Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
16 ต.ค. เวลา 09:41 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 37 เงื่อนไขสามข้อ
สักพัก เป่าวี่กลับมาถึงเรือน สั่งคนให้ไปรับสีเหยินกลับ เป่าวี่เห็นฉิงเหวิน 晴雯 นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง จึงถามว่า
“นางป่วยหรือ หรือว่าเล่นเสีย”
ชิวเหวิน 秋纹 ว่า “นางน่ะเล่นได้ แต่พอหลี่หม่อมอมาจุ้นจ้านเลยเสีย นางโกรธจึงไปเข้านอน”
เป่าวี่หัวเราะว่า “พวกเจ้าก็อย่าไปตอแยนาง”
สีเหยินมาพอดี พอพบหน้ากัน สีเหยินก็ถามว่าเป่าวี่ไปกินข้าวที่ไหน กลับมาตอนไหน แล้วก็ฝากความคิดถึงของแม่และน้องมาให้พวกน้องน้องร่วมงาน แล้วไปผัดชุดใหม่
เป่าวี่สั่งให้นำนมเปรี้ยวมา พวกสาวใช้ว่า
“แม่นมหลี่กินไปหมดแล้ว”
เป่าวี่ขยับจะพูด สีเหยินรีบหัวเราะว่า
“ที่เก็บไว้ให้ข้าคือสิ่งนี้เอง ต้องขอขอบคุณท่าน ก่อนนี้ข้าเห็นว่าอร่อย เลยกินมากไปจนปวดท้อง ต้องอาเจียนออกมา นางกินไปก็ดีแล้ว ทิ้งเอาไว้เสียของเปล่า ข้าอยากกินลูกเกาลัดตากแห้ง ท่านช่วยแกะเปลือกให้ที ข้าจะไปปูเตียง”
เป่าวี่คิดว่านางพูดจริง จึงลืมเรื่องนมเปรี้ยวไป เอาเกาลัดมาแกะใต้แสงโคม เห็นในห้องไม่มีใคร จึงยิ้มถามสีเหยินว่า
“วันนี้ คนที่สวมชุดแดงเป็นอะไรกับเจ้า”
สีเหยินว่า “สองคนนั่นเป็นพี่สาวข้างน้า”
เป่าวี่ฟังจบเอ่ยชมแล้วถอนหายใจ
สีเหยินว่า “ถอนหายใจทำไม ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไร ท่านคงอยากบอกว่า นางไม่เหมาะกับชุดแดง”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ไม่ใช่ไม่ใช่ อย่างนางหากไม่เหมาะกับชุดแดง แล้วใครเล่าเหมาะ ข้าเพียงคิดว่า นางดูดี หากนางมาอยู่บ้านเราคงดี”
สีเหยินยิ้มหยันว่า “ข้าเป็นคนใช้คนเดียวก็พอแล้ว หรือว่าพวกญาติของข้าต้องพามาเป็นคนใช้ให้หมด และต้องเลือกมาเป็นคนใช้ที่บ้านท่าน”
เป่าวี่รีบยิ้มว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าบอกว่ามาบ้านข้า ใช่ว่าต้องมาเป็นคนใช้ เป็นญาติไม่ได้หรือไร”
สีเหยินว่า “เช่นนั้นยิ่งไม่คู่ควร”
เป่าวี่จึงไม่พูดอะไร ตั้งหน้าแกะเกาลัดไป สีเหยินหัวเราะว่า
“ทำไมไม่พูดเล่า คิดว่าข้าคงพูดอะไรผิดไป พรุ่งนี้ท่านก็หว่านเงินไม่กี่ตำลึงซื้อพวกนางมาก็ได้แล้ว”
เป่าวี่ยิ้มว่า “เจ้าพูดอย่างนั้นจะให้ข้าตอบอย่างไร ข้าเพียงชมว่านางสวยสมควรอยู่ในเรือนใหญ่ แทนที่จะเป็นพวกสามัญอย่างข้าที่นี่”
สีเหยินว่า “ถึงนางจะไม่ได้มีโชคเช่นนั้น นางก็ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นแก้วตาดวงใจของท่านน้าชายและน้าหญิง ตอนนี้อายุสิบเจ็ด จะแต่งงานปีหน้า ข้าวของทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้หมดแล้ว”
เป่าวี่ได้ยินคำว่า “แต่งงาน” อดไม่ได้ต้องออกอุทานเสียดายออกมา ไม่ทันไร สีเหยินก็ถอนหายใจว่า
“หลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้เจอหน้าน้องน้อง พอจะกลับไปอยู่บ้าน พวกเขาก็ไปกันหมด”
เป่าวี่เอะใจในคำพูด สะดุ้งจนโยนเกาลัดทิ้ง ถามว่า “อย่างไร เจ้าจะกลับไปอยู่บ้าน”
สีเหยินว่า “เที่ยวนี้ ข้าได้ยินแม่กับพี่หารือกันว่า ให้ข้าอดทนอีกปี ปีหน้าพวกเขาจะมาไถ่ตัวข้าออกไป”
เป่าวี่ฟังแล้วยิ่งว้าวุ่นว่า “ทำไมต้องมาไถ่ตัว”
สีเหยินว่า “ถามแปลก ข้าไม่ใช่ลูกหลานบ้านนี้ ครอบครัวข้าอยู่ข้างนอก มีเฉพาะข้าอยู่ที่นี่ จะอยู่ตลอดไปได้อย่างไร”
เป่าวี่ว่า “ข้าไม่ให้เจ้าไป เจ้าก็ไปไม่ได้”
สีเหยินว่า “ไม่เคยมีเหตุผลนี้ แม้แต่ในวังยังมีกฎ คัดเลือกมาอยู่กี่ปี ปล่อยกลับในกี่ปี ไม่ได้ให้อยู่ตลอดไป อย่าว่าแต่บ้านท่าน”
เป่าวี่ตรองดูแล้วมีเหตุผลจึงว่า “ท่านย่าคงไม่ปล่อยเจ้าไป”
สีเหยินว่า “ทำไมถึงไม่ปล่อยเล่า หากข้าเป็นคนเก่งหายาก หรือทำให้เหล่าไท่ไท่หวั่นไหว ท่านคงไม่ยอมปล่อยข้าไป คงให้เงินทางบ้านข้าอีกหลายตำลึงรั้งตัวข้าไว้ แต่ที่จริงข้าเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ มีคนดีกว่าข้าอีกมากนัก
ข้าอยู่กับเหล่าไท่ไท่มาตั้งแต่เล็ก รับใช้ท่านอาหญิงสื่ออยู่หลายปี มารับใช้ท่านอีกหลายปี ทางบ้านจะมาไถ่ตัวข้าก็สมควรอยู่ ถึงเวลาท่านอาจเมตตาปล่อยข้าไปโดยไม่ต้องเสียเงินไถ่ด้วยซ้ำ จะว่าข้ารับใช้ท่านดีจึงไม่ให้ข้าไป ก็คงไม่ใช่เหตุผล การรับใช้อย่างดีเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ข้าไปแล้วก็มีคนใหม่มาแทน ใช่ว่าจะขาดข้าเสียไม่ได้”
เป่าวี่ฟังแล้วมีแต่ว่าไปไม่มีว่าอยู่ ยิ่งร้อนใจว่า
“ถึงจะว่าอย่างนั้น ข้าก็อยากจะรั้งเจ้าไว้ ข้าไม่เชื่อว่าท่านย่าจะไม่เรียกแม่เจ้ามาถามว่า ต้องจ่ายเงินให้อีกมากเท่าไร นางจึงไม่มีข้ออ้างรับเจ้ากลับ”
สีเหยินว่า “แม่ข้าย่อมไม่กล้าขัด อย่าว่าแต่บอกกันดีดีว่าจะให้เงิน ถึงไม่บอกดีดี แดงเดียวก็ไม่ให้ จะรั้งตัวข้าไว้ให้ได้ นางก็ไม่กล้าขัด แต่ว่าจวนเรานี่ไม่เคยวางอำนาจบาตรใหญ่ทำเรื่องเช่นนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งของที่พอท่านชอบก็จ่ายเงินเพิ่มเป็นสิบเท่าซื้อเอาให้ได้ ต้องไม่ให้ทางผู้ขายเดือดร้อนด้วยจึงตกลงกันได้ แต่นี่ไม่มีเหตุผลอันใด รั้งข้าไว้ก็ไม่เป็นประโยชน์ กลับทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขต้องพรากจากกัน เรื่องเช่นนี้ เหล่าไท่ไท่คงไม่ทำ”
เป่าวี่ฟังแล้วตรองอยู่ค่อนวันจึงว่า “เจ้าพูดไปพูดมา อย่างไรก็ต้องไป”
สีเหยินว่า “ไปแน่”
เป่าวี่ฟังแล้วคิดในใจว่า “ใครรู้ได้ คนอย่างนางช่างไร้น้ำใจนัก”
แล้วถอนหายใจว่า
“รู้แต่แรกว่าต้องไป ก็ไม่น่ารับเจ้ามาไว้แต่แรก ใกล้ถึงเวลาที่ข้าจะต้องเป็นผีอ้างว้าง”
แล้วงอนเข้านอนไป
อันที่จริง ตอนที่สีเหยินกลับบ้านไปได้ยินแม่กับพี่ชายบอกว่าจะไถ่ตัวนางกลับ นางบอกว่า
“ให้ตายข้าก็ไม่กลับ”
และพูดต่อว่า
“เมื่อก่อน ตอนที่พวกท่านไม่มีข้าวจะกิน เหลือข้าพอขายได้หลายตำลึง ข้าบอกให้พวกท่านขายข้า เพราะทนเห็นพวกท่านอดตายไม่ได้ โชคดีที่ขายมาที่นี่ กินอยู่เหมือนกับลูกท่าน ไม่เคยเช้าตีเย็นด่า ตอนนี้พ่อเสียไปแล้ว พวกท่านจัดการบ้านได้เรียบร้อยกลับสู่ฐานะเดิม หากยังลำบากอยู่ พวกท่านจะไถ่ตัวข้ามาขายใหม่ได้เงินเพิ่ม ยังพอทำเนา แต่นี่ก็ไม่ลำบาก จะไถ่ตัวข้ามาทำไม คิดเสียว่าข้าตายไปแล้ว อย่าคิดมาไถ่ตัวข้าอีกเลย”
ว่าแล้วก็ร้องไห้ยกใหญ่ แม่กับพี่ชายเห็นนางยืนกรานไม่ยอมกลับ อีกทั้งสัญญาขายตัวนั้นแต่แรกก็เป็นสัญญาขายขาด 死契 เพียงคิดว่าสกุลเจี่ยนั้นมีใจกรุณา หากไปขอร้องอาจยินยอม แม้แต่เงินค่าตัวก็ยังเคยมียกให้
อีกข้อคือจวนเจี่ยไม่เคยเหยียบย่ำคน ใช้พระคุณมากกว่าพระเดช เด็กสาวที่คอยรับใช้ตามห้องนายสาวหรือผู้เฒ่าได้รับการดูแลดีกว่าบ้านทั่วไป ยิ่งมาเห็นความสัมพันธ์ของเป่าวี่และสีเหยินตอนที่เป่าวี่เผอิญมาเยี่ยมบ้าน ทั้งแม่และพี่ชายจึงวางใจ ล้มเลิกความคิดที่จะมาขอไถ่ตัวนาง
ทางด้านสีเหยินเองแต่เล็กมาก็เห็นเป่าวี่ซุกซน นิสัยแปลกประหลาดกว่าเด็กทั่วไปนับร้อยพันเรื่อง ยิ่งพักหลังท่านย่าพะเน้าพะนอ จนท่านพ่อท่านแม่ไม่อาจเข้มงวดกวดขันได้เต็มที่ ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ แม้นางอยากจะปรามก็คงไม่ฟัง
วันนี้เผอิญมีเรื่องไถ่ตัวมาถกกัน นางจึงจงใจโกหกไปก่อนเพื่อหยั่งเชิงกำราบไว้ แล้วค่อยตักเตือนห้ามปราม ตอนนี้เป่าวี่งอนเข้านอนไปทั้งที่ใจไม่ยินยอม แต่อารมณ์คงสงบลงบ้างแล้ว นางเองไม่ได้อยากกินเกาลัดมาแต่แรก เพียงอ้างไปเพื่อไม่ให้เรื่องนมเปรี้ยวกลายเป็นเรื่องแบบเดียวกับเรื่องชาของเชี่ยนเสวี่ย พอเป่าวี่ไม่พูดถึงเรื่องก็จบ นางจึงให้พวกสาวใช้เอาเกาลัดที่แกะไว้ไปกิน ตัวนางเองเข้ามาดูเป่าวี่
สีเหยินเห็นเป่าวี่คราบน้ำตาเต็มหน้า จึงยิ้มว่า
“มีอะไรต้องเสียใจ หากท่านจะรั้งข้าไว้จริง ข้าก็คงไม่ไป”
เป่าวี่กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาถามว่า
“เจ้าบอกมาว่าว่าข้าจะรั้งเจ้าไว้ได้อย่างไร ข้าคิดเองไม่ออก”
สีเหยินยิ้มว่า “พวกเราสองคนดีต่อกัน นี่คงไม่ต้องพูดถึง ท่านจะรั้งข้าไว้ไม่ใช่ด้วยเหตุนี้ ข้ามีเงื่อนไขสามข้อ ถ้าท่านยอม ข้าจึงเชื่อว่าท่านจริงใจ ต่อให้เอามีดพาดคอไว้ข้าก็ไม่ไป”
เป่าวี่รีบยิ้มว่า “พี่คนดี เจ้าบอกเงื่อนไขมา ข้ายอมตามเจ้าทุกอย่าง อย่าว่าแต่สามข้อ สามร้อยข้อก็แล้วแต่เจ้า เพียงขอให้เจ้าดูแลข้าจนวันหนึ่งข้ากลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่สิ เถ้าถ่านยังมีรูปร่าง มีความรู้สึก รอจนข้ากลายเป็นหมอกควันสลายไปกับสายลม เจ้าจึงไม่ต้องสนใจข้า ข้าก็ดูแลเจ้าไม่ได้อีก เจ้าจะไปไหนก็ไปได้”
สีเหยินรีบเอามือปิดปากเป่าวี่แล้วว่า
“นายท่าน ข้ากำลังจะเตือนท่านเรื่องนี้ ท่านก็พูดเสียแรงไป”
เป่าวี่รีบว่า “ข้าจะไม่พูดเช่นนี้อีก”
สีเหยินว่า “นี่คือข้อแรกที่ท่านจะต้องแก้ไข”
เป่าวี่ว่า “แก้แล้ว ถ้าพูดอีก เจ้าก็หยิกปากข้า ยังมีอะไรอีก”
สีเหยินว่า “ข้อสอง ท่านจะชอบอ่านหนังสือหรือไม่ก็ตาม ต่อหน้านายท่านผู้บิดา หรือต่อหน้าผู้อื่น อย่าเอาแต่ติเตียน ให้ทำทีชอบอ่านหนังสือ นายท่านจะได้สบายใจขึ้นบ้าง อวดกับผู้อื่นได้
นายท่านคงคิดอยู่ในใจว่า ที่บ้านข้ารักการเรียนทุกคน มีแต่ท่านที่ทำให้ผิดหวัง ไม่รักเรียนจนนายท่านต้องอารมณ์เสีย ทั้งยังชอบพูดเหลวไหล ตั้งฉายาให้พวกนักศึกษาว่า “มอดเงินเดือน 禄蠹” และว่าถ้าไม่มีเรื่องคุณธรรมนั่นนี่ก็ไม่เรียกหนังสือแล้ว ล้วนเป็นเรื่องที่คนโบราณกุขึ้นมา แบบนี้จะไม่ให้นายท่านโมโหจนตีท่านบ่อยๆ ได้อย่างไร”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ข้าไม่พูดอีกแล้ว นั่นเป็นเรื่องสมัยข้ายังเล็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพูดพล่อยไป ต่อไปจะไม่พูดอีก ยังมีอะไรอีก”
สีเหยินว่า “ห้ามให้ร้ายพระสงฆ์องคเจ้าอีก 谤僧毁道 ยังมีอีกข้อที่สำคัญที่สุด กับพวกสาวสาวหน้าขาวประแป้ง ห้ามแอบชิมเครื่องสำอางบนปากพวกนาง และเลิกนิสัยชมชุดแดงอีก”
เป่าวี่ว่า “แก้ไข แก้ไขทุกข้อ ยังมีอะไรอีกก็ว่ามา”
สีเหยินว่า “ไม่มีแล้ว รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่เอาแต่ใจในทุกเรื่องก็พอ ถ้าท่านยอมทำตาม ให้เอาเกี้ยวแปดคนหามมารับข้าก็ไม่ไป”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ถ้าเจ้าอยู่ต่อนานนาน เกี้ยวแปดคนหามก็มีให้นั่งอยู่เอง”
สีเหยินยิ้มว่า “เรื่องนี้ข้าไม่คาดหวัง มีวาสนาแต่ไม่มีเหตุผล นั่งไปก็ไม่สนุก”
ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น ชิวเหวินเข้ามาบอกว่า
“ยามสามแล้ว สมควรเข้านอน เมื่อครู่เหล่าไท่ไท่ให้หม่อมอมาถาม ข้าตอบไปว่าเข้านอนแล้ว”
เป่าวี่ให้เอานาฬิกามาดู เห็นเข็มบอกเวลา ต้นยามจื่อสองเค่อ 子初二刻 (23:30 น.)แล้ว จีงรีบบ้วนปากผัดชุดเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น สีเหยินตื่นขึ้นมารู้สึกปวดหัวตาบวมตัวร้อน ตอนแรกยังพอทน สักพักก็ไม่ไหวต้องกลับไปนอนเตียงผิงทั้งชุดไม่ได้เปลี่ยน เป่าวี่รีบบอกแม่เฒ่าเจี่ยให้ตามหมอมาดูอาการ หมอว่า
“แค่เป็นหวัด กินยาสองเทียบก็หายแล้ว”
แล้วเขียนใบสั่งยาให้คนไปซื้อมาต้มให้กิน
เป่าวี่สั่งให้ห่มผ้าให้เหงื่อออก แล้วก็ออกมาหาไต้วี่
ตอนก่อนหน้า : บ้านสีเหยิน
https://www.blockdit.com/posts/68ecc3bbf6458595f3e6ef46
ตอนถัดไป : เผือกหอม
https://www.blockdit.com/posts/68f5f8555d5a73c104e90aac
1 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย