9 ต.ค. เวลา 09:15 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 35 ประชันบทกลอน

ระหว่างสามพี่น้อง หยิงชุน ทั่นชุน ซีชุน ต้องนับว่าทั่นชุนนั้นโดดเด่นเป็นที่สุด กระนั้นก็ยังมิอาจเปรียบกับเซวียเป่าไช หลินไต้วี่ ทั้งสามก็จำต้องเข้าร่วมด้วย หลี่หวานต้องฝืนแต่งแข่งด้วยคน พระสนมทรงอ่านบทกลอนที่พวกน้องเขียนส่งมาให้ดังนี้
หยิงชุน 迎春
ป้าย “เบิกบานแจ่มใส 旷性怡情 (ค่วงซิ่งหยีฉิง)”
园成景物特精奇,奉命羞题额旷怡。
谁信世间有此境,游来宁不畅神思?
ทัศนียภาพอุทยานตระการตา
เขินรับบัญชามาชมป้ายแจ่มใส
ใครคิดบ้างแผ่นดินช่างงามไฉไล
ท่องเที่ยวไปจิตแจ่มใสใจเบิกบาน
ทั่นชุน 探春
ป้าย “สรรพสิ่งเฉิดฉัน 万象争辉 (ว่านเสี้ยงเจิงฮุย)”
名园筑就势巍巍,奉命多惭学浅微。
精妙一时言不尽,果然万物有光辉。
 
อุทยานลือนามสำเร็จลงงามสง่า
อายรับบัญชามาแสดงความรู้ต่ำ
งามเลอเลิศล้นพ้นจนถ้อยคำ
สมจำนรรสรรพสิ่งช่างเฉิดฉัน
ซีชุน 惜春
ป้าย “วรรณศิลป์เสกสรร 文章造化 (เหวินจางเจ้าฮว่า)”
山水横拖千里外,楼台高起五云中。
园修日月光辉里,景夺文章造化功。
ทิวผาวารีพันลี้แลลิบลับ
ห้องหับหอสูงเสียดเวหา
สวนวิไลภายใต้ตะวันจันทรา
เนรมิตมาตามวรรณศิลป์เสกสรร
หลี่หวาน 李纨
ป้าย “เสน่หารจนา 文采风流 (เหวินไฉ่เฟิงหลิว )”
秀水明山抱复回,风流文采胜蓬莱。
绿裁歌扇迷芳草,红衬湘裙舞落梅。
珠玉自应传盛世,神仙何幸下瑶台!
名园一自邀游赏,未许凡人到此来。
เขางามน้ำใสตระกองตระการตา
เสน่หารจนากว่าเผิงไหล
หญ้าเขียวหอมระบำพัดระบัดใบ
เหมยแดงร่วงใช่กระโปรงเริงร่อนฟ้อน
หยกมณีควรค่าคู่โลกา
เซียนเทวาจากเหยาไถมาพักผ่อน
ทอดทัศนาอุทยานนามขจร
คนเดินดอนดาดดื่นมิดุ่มเดิน
(เกาะเผิงไหล 蓬莱 เกาะที่อยู่เซียน)
(เหยาไถ 瑶台 ที่พำนักเซียน)
เซวียเป่าไช 薛宝钗
ป้าย “ศิริมงคล 凝晖钟瑞 (หนิงฮุยจงยุ่ย)”
芳园筑向帝城西,华日祥云笼罩奇。
高柳喜迁莺出谷,修篁时待凤来仪。
文风已著宸游夕,孝化应隆归省时。
睿藻仙才瞻仰处,自惭何敢再为辞?
อุทยานสถิตทิศประจิมวังราชัน
แจ่มตะวันเจิดเมฆาค่าสูงส่ง
หลิ่วลิ่วล้ำนำสกุณาจากหุบดง
ไผ่ระหงรอหงสายาตราเยือน
ราตรีประพาสทรงสำแดงศิลปศาสตร์
วันเยี่ยมญาติกตัญญุตาหาใดเหมือน
สุดชื่นชมพระนิพนธ์ครามาเยือน
เวทนาตนแชเชือนด้อยอักษรา
หลินไต้วี่ 林黛玉
ป้าย “แดนเซียนพ้นโลก 世外仙源 (สื้อไว่เซียนหยวน)”
名园筑何处,仙境别红尘。  
借得山川秀,添来气象新。  
香融金谷酒,花媚玉堂人。  
何幸邀恩宠,宫车过往频。
อุทยานนามก้องหูอยู่หนไหน
อยู่ในแดนเทวาใช่โลกหล้า
ขุนเขาสายน้ำงามโสภา
เสริมบรรยากาศวิลาศสุนทรี
หอมสุราหุบผาทองฉลองเฉลิม
มวลมาลีเสริมเจ้าจอมทรงราศี
เป็นวาสนากรุณาหมู่ข้านี้
ราชยานไปมาถี่มิขาดสาย
(สุราหุบผาทอง 金谷酒 งานเลี้ยงในอุทยานจินกู่ 金谷园 อันเลื่องชื่อจัดโดยสือฉงสมัยจิ้น 晋代石崇家 สื่อความหมายถึงงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่)
เจ้าจอมหยวนอ่านจบ ทรงชมมิขาดปาก ยิ้มแล้วว่า
“น้องเซวียและหลินทั้งสองโดดเด่นเหนือกว่าผองพี่น้อง”
อันที่จริงไต้วี่แอบหวังว่าจะได้แสดงความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นในคืนนี้ แต่เจ้าจอมกลับจำกัดให้เขียนได้เพียงคนละป้าย จึงได้แต่แต่งกลอนห้าแบบขอไปที
เป่าวี่รับเขียนสี่ป้าย เพิ่งเขียน “เรือนเซียวเซียง” กับ “ลานขิงหอม” เสร็จไปสองป้าย กำลังเขียนถึง “ลานชื่นแดง” อยู่ เริ่มวรรคแรกว่า “หยกเขียวม้วนยอดคราวสันต์”
เป่าไชชำเลืองมาเห็นเข้า อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกต ศอกสะกิดบอกว่า
“กุ้ยเฟยไม่ชอบคำว่า “หอมแดงหยกเขียว” แก้เป็น “ชื่นแดงชมเขียว” เจ้ายังใช้ “หยกเขียว” มิแย้งท่านหรอกหรือ คำแทนต้นกล้วยยังมีอีกมาก ลองคิดใหม่ดู”
พอเป่าไชทักเข้า เป่าวี่ปาดเหงื่อว่า “ตอนนี้ข้านึกไม่ออกว่าจะใช้คำใดแทน”
เป่าไชยิ้มว่า “คำว่า หยกเขียว เจ้าก็เปลี่ยน หยก 玉 เป็น ไข 蜡 แทนสิ”
เป่าวี่ว่า “ใช้ “ไขเขียว 绿蜡” มีที่มาหรือ”
เป่าไชผงกหัวยิ้มว่า “คืนนี้เจ้าเป็นอะไร กระทั่ง “เจ้าเฉียนซุนหลี่ 赵钱孙李 (วรรคแรกของกลอนร้อยแซ่)” ก็ยังลืม บทกลอนเรื่องต้นกล้วย ของหานยี่ 韩翊 สมัยถัง ขึ้นวรรคแรกว่า “เทียนเย็นไร้ควันด้วยทำจากไขเขียว 冷烛无烟绿蜡干” จำไม่ได้หรือ”
เป่าวี่ได้ฟัง สมองพลันแล่น ยิ้มว่า “ควรตาย ควรตาย คำสำเร็จรูปอยู่ตรงหน้ากลับไม่เห็น พี่สาวเป็น “ครูคำเดียว 一字师” โดยแท้ ต่อไปต้องเรียกว่า อาจารย์ ไม่เรียกว่าพี่สาวแล้ว”
เป่าไชยิ้มว่า “ยังไม่รีบแต่งต่ออีก พี่สาวน้องสาวอยู่นั่นแหละ ใครเป็นพี่สาวเจ้า สวมชุดเหลืองเป็นประธานนั่นต่างหาก พี่สาวเจ้า”
พูดหยอกจบ ก็เดินจากไปด้วยเกรงว่าจะถ่วงให้เสียเวลา
เป่าวี่แต่งต่อจนจบไปสามป้าย ไต้วี่กำลังหงุดหงิดด้วยอดแสดงภูมิ เห็นเป่าวี่แต่งกลอนลำบากลำบน เดินมาข้างโต๊ะ เห็นเป่าวี่ยังขาดบท “ธงสุราม่านดอกซิ่ง” อยู่ จึงบอกให้เป่าวี่คัดลอกสามบทแรกให้เรียบร้อย ส่วนตนเองแต่งอีกบทใส่กระดาษขยำเป็นก้อนกลมโยนมาให้ เป่าวี่คลี่ออกดูเห็นว่าดีกว่าที่ตนแต่งถึงสิบเท่า จึงลอกใส่จนครบแล้วนำขึ้นถวาย เจ้าจอมหยวนรับมาอ่าน
เป่าวี่ 宝玉
ป้าย “หงสายุรยาตร 有凤来仪 (อิ่วเฟิ่งไหลหยี)”
秀玉初成实,堪宜待凤凰。  
竿竿青欲滴,个个绿生凉;  
迸砌防阶水,穿帘碍鼎香。  
莫摇分碎影,好梦正初长。
กอไผ่หยกออกผลช่างยากเย็น
พญาหงส์ใช้เป็นกระยาหารเลิศรส
แต่ละลำไผ่เขียวเข้มงามย้อยหยด
แต่ละใบไผ่เขียวสดให้ร่มเงา
กอไผ่ก่อเป็นแนวกันน้ำไหล
ม่านใบไผ่บังควันเครื่องหอมเผา
อย่าโยกไหวไผ่ให้โยกเขย่า
ด้วยเพิ่งเข้าสู่สุขานิทรารมณ์
(ผลไผ่ 竹实 ไผ่ออกผลยากพอกับออกดอก จึงเหมาะให้พญาหงส์มาเยือนหาอาหาร)
ป้าย “เหิงจื่อระรื่น 蘅芷清芬 (เหิงจื่อชิงเฟิน)”
蘅芜满净苑,萝薜助芬芳。  
软衬三春草,柔拖一缕香。  
轻烟迷曲径,冷翠滴回廊。  
谁咏池塘曲?谢家幽梦长。
เหิงหวูหอมสดชื่นระรื่นสวน
หลอปี้ยวนเย้าเสริมให้ใสสด
ยามวสันต์เถาไม้เลื้อยเลี้ยวลด
สุคนธรสเฟื่องฟุ้งจรุงฤดี
ดุจควันจางตลบอบอวลทาง
หยาดน้ำค้างจับตามระเบียงวิถี
ใครขับขาน“ฉือถัง”บทกวี
ที่ท่านเจี่ยพรรณนาพาเฝ้าฝัน
(บทกวี “ฉือถัง” ของท่านเจี่ย คือ “池塘生春草 (ฉือถังเซิงชุนเฉ่า) หญ้าวสันต์ขึ้นรอบสระ” ของกวี เจี่ยหลิงวิ่น 谢灵运 แห่งราชวงศ์ใต้ 南朝 สมัยแผ่นดินแบ่งเป็นเหนือใต้)
ป้าย “ชื่นแดงชมเขียว 怡红快绿 (หยีหงไคว่ลวี่)”
深庭长日静,两两出婵娟。  
绿蜡春犹卷,红妆夜未眠。  
凭栏垂绛袖,倚石护清烟。  
对立东风里,主人应解怜。
ลานร่มครึ้มตลอดวันอันร่มเย็น
กล้วยไห่ถังเป็นคู่ดูสง่า
ไขเขียววสันต์พันม้วนอร่ามตา
แดงกานดาราตรีมิหลับนอน
ทิ้งแขนเสื้อห้อยลงพิงกรงอยู่
ตองพิงผาดูดังคลุมคุ้มสิงขร
ยืนเคียงคู่อยู่กลางลมบูรพาอ่อน
ดังเว้าวอนเจ้าของเรือนให้อุ้มชู
ป้าย “ธงสุราม่านดอกซิ่ง 杏帘在望 (ซิ่งเหลียนไจ้ว่าง)”
杏帘招客饮,在望有山庄。  
菱荇鹅儿水,桑榆燕子梁。  
一畦春韭熟,十全稻花香。  
盛世无饥馁,何须耕织忙。
ม่านดอกซิ่งเชิญแขกดื่มสุรา
มองตรงหน้าแลเห็นตัวหมู่บ้าน
ฝูงห่านลอยกลางดงดอกกระจับบาน
นางแอ่นวุ่นงานสร้างรังกิ่งหม่อน
แปลงกุยช่ายกลางวสันต์เขียวสดใส
นารวงข้าวลู่ลมไล้หอมขจร
พืชผลอุดมมิโหยหิวทุกข์ร้อน
มิจำว่อนวุ่นนาหนักหรือถักทอ
(望 แปลว่า “มอง” และเป็นศัพท์เฉพาะหมายถึง “ม่านหรือธงร้านเหล้า 酒望子”)
เจ้าจอมหยวนอ่านจบ ชอบใจยิ่งนักว่า
“ก้าวหน้าขึ้นมากจริง”
แล้วชี้ว่าบท “ม่านดอกซิ่ง 杏帘” นี้ดีที่สุดในสี่บท จึงให้เปลี่ยนชื่อ “หมู่บ้านกุลสตรี 浣葛山庄” ใหม่อีกครั้งเป็น “บ้านข้าวหอม 稻香村”
กุ้ยเฟยให้ทั่นชุนคัดลอกบทกวีทั้งสิบลงบนผืนแพรปัก ให้ขันทีส่งออกไปนอกห้อง พวกเจี่ยเจิ้งเห็นบทกวีแล้วต่างชมมิขาดปาก เจี่ยเจิ้งส่ง 《บทสดุดีเยี่ยมญาติ 归省颂》เข้ามาถวาย กุ้ยเฟยประทานเนื้อปลาและอาหารหายากแก่เป่าวี่และเจี่ยหลาน 贾兰 แม้เจี่ยหลานยังเล็กไม่เดียงสา ได้แต่ทำตามแม่และอาไปตามประเพณี
เจี่ยเฉียงพาคณะงิ้วสตรีมารออยู่ชั้นล่าง ขันทีรีบลงมาแจ้งว่า
“ประชันบทกวีเสร็จแล้ว รีบนำรายการแสดงมาดู”
เจี่ยเฉียงถวายรายการแสดงและรายนามนักแสดงทั้งสิบสองคน สักพัก ก็ทรงเลือกการแสดงมาสี่ชุด ชุดที่หนึ่ง 《งานเลี้ยงใหญ่ 豪宴》 ชุดที่สอง 《รักรันทด 乞巧》 ชุดที่สาม 《เซียนลิขิต 仙缘》 ชุดที่สี่ 《พรากวิญญาณ 离魂》
เจี่ยเฉียงรีบจัดเตรียมการแสดง การแสดงแต่ละชุดทั้งดนตรีและลีลา พาผู้ชมสุขทุกข์ไปกับการแสดง จบการแสดง ขันทีผู้หนึ่งนำถาดทองใส่เครื่องของหวานมาถามหา
“ผู้ใดคือ หลิงกวน 龄官”
เจี่ยเฉียงรู้ว่าคือของประทานให้ จึงรีบรับแล้วให้หลิงกวนมาคารวะ
ขันทีว่า “หลิงกวนแสดงได้ดีเยี่ยม ให้จัดแสดงอีกสองชุด ไม่จำกัดเรื่อง”
เจี่ยเฉียงตอบรับ แล้วสั่งให้เตรียมการแสดงชุด 《ชมสวน 游园》《สะดุ้งฝัน 惊梦》 หลิงกวนแย้งว่า ทั้งสองชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่เธอรับบทตามปกติ จึงขอเปลี่ยนเป็นชุด 《นัดพบ 相约》และ《วิวาท 相骂》 แทน เจี่ยเฉียงจำต้องคล้อยตาม
กุ้ยเฟยทรงพอพระทัยการแสดง ตรัสว่า “อย่าทำให้เด็กผู้นี้ได้ยาก และหมั่นฝึกในให้จงดี” แล้วทรงประทานรางวัลต่างหากเป็นผ้าไหมสองพับ ถุงเงินสองใบ ทองและเงินแท่ง
กุ้ยเฟยทรงให้เลิกงานเลี้ยง แล้วออกท่องอุทยานยังจุดที่ยังไม่ได้ชม จนมาถึงวัดพุทธแห่งหนึ่งล้อมรอบด้วยทิวเขา จึงล้างพระหัตถ์แล้วเข้าไปไหว้พระ พร้อมทั้งทรงประทานป้ายตั้งชื่อว่า “นาวาฝ่าทะเลทุกข์ 苦海慈航” และทรง รางวัลแก่เหล่าแม่ชี
ต่อมา ขันทีมาคุกเข่ารายงานว่า “สิ่งของประทานจัดเตรียมไว้พร้อม ขอเชิญทรงตรวจสอบ” แล้วถวายรายการ เจ้าจอมเห็นแล้วไม่ว่ากระไร ให้จัดการไปตามนั้น ขันทีรับมาจ่ายตามรายการ
แม่เฒ่าเจี่ยได้รับหยูอี้ทองและหยกอย่างละแท่ง ไม้เท้าจากไม้กฤษณา ลูกประคำสวดมนต์ไม้หอมหนึ่งสาย ผ้าต่วน “富贵长春 ทรัพย์เกียรติอนันต์” จากในวังสี่พับ ผ้าไหม “福寿长春 โชคอายุอนันต์” จากในวังสี่พับ ทองก้อนอักษร “笔锭如意 จารึกให้สมหวัง” สิบก้อน เงินก้อนอักษร “吉庆有余 อุดมพรสุข” สิบก้อน
หวางฮูหยิน สิงฮูหยินต่างได้รับสี่อย่างข้างต้น ขาดหยูอี้ ไม้เท้า ลูกประคำ
เจี่ยจิ้ง เจี่ยเส้อ เจี่ยเจิ้งต่างได้รับพระราชนิพนธ์ใหม่ (ของฮ่องเต้) สองเล่ม หมึกสองหีบ จอกทองและเงินอย่างละคู่ และสี่รายการเช่นสิงฮูหยินข้างต้น
เป่าไช ไต้วี่ และพวกพี่น้องสาว ต่างได้รับพระราชนิพนธ์ใหม่หนึ่งเล่ม แท่นหมึกหนึ่งแท่น ทองก้อนเงินก้อนในรูปแบบใหม่สองคู่
เป่าวี่ เจี่ยหลาน ได้รับสร้อยคอทองและเงินสองชิ้น ทองก้อนเงินก้อนสองคู่
นางอิ๋วสื้อ หลี่หวาน พี่เฟิ่ง ต่างได้รับทองก้อนเงินก้อนรวมสี่ก้อน เสื้อผ้าพระราชทานสี่ชุด
นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าพระราชทานยี่สิบสี่ชุด เงินห้าร้อยพวง ให้พวกแม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยิน และพวกพี่น้องสตรีนำไปแจกจ่ายให้เหล่าแม่นมและสาวใช้
เจี่ยเจิน เจี่ยเหลียน เจี่ยหวน เจี่ยหยงต่างได้รับเสื้อผ้าพระราชทานหนึ่งชุด ทองก้อนเงินก้อนหนึ่งคู่
ยังมีผ้าต่วนหนึ่งร้อยพับ เงินขาวหนึ่งพันตำลึง สุราพระราชทานหลายขวด สำหรับพวกบ่าวไพร่ชายในจวนออกตก และเงินห้าร้อยพวงสำหรับพวกคนครัว นักดนตรี นักแสดง และเบ็ดเตล็ด
ทุกคนคารวะขอบพระทัย จากนั้นขันทีแจ้งว่า
“ได้เวลาโฉ่วตรงสามเค่อ 丑正三刻 (02:00 น.) ขอเชิญเสด็จกลับวัง”
เจ้าจอมหยวนอดไม่ได้ทรงกันแสงอีก ทรงฝืนยิ้มกุมมือแม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยินไม่ยอมปล่อย ตรัสว่า
“อย่าได้กังวล รักษาตัวจงดี บัดนี้ทรงพระกรุณาให้เข้าไปเยี่ยมในวังได้เดือนละครั้ง ทำให้พบหน้ากันง่ายขึ้น จะเศร้าโศกไปใย หากปีหน้ามีพระราชานุญาตให้เยี่ยมญาติได้อีก ก็ขออย่าได้ฟุ่มเฟือยเช่นครานี้”
พวกแม่เฒ่าเจี่ยได้แต่ร้องไห้จุกคอหอยพูดอะไรไม่ออก เจ้าจอมหยวนแม้ไม่อาจตัดใจ แต่ไม่อาจขัดกฎราชสำนัก จำขึ้นเกี้ยวทองกลับวังไป ทางแม่เฒ่าเจี่ย หวางฮูหยิน ต้องช่วยกันประคองให้กลับออกมาจากอุทยาน
(จบบทที่สิบแปด)
เจ้าจอมเจี่ยเสด็จกลับถึงวัง เข้าเฝ้าขอบพระทัยฮ่องเต้ในวันรุ่งขึ้น กราบทูลเรื่องราวการเยี่ยมญาติ ฮ่องเต้ทรงพอพระทัย พระราชทานรางวัลเพิ่มเติมให้แก่เจี่ยเจิ้งและพวก
ตอนก่อนหน้า : สุทัศนอุทยาน
ตอนถัดไป : บ้านสีเหยิน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา