Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
4 ต.ค. เวลา 09:49 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 33 วันเสด็จเยี่ยมญาติ
ออกมาจากอุทยาน เป่าวี่คิดถึงเหล่าพี่น้องสาว แต่ยังไม่เห็นเจี่ยเจิ้งว่าอย่างไร จึงได้แต่เดินตามมายังห้องหนังสือ เจี่ยเจิ้งพลันนึกขึ้นมาได้ จึงว่า
“เจ้ายังไม่รีบไปอีก เดี๋ยวท่านย่าจะเป็นห่วง หรือว่าย้งเดินเที่ยวไม่พอ”
เป่าวี่จึงกลับออกมา พบบ่าวของเจี่ยเจิ้งตรงเข้ามาสวมกอด กล่าวว่า
“โชคดีที่วันนี้นายท่านอารมณ์ดี เหล่าไท่ไท่ส่งคนมาถามหานายน้อยหลายรอบ พวกเราตอบไปว่านายท่านอารมณ์ดี มิเช่นนั้น เหล่าไท่ไท่คงตามตัวท่านกลับไป ท่านก็อดแสดงความสามารถ ทุกคนชมกันว่าบทกวีที่ท่านแต่งเหนือกว่าของใครอื่น วันนี้ที่ท่านได้หน้า ควรต้องให้รางวัลพวกเรา”
เป่าวี่หัวเราะว่า “เอาไปคนละพวง 一吊”
พวกบ่าวว่า “คนละพวงน้อยไป ขอทั้งถุง 荷包 นั่นเลย”
(เงินเหรียญหนึ่งพวง มีหนึ่งพันเหรียญ)
(เหอเปา 荷包 คือ ถุงเงิน)
กล่าวจบ ก็รุมกันเข้ามาปล้นเป่าวี่ แก้ถุงเงิน ถุงใส่พัด ทุกอย่างที่แขวนติดตัวเป่าวี่ได้เอาไปจนหมด จากนั้นต่างว่า
“พวกเราไปส่งตัวกัน”
แล้วกรูเข้ามาห้อมล้อมเป่าวี่ พาตัวไปส่งถึงเรือนแม่เฒ่าเจี่ย
แม่เฒ่าเจี่ยเฝ้ารอเป่าวี่อยู่ พอเห็นมาเป็นปกติสุขดีก็ยินดีคลายกังวล
สักครู่ สีเหยิน 袭人 เทน้ำชามาให้ เห็นเครื่องห้อยประดับหายไปหมดจึงหัวเราะว่า
“ของถูกพวกหน้าไม่อายปลดไปหมดแล้วสิ”
ไต้วี่ได้ยิน เดินมาดูเห็นของหายไปหมดจริง จึงบอกเป่าวี่ว่า
“ถุงเงินที่ข้าให้ไว้ ก็ให้พวกเขาไปด้วย พรุ่งนี้จะมาขอของใหม่ ไม่ได้แล้ว”
กล่าวจบก็งอนกลับห้องไป นำเอาถุงหอมที่เป่าวี่ขอไว้เมื่อวันก่อน แต่ยังเย็บไม่เสร็จ นำกรรไกรมาตัดทิ้ง
เป่าวี่เห็นว่าโกรธ รีบตามมาแต่ไม่ทัน ถุงหอมที่เป่าวี่เห็นว่างานปราณีตแม้ยังไม่เสร็จ ถูกตัดทิ้งโดยไร้เหตุผล นึกหงุดหงิด รีบล้วงแขนเสื้อหยิบเอาถุงเงินที่เก็บไว้อย่างดีส่งให้ไต้วี่ว่า
“เจ้าดู นี่อะไร ของที่เจ้าให้ ข้าจะให้คนอื่นได้หรือ”
ไต้วี่เห็นเจ้าของหวงเก็บไว้ข้างใน กลัวคนเอาไป รู้สึกเสียใจที่วู่วามตัดถุงหอมทิ้ง จึงได้แต่ก้มหน้าไม่พูดจา เป่าวี่ว่า
“เจ้าไม่เห็นต้องตัดทิ้ง ข้ารู้ว่าเจ้าขี้เกียจทำให้ข้า ถุงเงินนี้ก็เอาคืนไปด้วย”
กล่าวแล้วก็โยนให้ไต้วี่แล้วจะกลับ ไต้วี่ยิ่งโมโหจนร้องไห้ คว้ากรรไกรจะมาตัดถุงเงินทิ้ง เป่าวี่รีบหันมายุดไว้หัวเราะว่า
“น้องคนดี ปล่อยมันไปเถิด”
ไต้วี่โยนกรรไกรทิ้ง เช็ดน้ำตาว่า
“ไม่ต้องมาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อยากมีเรื่องก็เลิกคุยกัน”
กล่าวจบก็งอนขึ้นเตียง นอนหันหลังเช็ดน้ำตา เป่าวี่ได้แต่อ้อน น้องอย่างนั้น น้องอย่างนี้ ไม่เลิกรา
แม่เฒ่าเจี่ยอยู่ด้านนอกถามหาเป่าวี่ มีคนตอบว่า
“อยู่ในห้องคุณหนูหลิน”
แม่เฒ่าว่า “ดี ดี ให้พี่น้องเขาคุยกัน พ่อแก่เขารั้งตัวไว้ครึ่งค่อนวัน ให้เขาได้ผ่อนคลายบ้าง เพียงแต่คอยดูอย่าให้พวกเขามีปากมีเสียงกัน”
ทุกคนรับปาก
ไต้วี่ถูกเป่าวี่เซ้าซี้ไม่เลิก ลุกขึ้นมาว่า
“เจตนาของเจ้าคือไม่ให้ข้าอยู่อย่างสงบใช่ไหม เช่นนั้น ข้าไปเอง”
แล้วลุกหนีออกมาข้างนอก
เป่าวี่หัวเราะว่า “เจ้าไปไหน ข้าไปด้วย”
แล้วเก็บเอาถุงเงินมาคาดเอวไว้
ไต้วี่เอื้อมมือมาชิงถุงเงินไปว่า
“เจ้าบอกว่าไม่เอา แล้วคาดเอวทำไม สับปลับ ข้าละอายแทน”
พูดจบก็หัวเราะเยาะ
เป่าวี่ว่า “น้องแสนดี พรุ่งนี้ทำถุงหอมให้ข้าใหม่อีกใบนะ”
ไต้วี่ว่า “นั่นต้องดูว่า ข้าพอใจหรือไม่”
กล่าวแล้ว ก็พากันเดินออกจากห้องมายังห้องของหวางฮูหยิน เผอิญเห็นเป่าไชมาอยู่ในห้องด้วย
ในห้องหวางฮูหยินกำลังคึกคัก เจี่ยเฉียงกลับมาจากกูซู 姑苏 ซื้อหญิงสาวมาด้วยสิบสองคนพร้อมทั้งครูฝึก แม่น้าเซวียจึงต้องย้ายที่พักออกจากลานหอมสาลี่ 梨香院 ไปยังเรือนที่สงบทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนลานหอมสาลี่ปรับปรุงใหม่ให้เป็นที่ฝึกสอนนักแสดง ให้เหล่านักแสดงเดิมในจวน ซึ่งบัดนี้กลายเป็นป้าสูงอายุมาช่วยกำกับดูแล เรื่องการเงินการบัญชีให้เจี่ยเฉียงเป็นผู้ดูแล
ภรรยาหลินจือเสี้ยว 林之孝家的 เข้ามารายงานว่า
“แม่ชีน้อย นักพรตหญิงน้อยที่ซื้อมารวมสิบสองนางมาถึงแล้ว ชุดนักพรตซึ่งสั่งตัดใหม่ยี่สิบชุดก็ส่งมาแล้วเช่นกัน
ยังมีแม่ชีไว้ผมผู้หนึ่งเดิมเป็นชาวเมืองซูโจว บรรพบุรุษเคยรับราชการ ตอนเด็กป่วยกระเสาะกระแสะ ซื้อตัวเด็กไปบวชแทนตัว 替身 ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ล้วนไม่เป็นผล ในที่สุดนางต้องออกบวชเองจึงหาย ดังนั้นถึงนางปฏิบัติธรรมก็ยังคงไว้ผม ปีนี้นางอายุได้สิบแปดปี มีชื่อว่า เมี่ยววี่ 妙玉 บิดามารดาเสียแล้ว อยู่กับหญิงชราสองนาง สาวใช้อีกนาง เรื่องเขียนอ่านชำนาญนัก ตำราและคำภีร์เรียนรู้คล่องแคล่ว เป็นคนบุคลิกดี
พอรู้ว่าที่ฉางอานมีโบราณสถานพระแม่กวนอิน และคำภีร์ใบลาน 贝叶遗文 ปีที่แล้วนางจึงตามอาจารย์มาอยู่ที่อารามพระมุนี 牟尼院 นอกประตูเมืองตะวันตก อาจารย์ของนางมาลาสู่สุคติเสียก่อน ก่อนอำลาได้สั่งเสียว่า “อย่าเพิ่งกลับบ้าน อยู่ปฏิบัติที่นี่ จะมีเรื่องดี” ดังนั้น นางจึงยังไม่ได้นำป้ายวิญญาณอาจารย์กลับไป”
หวางฮูหยินว่า “เช่นนั้น พวกเราควรรับนางมาที่นี่”
ภรรยาหลินจือเสี้ยวว่า “ถ้าจะไปเชิญนาง นางคงอ้างว่า ตระกูลขุนนางใหญ่ มักข่มเหงผู้น้อย แล้วไม่ยอมมา”
หวางฮูหยินว่า “นางเองเป็นลูกหลานตระกูลขุนนาง ย่อมมีศักดิ์ศรี ลองส่งเทียบเชิญให้นางจะเป็นไรมี”
ภรรยาหลินจือเสี้ยวรับคำแล้วลาออกมาหาเลขาให้เขียนเทียบเชิญ วันรุ่งขึ้นก็จัดเกี้ยวออกไปรับ
(จบบทที่สิบเจ็ด)
มีคนมารายงานว่า ที่หน้างานกำลังรอผ้าโปร่ง ขอให้พี่เฟิ่งเปิดคลังเบิกของ อีกคนมารายงานว่ามีเครื่องถ้วยจานเงินและทองมาส่ง ขอให้พี่เฟิ่งตรวจรับ หวางฮูหยินกับเหล่าสาวใช้ต่างก็วุ่นจนไม่มีเวลาว่าง
เป่าไชจึงว่า “พวกเราอย่าอยู่เกะกะที่นี่เลย”
แล้วชวนพวกเป่าวี่มากันยังห้องของหยิงชุน 迎春
หวางฮูหยินมีงานยุ่งทุกวันจนถึงเดือนสิบทุกอย่างจึงจัดเตรียมเรียบร้อย ผู้ดูแลส่งบัญชีกันจบ โบราณวัตถุมีประดับครบ เครื่องเรือนจัดวางเรียบร้อย หาซื้อนก นกยูง กระเรียน กวาง กระต่าย ไก่ ห่าน ส่งไปเลี้ยงในอุทยาน
ทางด้านเจี่ยเฉียงจัดเตรียมการแสดงไว้ยี่สิบสามสิบชุด คณะแม่ชีและนักพรตหญิงก็ท่องจำบทสวดมนตร์จนแคล่วคล่อง
เจี่ยเจิ้งจึงเชิญแม่เฒ่าเจี่ยไปยังอุทยานดูความพร้อมว่ายังมีอะไรขาดตกบกพร่อง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย จึงกราบทูลความพร้อม ในวันเดียวกันนั้นเองมีโองการตอบมาว่า
“ปีหน้าวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งตรงกับวันซ่างหยวน 上元 กุ้ยเฟยจะเสด็จเยี่ยมญาติ”
พอรู้กำหนดวัน ทั้งจวนก็วุ่นกันตลอดวันทุกวัน แม้กระทั่งวันปีใหม่ก็แทบจะไม่ได้ฉลอง
พริบตาเดียวก็ใกล้ถึงวันหยวนเซียว 元宵 วันที่แปดเดือนหนึ่ง มีขันทีออกมาซักซ้อมพิธี จะเปลี่ยนผ้าทรงที่ไหน ประทับที่ไหน รับคารวะที่ไหน เสวยพระกระยาหารที่ไหน พักผ่อนที่ไหน ยังมีขันทีมาสำรวจสถานที่ ขันทีน้อยไล่ตรวจทุกซอกทุกมุม รวมทั้งหลังม่านต่างๆ ชี้แนะคนในจวนว่าให้เข้าออกทางไหน ถวายพระกระยาหารทางไหน สารพัดระเบียบพิธี
ด้านนอกมีข้าราชการงานโยธา และทหารม้าปัญจธานี 五城兵马 ออกตรวจตราถนนหนทาง ขับไล่ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เจี่ยเส้อคุมคนงานประดับโคมและดอกไม้ไฟ จนถึงวันที่สิบสี่จึงนับว่าพร้อม ราตรีนี้ คงไม่มีผู้ใดได้หลับนอน
วันที่สิบห้าย่ำกลองยามห้า พวกแม่เฒ่าเจี่ยที่มีเครื่องยศ ต่างประดับชุดใหญ่ ในอุทยานม่านปะรำสะบัดดังมังกรร่อน ม่านหน้าต่างประตูเริงลมดังหงส์ขนหลากสี ทองและเงินสะท้อนแสงแวววาว มุกมณีทอประกายระยิบระยับ กระถางติ่งจุดเครื่องหอมฟุ้ง แจกันล้วนปักดอกไม้ประจำฤดู บรรยากาศเงียบสงบไม่มีแม้เสียงกระแอมไอ
เจี่ยเส้อนำคณะฝ่ายชายรออยู่ที่นอกประตูตะวันตก แม่เฒ่าเจี่ยนำคณะฝ่ายหญิงรออยู่นอกประตูใหญ่จวนหยง ปากทางมีฉากบังตาผู้ไม่เกี่ยวข้อง ยืนรอกันจนล้า จึงเห็นขันทีผู้หนึ่งขี่ม้ามา เจี่ยเจิ้งออกมาต้อนรับ ขันทีว่า
“ยังเช้าอยู่มากนัก ต้นยามเว่ย 未初 (13:00)จึงรับพระกระยาหาร ยามเว่ยตรง 未正 (14:00)เสด็จนมัสการพระที่วังเป่าหลิง 宝灵宫 ต้นยามโหย่ว 酉初 (17:00)เสด็จวังต้าหมิง 大明宫 รับพระราชทานเลี้ยงและชมโคมแล้วจึงขอพระบรมราชานุญาตลามา เกรงว่ากว่าจะเริ่มเสด็จคงเป็นต้นยามซวี 戌初 (19:00)”
พี่เฟิ่งฟังจบจึงว่า “เช่นนี้แล้ว เหล่าไท่ไท่กับไท่ไท่ควรกลับห้องกันก่อน รอจนใกล้เวลาค่อยออกมากันใหม่”
พวกแม่เฒ่าเจี่ยจึงแยกย้ายกันกลับ ในอุทยานเหลือเพียงพี่เฟิ่งที่คอยกำกับพวกบริวาร นำเหล่าขันทีไปรับประทานอาหาร และให้คนนำเทียนไขมาเติมโคม จุดจนสว่างไสว
พอใกล้เวลามีเสียงฝีเท้าม้าควบมาอยู่ด้านนอก ขันทีสิบกว่าคนกระหืดกระหอบมาพร้อมปรบมือ พวกขันทีที่มากันก่อนรู้สัญญาณว่ากำลังเสด็จมา จึงรีบตั้งแถวประจำตำแหน่ง พวกเจี่ยเส้อรีบกลับมารอรับที่นอกประตูตะวันตก พวกแม่เฒ่าเจี่ยกลับมารอรับที่หน้าประตูใหญ่จวนหยง ยังคงเงียบเชียบอยู่ครึ่งค่อนวัน
พลันมีขันทีสองคนเหยาะม้ามาลงตรงประตูตะวันตก ขับม้าให้ไปหลบหลังฉาก แล้วยืนหันหน้าไปทางตะวันตก อีกครึ่งวันมีขันทีมาอีกคู่ ปฏิบัติแบบเดียวกัน คราวนี้ ไม่นานนักมีขันทีตามมาอีกสิบกว่าคู่ จากนั้นก็มีเสียงมโหรีประโคมแว่วมา ขันทีแต่ละคู่เชิญธงหงส์มังกร พัดโบกขนไก่ฟ้า กระถางกำยานทอง ตามมาด้วยร่มก้านหยักสีเหลืองทองลายหงส์เจ็ดตัว ตามมาด้วยมงกุฏ ผ้าทรง รองบาท และขันทีอัญเชิญเครื่องใช้พวก ผ้า กระโถน แส้ เป็นต้น
หลังจากพวกขันทีที่มาเป็นคู่คู่ จึงมีแปดขันทีแบกเกี้ยวคานหามสีทองหลังคาห่านฟ้าลายหงส์ ค่อยค่อยตามมา พวกแม่เฒ่าเจี่ยรีบคุกเข่า เหล่าขันทีรีบเข้ามาพยุงพวกแม่เฒ่าเจี่ยให้ลุกขึ้น เกี้ยวทองผ่านประตูตะวันออกเข้าไปถึงประตูลาน ขันทีคุกเข่าลง ถวายผ้าทรงให้ทรงสวมก่อนเสด็จผ่านประตูเข้าไปด้านใน พวกขันทีจึงแยกย้าย คงเหลือเพียงนางกำนัลเจาหยง 昭容 ไฉ่ผิน 彩嫔 เชิญเสด็จลงจากเกี้ยว
โคมในอุทยานด้านหน้าหลากสีหลายแบบละลานตา ล้วนทำมาจากผ้าโปร่งบาง ด้านหน้ามีโคมเป็นป้ายเขียนอักษร
“เอิบอาบพระมหากรุณาธิคุณ 体仁沐德”
หยวนชุน 元春 เข้าห้องผัดภูษาทรงแล้วกลับมาขึ้นเกี้ยวทองเข้าไปในอุทยานหลวง ควันเครื่องหอมลอยฟุ้ง แสงโคมฉายจับบุปผานานาพรรณ แว่วเสียงดนตรีบรรเลงมาแผ่วเบา เป็นบรรยากาศที่ฟุ้งเฟ้อยิ่งนัก
เจ้าจอมเจี่ยอยู่บนเกี้ยวเห็นแล้วผงกศีรษะทอดถอนใจว่า “ฟุ่มเฟือยเกินเหตุเสียแล้ว”
ตอนก่อนหน้า : ชมอาคาร
https://www.blockdit.com/posts/68de49a316f03f8c032abcd8
ตอนถัดไป : สุทัศนอุทยาน
1 บันทึก
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย