4 ต.ค. เวลา 01:55 • ความคิดเห็น
Pataเติมเต็มนะครับ
ใช้การเปลี่ยนจากการ
"หว่าน" ไปเป็นการ "พุ่งเป้า"
ขอ Informational
Interviewไม่ใช่การขอ
สัมภาษณ์งานแต่เป็น
การขอคำแนะนำจาก
คนในบริษัทที่คุณสนใจ
ถามเรื่องวัฒนธรรมองค์กร
หรือทิศทางธุรกิจเมื่อเกิด
ตำแหน่งว่าง
คุณจะเป็นคนแรก ๆที่
พวกเขาจะนึกถึ
อย่าลืมอัปเดต LinkedIn
ให้ "พร้อมถูกล่า"ใส่คีย์เวิร์ด
ที่ตรงกับตำแหน่งงานที่คุณต้องการในส่วน Headline
และ About ให้ชัดเจน
เปิดสถานะเป็น "Open to Work" เพื่อให้ Recruiter มองเห็นโปรไฟล์คุณได้ง่ายขึ้น
"พุ่งเป้า" และ "ปรับเรซูเม่"
ให้ผ่านระบบ AI (ATS)
เพราะระบบคัดกรองอัตโนมัติ (ATS) จะจับคู่คีย์เวิร์ดของ
คุณกับประกาศงานหากไม่
ตรงกันก็จะถูกปัดทิ้งทันที
ใช้หลักคิดเน้น "ปริมาณงานคุณภาพ" มากกว่า "ปริมาณ
การสมัคร"เลือกเฉพาะงาน
ที่คุณมีคุณสมบัติตรง70-80%
ขึ้นไป
อย่าลืมล๊อกคีย์เวิร์ดใน Job Descriptionในทุกครั้งที่สมัคร
ให้คัดลอกคำสำคัญ
(เช่น "KPIs," "Budget Management," "Agile Methodology")จาก
ประกาศงานนั้น ๆ มาใส่
ในเรซูเม่และจดหมาย
สมัครงานของคุณให้
สอดคล้องกัน
ที่สำคัญมากอีกอย่างนึง
แปลงประสบการณ์เป็น
"ผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลข"
แทนที่จะเขียนว่า "รับผิดชอบ
งานๆๆ" ให้เปลี่ยนเป็น
"ผลงานที่ได้ % ภายใน เวลา?" หรือ"ลดต้นทุนการดำเนินงาน
ลง %" การใช้ตัวเลขจะดึงดูดความสนใจได้ทันที
สมัครภายใน 24 ชั่วโมง
ตั้ง Job Alert ให้แจ้งเตือนทันที
และสมัครงานนั้นทันทีที่เห็นประกาศใหม่ เพราะบริษัท
จะเริ่มคัดเลือกผู้สมัครทันที
ที่ได้รับใบสมัครจำนวนหนึ่ง
ซ้อมสัมภาษณ์ให้ "คม"
เตรียมคำตอบสำหรับคำถาม
พื้นฐานที่สุด(จุดแข็ง-จุดอ่อน, ทำไมถึงออกจากที่เก่า, ทำไมถึงสนใจงานนี้)
และคำถามที่เน้นสถานการณ์ (STAR Method) ให้ซ้อมพูด
จนมั่นใจและลื่นไหลPataคิดนะ
ความมั่นใจคือกุญแจสำคัญ
เพราะ“อุปสรรคคือโอกาส”
ให้ชีวิตได้เรียนรู้ที่จะผ่าน
ไปให้ได้เสมอ
บางคนถึงขั้นรับงาน
“เตี้ยอุ่มค่อม”รับงาน
ต่ำกว่าวุฒิรึงานต่าง
สายงานที่ยื่นโอกาส
ให้ก่อน
อาจเป็นความประโยชน์
ที่หลากหลายได้รายได้
ลดความกดดันตัวเอง
ตั้งสติอีกครั้งอย่าท้อแท้
ท้อได้แต่อย่าท้อแท้
ขอให้โชคดีและได้งานที่
เร็ว ๆ นี้เลยนะครับ
โฆษณา