8 ต.ค. เวลา 10:14 • สุขภาพ

💨 เข้าใจ “สีหัวออกซิเจน Venturi แบบเดี่ยว” – เลือกให้ถูก เพื่อผู้ป่วยหายใจสบาย ปลอดภัยมากขึ้น

(อ้างอิงตามแนวทาง AARC 2021 Clinical Practice Guideline, WHO 2016, Egan’s Fundamentals of Respiratory Care 2020)
🩺 ทำไมเรื่อง “สีของหัวออกซิเจนแบบเดี่ยว” ถึงสำคัญ?
หลายคนอาจเคยเห็นหัวต่อออกซิเจนในโรงพยาบาลมีสีต่าง ๆ เช่น ฟ้า เหลือง เขียว หรือชมพู แล้วสงสัยว่า “ต่างกันยังไง?
ในความจริง หัวแต่ละสีไม่ได้เป็นแค่ของตกแต่ง แต่มีหน้าที่ “ควบคุมความเข้มข้นของออกซิเจน (FiO₂)” ที่ผู้ป่วยได้รับ เพื่อให้เหมาะกับสภาพร่างกายและโรคที่รักษาอยู่
ระบบนี้เรียกว่า Venturi System หรือ Air-Entrainment Oxygen Delivery — เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบให้ผสมออกซิเจนบริสุทธิ์กับอากาศภายนอกในสัดส่วนที่แม่นยำ ผ่านหลักการของ “Venturi effect” ที่อาศัยแรงดูดอากาศจากความเร็วของการไหล
🔬 หลักการทำงานของหัว Venturi
ออกซิเจนที่จ่ายเข้ามาจะพุ่งผ่านช่องแคบในหัวสี (Venturi port)
→ เกิดแรงดันต่ำ
→ ดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาผสม
→ ผู้ป่วยจึงได้รับออกซิเจนในความเข้มข้นที่ “คงที่” ตามที่กำหนดไว้บนหัว
ความเข้มข้นนี้เรียกว่า FiO₂ (Fraction of Inspired Oxygen)
ซึ่งแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 24%, 28%, 35% เป็นต้น
⚠️ ถ้าใช้ Flow สูงเกินสเปก จะเกิดอะไรขึ้น?
ตัวเลข “FiO₂” บนหัวถูกออกแบบให้ได้ผลแม่นยำเฉพาะที่อัตราการไหลที่แนะนำ เช่น
หัวเหลือง 28% → ใช้ 6 L/min
หากเปิดแรงกว่านี้ เช่น 8–10 L/min
FiO₂ จะเพิ่มเล็กน้อย (จาก 28 → ~30%)
แต่แรงดันในขวดน้ำ (humidifier) จะสูงขึ้น
ส่งผลให้ น้ำกระเด็นหรือล้น และระบบควบคุม FiO₂ ผิดเพี้ยนได้
ดังนั้น การปรับให้เหมาะสมควร เปลี่ยนหัวสี แทนการเพิ่ม Flow เกินสเปก
🌈ตารางหัวสี Venturi แบบเดี่ยว ตามมาตรฐานสากล
🩵หัวสีฟ้า (Blue) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 24% ใช้กับอัตราการไหล 4 L/min เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือผู้ที่ต้องควบคุมระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ CO₂ คั่ง
💛หัวสีเหลือง (Yellow) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 28% ใช้กับอัตราการไหล 6 L/min เป็นหัวที่ ใช้บ่อยที่สุดในหอผู้ป่วยทั่วไป เพราะให้ปริมาณออกซิเจนพอเหมาะ ปลอดภัย และควบคุมความเข้มข้นได้แม่นยำ
🤍หัวสีขาว (White) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 31% ใช้กับอัตราการไหล 8 L/min มักใช้ในผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับมาตรฐาน
💚หัวสีเขียว (Green) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 35% ใช้กับอัตราการไหล 10 L/min เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องออกซิเจน (hypoxemia) ระดับปานกลาง
💖หัวสีชมพู (Pink) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 40% ใช้กับอัตราการไหล 12 L/min มักใช้ในผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนเข้มข้นระดับสูง เช่น ภาวะปอดอักเสบหรือหลังผ่าตัดใหญ่
🧡หัวสีส้ม (Orange หรือ Red) ให้ความเข้มข้นของออกซิเจนประมาณ 60% ใช้กับอัตราการไหล 15 L/min เหมาะสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือผู้ป่วยที่มีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง ซึ่งต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดและใช้ร่วมกับระบบให้ความชื้นอย่างเหมาะสม
สรุป:
หัวแต่ละสีของระบบ Venturi ถูกออกแบบให้จ่ายออกซิเจนในความเข้มข้นที่แน่นอนตามอัตราการไหลที่ระบุ และโดยทั่วไป “หัวสีเหลือง 28%” ถือเป็นตัวเลือกพื้นฐานที่นิยมใช้มากที่สุดในโรงพยาบาลทั่วไป เพราะให้ปริมาณออกซิเจนเหมาะสม ปลอดภัย และดูแลรักษาง่าย
📵📵หัวออกซิเจน “สีเหลืองหมุนได้” อ่านยังไงกันแน่? 8 LPM คือกี่เปอร์เซ็นต์กันแน่?
หลายคนคงเคยเห็นหัวออกซิเจนสีเหลืองแบบหมุนได้ในหอผู้ป่วย แล้วสงสัยว่า
“หมุนไปที่ 8 LPM มันคือกี่เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจน (FiO₂) กันแน่?”
“หัวเหลืองไม่ใช่ 28% เหรอ ทำไมเขาบอก 35%?”
คำถามนี้ดีมากครับ เพราะหัวที่เห็นนั้น ไม่ใช่หัวสีเหลือง 28% แบบเดิมที่เปลี่ยนหัวทีละสี
แต่มันคือหัวแบบใหม่ที่เรียกว่า
Adjustable Oxygen Entrainment Adaptor
หรือ “หัว Venturi แบบหมุนปรับเปอร์เซ็นต์ได้”
🧠 หลักการของหัวแบบหมุนได้
หัวชนิดนี้รวมระบบควบคุมความเข้มข้นออกซิเจนไว้ในตัวเดียว
ผู้ใช้สามารถ “หมุนวงแหวน” เพื่อเลือกเปอร์เซ็นต์ออกซิเจน (FiO₂) ที่ต้องการได้ โดยระบบจะปรับขนาดช่องดูดอากาศอัตโนมัติ
ในแต่ละตำแหน่งของวงแหวนจะมี ตัวเลขสองชุด
• ตัวเลขบน = ความเข้มข้นของออกซิเจน (FiO₂ %)
• ตัวเลขล่าง = อัตราการไหล (L/min) ที่เหมาะสมกับค่านั้น
⚙️ การอ่านสเกลที่ถูกต้อง
ข้อมูลจากคู่มือผู้ผลิต (Healthgenic Technologies, REF O-100-1) ระบุว่าแต่ละตำแหน่งมีความสัมพันธ์ดังนี้
หมายความว่า ถ้าหมุนลูกศรให้ชี้ตรงกับ “8 LPM”
นั่นคือกำลังตั้งหัวให้ออกซิเจนที่ FiO₂ ≈ 31 %
ต้องเปิด flowmeter ที่ 8 ลิตรต่อนาที เพื่อให้ได้ค่าออกซิเจนตรงตามสเปก
💧 ทำไมถึงมีคนเข้าใจผิดว่า “8 LPM = 35%”
เพราะสเกลของหัวหมุนแบบนี้วางค่าตัวเลขใกล้กันมาก (28–31–35–40–60)
เมื่อมองผ่านตาเปล่าจะเห็นว่าช่อง “8 LPM” อยู่ใกล้คำว่า “35%”
แต่ถ้าเรียงตามลำดับจริง 8 LPM จะอยู่ใต้ 31 % ครับ
หากเปิด flowmeter สูงกว่าค่าที่หัวระบุ (เช่น หมุนไว้ที่ 31% แต่เปิด 10 L/min)
ระบบจะเกิดแรงดันสูง → ฟองอากาศแรง → น้ำในขวด humidifier อาจกระเด็นหรือล้นได้
🩺 วิธีใช้อย่างถูกต้อง
1. หมุนหัวให้ “ลูกศร” ชี้ตรงกับเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ
2. ตั้ง flowmeter ตามค่าที่สเกลระบุ (อย่ามากหรือน้อยกว่านั้น)
เช่น ต้องการ 35 %
→ หมุนจน “ตัวเลข 35 %” อยู่ตรงกับ “ลูกศร ▲”
→ ใต้เลข 35 % จะมีคำว่า 10 L/min
แปลว่าให้ตั้ง Flowmeter ที่ 10 ลิตรต่อนาที
หากต้องการ 28 % → หมุนลูกศรไปตรงเลข 28 % แล้วเปิด 6 L/min
หากต้องการ 31 % → หมุนลูกศรไปตรงเลข 31 % แล้วเปิด 8 L/min
3. ตรวจระดับน้ำในขวดไม่เกิน ⅔ ของขวด
4. หากต้องการ FiO₂ มากขึ้น ให้ “หมุนเพิ่มเปอร์เซ็นต์” ไม่ใช่ “เพิ่ม flow เอง”
💧 แล้ว “ถุงน้ำ AquaFlo” หรือขวดน้ำเพิ่มความชื้นมีผลไหม?
คำตอบคือ “มีผลต่อแรงดัน”
ขวดน้ำที่ไม่เข้ารุ่นกับหัว Venturi อาจมีช่องทางออกแคบหรือ vent ไม่พอดี
→ เกิดแรงดันย้อนกลับ
→ ทำให้ FiO₂ ที่จ่ายจริงสูงขึ้นกว่าที่ควร และน้ำล้นง่ายขึ้น
หากใช้ระบบ AquaFlo 650 mL + หัว Venturi REF 0-100-1 ที่ออกแบบมาคู่กัน จะได้แรงดันคงที่และปลอดภัยกว่า
🧠 สรุปสำหรับบุคลากรและผู้ดูแล
เริ่มต้นให้ O₂ แบบ Venturi mask ควรเลือก หัวเหลือง (28%) เป็นพื้นฐาน
ปรับขึ้น-ลงตามอาการและค่า SpO₂ ของผู้ป่วย
หลีกเลี่ยงการเปิด Flow เกินสเปก
ตรวจสอบระดับน้ำในขวดไม่เกิน ⅔ ของความจุ
ใช้ถุงน้ำหรือขวดที่ “เข้ารุ่นกับอะแดปเตอร์” เท่านั้น
📚 เอกสารอ้างอิง
American Association for Respiratory Care (AARC). Oxygen Therapy for Adults in the Acute Care Facility: Clinical Practice Guideline. Respir Care. 2021;66(8):1213–1220.
Hess DR. Egan’s Fundamentals of Respiratory Care. 12th ed. Elsevier; 2020.
World Health Organization. Oxygen Therapy for Children: Clinical Use of Oxygen in Hospitals. WHO Press; 2016.
บทสรุป:
การเข้าใจ “สีของหัว Venturi” คือพื้นฐานของการให้ออกซิเจนอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หัวสีเหลือง (28%) คือหัวที่ใช้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยทั่วไป
หากต้องการเพิ่มออกซิเจน ควรเปลี่ยนหัวสี ไม่ใช่เพิ่มความแรงของออกซิเจนครับ 💛
โฆษณา