6 ต.ค. เวลา 09:21 • ข่าว

เปลี่ยนสนามการเมืองให้เป็นสนามรบ ทรัมป์ส่งทหารเหยียบถิ่นรัฐเดโมแครต

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-5 ตุลาคม 2025) โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ปล่อยให้ชาวเมืองชิคาโกได้พักผ่อนอย่างสงบสุข โดยผู้นำสหรัฐได้เซ็นคำสั่งส่งกองกำลังป้องกันประเทศชุดใหญ่ เข้าไปในเมืองชิคาโก ท่ามกลางความวุ่นวาย ของการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงในเมือง และ เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำจำกัดความสถานการณ์ในชิคาโกว่า เป็น "เขตสงคราม" ที่เกิดจากแก๊งค์อาชญากรรมที่ควบคุมไม่ได้
ความโกลาหลในชิคาโก มีจุดเริ่มต้นมาจาก หญิงวัย 30 คนหนึ่ง ที่ชื่อว่า มาร์ริมาร์ มาร์ติเนช ได้ขับรถพุ่งชนกลุ่มเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลาง ที่ถูกส่งเข้าจับกุมต่างด้าวผิดกฎหมายตามนโยบายของทรัมป์
1
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยศุลากร และ ป้องกันชายแดนแห่งชาติ (CPD) ที่อยู่ในรถอีกคันหนึ่ง ตัดสินใจออกมายิงสกัดใส่รถเธอไป 5 นัด ทำให้ตัวเธอ และคนที่นั่งมาด้วยกันในรถอีกคน คือ แอนโทนี รุยซ์ วัย 21 ปีได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล
1
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (4 ตุลาคม 25) ที่ผ่านมา ที่สวนสาธารณะ Brighton Park ย่าน Southwest Side ในชิคาโก ที่ต่อมา ทริเซีย แมคลาคลิน ผู้ช่วยเลขาธิการของกองกำลังความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้โพสต์ข้อความใน X อธิบายว่า มาร์ริมาร์ มาร์ติเนช ผู้ต้องหา เป็นพลเมืองอเมริกัน และได้ขับรถมาร่วมขบวนกับรถของกลุ่มผู้ประท้วงอีกนับสิบคันเพื่อมาปิดถนน ขวางหน้าไม่ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานป้องกันชายแดนเข้าเมืองได้
โดย มาร์ติเนช ได้ขับรถเข้ามาพุ่งชนกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ จึงทำให้ ตำรวจต.ม. ต้องยิงสกัด จัดไป 5 เม็ดก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล แล้วยังพบว่า มาร์ติเนชพกอาวุธปืนกึ่งออโตเมติกติดตัวมาด้วย
แต่สำหรับกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ชอบทรัมป์อยู่แล้ว เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ยิงผู้หญิงกลายเป็นเชื้อเพลิงราดบนกองไฟ ยิ่งพากันออกมารวมตัวประท้วงกันรุนแรงยิ่งขึ้นในบริเวณสวนสาธารณะไบร์ทตัน จุดเกิดเหตุ จนกลายเป็นความตึงเครียดเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นจลาจลขนาดย่อมๆตลอดคืนวันเสาร์
1
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว ถ้าอยากจะเปิดวอร์นัก ก็จัดให้ จึงได้สั่งการให้จัดส่งกองกำลังป้องกันประเทศมากกว่า 300 นายเข้าไปในเมืองชิคาโกทันที โดยไม่คิดจะถามความเห็นของนายกเทศมนตรี หรือ แม้แต่ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ อย่าง เจ.บี. พริตซ์เกอร์ ก่อนแต่อย่างใด
2
ด้าน คริสตี โนม รัฐมนตรีมหาดไทย ได้ออกมาปกป้องคำสั่งของทรัมป์ว่า ในเมื่อเมืองชิคาโก กลายเป็น "War Zone" ไปแล้ว การที่ประธานาธิบดีจำเป็นต้องส่งกองทหารฉุกเฉินเข้าไปปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุผล
1
นับเป็นอีกเมืองที่ทรัมป์ออกคำสั่งให้ส่งทหารของรัฐบาลกลางข้ามหน้าผู้ว่าการรัฐ ตั้งแต่พื้นที่ ดาวน์ทาวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองพอร์ทแลนด์ ที่รัฐโอเรกอน และว่าสุดที่เมืองชิคาโก ของอิลลินอยส์ ทั้งหมดล้วนเป็นพื้นที่ฐานเสียงอันแข็งแกร่งของเดโมแครต
1
เจ.บี. พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ออกมาโวยวายคำสั่งของทรัมป์ผ่านสื่อว่า พวกรีพับลิกันพยายามยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทำให้เกิดสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "พื้นที่สงคราม" จะได้อ้างเหตุผลที่จะนำทหารเข้ามาในเมือง ทั้งๆที่พวกเราไม่ต้องการ พวกกองทหารควรรีบออกไปให้เร็วที่สุด
จากผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันบางส่วน กว่า 58% เห็นว่าทรัมป์ไม่ควรส่งทหารเข้าไปในเมืองต่างๆ ข้ามหน้าผู้ว่าการรัฐ เพราะอาจจะทำให้กระแสต่อต้านบานปลายขึ้นได้
แต่ทรัมป์ก็คือทรัมป์ เขามองว่า นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นสงครามจากภายใน ที่ยังไม่ยอมจำนนต่ออำนาจรัฐ และได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ในเมืองพอร์ทแลนด์ โอเรกอนว่า
"พวกคุณดูสิ พอร์ตแลนด์กำลังลุกเป็นไฟ มีแต่พวกก่อการกบฎเต็มเมืองไปหมด" แถมทรัมป์ยังเรียกเมืองพอร์ตแลนด์ในตอนนี้ว่า เป็นที่เมืองที่ถูกทำลายโดยสงคราม
1
แต่ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นเมืองพอร์ตแลนด์ได้ยื่นฟ้องศาลรัฐบาลกลาง ให้ออกคำสั่งระงับการส่งกองกำลังทหารเข้าไปในเมืองเป็นการชั่วคราวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐโอเรกอนออกมาโจมตีคำสั่งของทรัมป์ว่า ไร้สาระ เพราะการประท้วงที่หน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท้องถิ่นรับมือได้ ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าเมืองพอร์ตแลนด์เป็นพื้นที่สงครามนั้น ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ซึ่งสิ่งที่เป็นภัยคุกคามของชาติมากกว่าการประท้วงของกลุ่มต่อต้านในเมืองก็คือ ความพยายามล้ำเส้นแบ่งระหว่างอำนาจของรัฐบาลกลางกับฝ่ายกลาโหม และการรุกล้ำอธิปไตยของรัฐบาลแห่งรัฐโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของผู้ว่าการรัฐต่างหาก
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับบรรยากาศบ้านเมืองอเมริกันในตอนนี้คือ ทรัมป์ใช้นิยามคำว่า "สงคราม" กับเหตุการณ์จลาจล ประท้วงภายในเมืองต่างๆของสหรัฐบ่อยมาก โดยเฉพาะในเขตรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต คำว่าสงครามก็จะมาถี่เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นใบเบิกทางในการเรียกใช้บริการกำลังทหารกองกลางได้
จะเห็นได้ว่า สหรัฐอเมริกาในสมัยทรัมป์ มีนโยบาย Retro ย้อนยุคหน่อยๆ เช่นการรวมศูนย์อำนาจ การต่อต้านคนต่างชาติ หรือ การเปลี่ยนสนามการเมืองกลับสู่สนามรบ
เพราะถ้าไม่รบ เมื่อไหร่จะสงบ - ว่าที่ผู้ชิงตำแหน่งโนเบลสาขาสันติภาพไม่ได้กล่าว🤭
2
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา