประเทศอำนาจนิยมแบบจีนและรัสเซีย
…ซึ่งนั่น ทำให้ของดีๆจากห้องแล็ป ไม่สามารถผลิตออกมาได้
จนดูเหมือนมีความล้าหลังกว่าจีนซึ่งมักโปรโมทอย่างหนัก…
การตอบว่าใครคือเจ้าเวหาในปัจจุบัน
เราจำเป็นต้องใส่ตัวแปรเพิ่มเข้าไปด้วยอีกหลายอย่าง
ทั้งรูปแบบของสงครามและชัยภูมิ
ถ้าหมายถึงจีนกับสหรัฐนั้น สิ่งที่จำเป็นต้องรู้มาก
คือ “รบกันที่ไหน” อาจสำคัญที่สุด
ถ้าสรุปแบบสั้นๆ โดยยกไต้หวันที่เป็นจุดเสี่ยงสูงสุด
ของสองชาตินี้แล้ว ก็ต้องบอกว่า ถ้าสหรัฐแหยมเข้าไป
มีโอกาสพังสูงมาก ถ้ารบกันตรงนี้ เชื่อว่าจีนดีกว่า
แต่หากทอดระยะไปไกลกว่านั้น เข่น บริเวณจุดยุทธศาสตร์
อย่างช่องแคบมะละกา หรือแถบญี่ปุ่น
ก็ต้องบอกว่า จีนยังไม่มีขีดความสามารถมากพอ
ขนาดที่จะโค่นสหรัฐได้ เนื่องจากกำลังบำรุงต่างๆ
ยังตามหลังสหรัฐค่อนข้างไกลมาก
เพราะเครื่องบิน ต้องมีสนามบิน แต่เรือบรรทุกเครื่องบิน
ของจีนนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่มาก
นักวิเคราะห์มองว่า ถ้ามีสงครามจริงๆ เรือบรรทุก
เครื่องบินจีน อาจใช้งานได้จริงๆคือ ฟูเจี้ยนแค่ลำเดียว
เนื่องจากสองลำก่อนหน้า คือ ซานตง และเหลียวหนิงนั้น
เป็นเหมือนการทดลองสร้างของจีนจากโมเดลเก่าของรัสเซีย
มากกว่า ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์เครื่องบินรบสมัยใหม่ของจีน
ดังนั้น ในปัจจุบัน จีนคือเจ้าเวหาเมื่ออยู่หน้าบ้านตัวเอง
อย่างแน่นอน
…แต่ถ้าพูดถึง เจ้าเวหาอันดับหนึ่งของโลก สหรัฐยังใช่…
…และอาจใช่ไปอีกนาน หลัง F-47 ออกมาในอนาคต….
ส่วนถ้าถามว่าเครื่องบินรบที่ใช้งานจริงๆในปัจจุบันคือรุ่นไหน
…คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่สหรัฐและจีน….
….แต่เป็น F-35 I ของอิสราเอล ที่โมดิฟายจนดีกว่า
ชาติผู้ผลิตมันอย่างสหรัฐนั่นแหละ….
https://defencesecurityasia.com/en/j10-china-israel-tech-secret-role/
สหรัฐอเมริกา
เทคโนโลยี
จีน
บันทึก
13
2
1
13
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย