Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
20 ต.ค. เวลา 01:35 • ธุรกิจ
🧬 ผู้นำที่แท้จริงไม่ได้เกิดจาก “ตำแหน่ง” แต่เกิดจาก “แรงขับภายใน”
(ความต่างระหว่าง “คนดี”, “คนเก่ง” และ “คนที่ใช่” ที่องค์กรกำลังตามหา)
====
💥 “กับดักของการเลื่อนตำแหน่ง” เมื่อ “คนที่เก่งที่สุด” ไม่ใช่คำตอบเสมอไป?
* ในองค์กรจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาต้องเลือกหัวหน้าคนใหม่ คำตอบมักวนอยู่ระหว่าง “คนเก่งที่สุดในทีม” หรือ “คนที่เป็นที่รักที่สุด” เพราะทั้งสองดูเหมือนจะเป็นทางเลือกปลอดภัย “คนเก่งก็น่าจะนำผลงานได้ดี ส่วนคนดีที่ทุกคนชอบ ก็น่าจะสร้างบรรยากาศที่ดีในทีมได้?”
* แต่ในความเป็นจริง การเลื่อนตำแหน่งด้วยตรรกะแบบนี้ กลับเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดในองค์กรจำนวนมาก เพราะ “ความเก่ง” ไม่ได้เท่ากับ “ภาวะผู้นำ” และ “ความดี” ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ “ขับเคลื่อนคนอื่นให้เติบโต” ได้เสมอไป
* องค์กรที่พลาดเลือก “คนที่ไม่ใช่” ขึ้นมาเป็นหัวหน้า มักต้องแลกด้วยต้นทุนที่สูง ทั้งผลงานที่ถดถอย บรรยากาศทีมที่เปราะบาง และพนักงานที่หมดไฟโดยไม่รู้ตัว
* ดังนั้น การพัฒนา “ผู้นำที่แท้จริง” ไม่ใช่การเลือกคนที่มี Hard Skills หรือ Soft Skills ครบถ้วนเท่านั้น แต่คือการค้นหาคนที่มี Leader DNA หรือคุณสมบัติภายในที่ “สอนไม่ได้” แต่ “สัมผัสได้” จากการกระทำจริงในชีวิตประจำวัน
====
🧬 Leader DNA หรือคุณสมบัติที่สอนไม่ได้ แต่ขับเคลื่อนองค์กรได้จริง?
1️⃣ ทัศนคติของ “ผู้ให้” (The Giver’s Mindset)
ผู้นำที่แท้จริงไม่วัดจากตำแหน่งหรืออำนาจ แต่จากความสามารถในการ “ยกระดับคนอื่นให้เติบโต”
* พวกเขามีความสุขจากการเห็นคนอื่นสำเร็จ ไม่ใช่จากการยืนอยู่เหนือคนอื่น
* พวกเขายินดีช่วยเหลือโดยไม่ต้องรอคำขอ เพราะเชื่อว่าความสำเร็จของทีมคือภาพสะท้อนของตัวเอง
* พวกเขาคิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรให้ลูกทีม “เก่งกว่าตัวเอง” และไม่รู้สึกถูกคุกคามเมื่อลูกทีมฉายแสง
“ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้สร้างผู้ตาม แต่สร้างผู้นำรุ่นถัดไป”
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากงานวิจัยของ Harvard Business Review พบว่า ผู้นำที่มีแนวคิดแบบผู้ให้ (Giver) มักได้รับคะแนนความผูกพันจากทีมสูงกว่า 25–30% เมื่อเทียบกับผู้นำที่เน้นผลลัพธ์เฉพาะตน เพราะพวกเขาสร้างความไว้วางใจ (trust) และ psychological safety ให้ทีมรู้สึกปลอดภัยที่จะลองผิดลองถูก
2️⃣ ผลกระทบต่อผู้อื่น — The Gel That Binds
ผู้นำที่แท้จริงไม่ต้องใช้เสียงดังหรืออำนาจในการสั่ง แต่ใช้ “อิทธิพลทางพฤติกรรม” ที่ดึงดูดความร่วมมือจากทุกคนรอบข้าง
* พวกเขาไม่เป็นพิษ (Non-Toxic) = ไม่ใช้คำพูดทำลายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี
* พวกเขาทำให้คนอื่นดีขึ้น (Make People Better) = คนรอบข้างรู้สึกมั่นใจและเติบโตได้เมื่ออยู่ใกล้
* พวกเขามีแนวคิดที่คนอยากติดตาม เพราะพูดจากความจริงใจ ไม่ใช่จากตำแหน่ง
* พวกเขาเป็นเหมือน “เจล” ที่หล่อเลี้ยงทีมไว้ด้วยกัน แข็งพอจะรักษาทิศทาง แต่ยืดหยุ่นพอจะปรับตามสถานการณ์
“ผู้นำที่ดีคือคนที่ทำให้คนอื่นอยากทำงานให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะถูกสั่ง แต่เพราะได้รับแรงบันดาลใจ”
งานศึกษาของ Google ภายใต้โครงการ Project Aristotle พบว่า ทีมที่มี “ผู้นำที่สร้างบรรยากาศปลอดภัย” มีอัตราผลงานที่ดีขึ้น 30% เพราะคนในทีมรู้ว่าตัวเองได้รับการรับฟังและไม่ถูกตัดสินเมื่อผิดพลาด
3️⃣ ทักษะของ “ผู้สร้าง” (The Builder’s Skills)
ผู้นำที่มี DNA แห่งการสร้าง ไม่ได้วัดกันที่คำพูด แต่ที่การลงมือทำ
* พวกเขาเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
* พวกเขาเห็น “ระบบงาน” เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา ไม่ใช่แค่ทำตาม
* พวกเขามีทักษะการสื่อสารที่ลึกซึ้ง ฟังมากกว่าพูด และฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อตอบโต้
“หัวหน้าที่ดีไม่ได้พูดมากกว่า แต่ฟังลึกกว่า”
ตัวอย่างจาก Adobe ที่ยกเลิกการประเมินผลงานแบบรายปี แล้วเปลี่ยนมาใช้ระบบ Check-in หรือ การพูดคุยอย่างต่อเนื่องระหว่างหัวหน้าและลูกทีม เพื่อพัฒนาและให้ feedback ตลอดปี ส่งผลให้ อัตราการลาออกลดลงกว่า 30% และพนักงานมีแรงจูงใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Deloitte Insights, 2019)
4️⃣ ความจริงใจและความเป็นตัวตน (Be Authentic)
หนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้ผู้นำแตกต่างจากผู้จัดการทั่วไป คือ “ความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง” โดย Authentic Leadership คือการนำโดยยืนอยู่บนความจริง ไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ถูกแต่งขึ้น
* พวกเขากล้าพูด “ไม่รู้” เมื่อไม่รู้ และ “ขอโทษ” เมื่อทำผิด
* พวกเขาไม่พยายามเลียนแบบสไตล์ใคร เพราะเข้าใจว่าความน่าเชื่อถือไม่ได้เกิดจากความสมบูรณ์แบบ แต่เกิดจากความจริงใจ
* พวกเขายอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง และใช้มันเป็นแรงผลักในการเรียนรู้
งานวิจัยของ Bill George (Harvard Kennedy School) พบว่า ผู้นำที่ Authentic มีแนวโน้มสร้างแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) ให้ทีมได้ยาวนานกว่า 40% เพราะทีมรู้สึกเชื่อมโยงกับ “คนจริง” ไม่ใช่ “ภาพจำของผู้นำ”
“Authenticity doesn’t mean showing everything, but showing what’s real.”
====
🔎 กรณีศึกษาองค์กรที่ทำให้เห็นว่า “Leader DNA” มีอยู่จริง?
1. Google – Project Oxygen: เมื่อการจัดการคือศิลปะของการเข้าใจคน
* Google เคยทดลองตัดชั้นผู้จัดการออก เพื่อทดสอบว่าทีมจะทำงานได้เองหรือไม่ ผลลัพธ์กลับชี้ชัดว่า “หัวหน้าที่ดี” มีผลโดยตรงต่อคุณภาพงานและความผูกพันของทีม จึงเริ่มโครงการ Project Oxygen เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้นำที่ดี เช่น การโค้ช การฟังอย่างเปิดใจ และการให้ feedback อย่างสร้างสรรค์
* ซึ่งต่อมาถูกยกให้เป็นต้นแบบของ Leadership Research ทั่วโลก [อ้างอิง: re:Work by Google, Harvard Business Review]
2. Adobe – Check-in: การสื่อสารที่ต่อเนื่องสร้างผู้นำที่ฟังจริง
* Adobe เปลี่ยนจากระบบ Annual Review ที่เน้นการตัดสิน มาเป็น Check-in ที่เน้นการสนทนาแบบจริงใจ หัวหน้าจะถามลูกทีมว่า “วันนี้เราช่วยให้คุณเก่งขึ้นได้อย่างไร?” มากกว่าถามว่า “ปีนี้คุณทำผิดอะไรบ้าง?”
* ผลลัพธ์คืออัตราการลาออกโดยสมัครใจลดลงกว่า 30% ภายใน 2 ปี [อ้างอิง: Deloitte Insights, Chartered Management Institute (CMI)]
3. Netflix – Freedom & Responsibility: เสรีภาพที่มาพร้อม Accountability
* Netflix วางวัฒนธรรมองค์กรบนหลัก “Freedom & Responsibility” ให้คนเก่งมีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจ แต่ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ร่วมกัน
* ผู้นำในระบบนี้ไม่ได้วัดจากจำนวนคำสั่ง แต่จากความสามารถในการสร้างความไว้วางใจและสื่อสารเป้าหมายที่ชัดเจน [อ้างอิง: Netflix Culture Memo]
4. Microsoft – การกลับมาผ่านการ “Empathy”
* ภายใต้การนำของ Satya Nadella การฟื้นฟูวัฒนธรรม Microsoft เริ่มจากการปลูกฝัง “Empathy” ให้ผู้นำระดับสูงทุกคน Nadella เน้นให้หัวหน้าฟังมากขึ้น เข้าใจลูกน้องมากขึ้น และยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากใจของคน
* ผลคือมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 800% ภายใน 8 ปี และ Microsoft กลับมามีวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและน่าทำงานที่สุดในโลก [อ้างอิง: Harvard Business Review, Fortune, CNBC]
====
🧭 จากแนวคิดสู่การสังเกตภาวะผู้นำในโลกจริง?
แนวคิด “Leader-FIT” ไม่ใช่ทฤษฎีใหม่ แต่เป็นวิธีคิดที่ช่วยให้องค์กรมองเห็นผู้นำผ่านพฤติกรรมจริง แทนการวัดด้วยคะแนนหรือใบประกาศ องค์กรควรถามตัวเองว่า
* ใครในทีม “ยกระดับผู้อื่นได้จริง” ไม่ใช่แค่ทำผลงานของตัวเอง?
* ใครสร้างผลลัพธ์ผ่านทีม มากกว่าผ่านความเก่งส่วนตัว?
* ใครเรียนรู้จาก feedback และเติบโตจากมันได้อย่างต่อเนื่อง?
Leader DNA คือ “ความรับผิดชอบในทุกการกระทำ” มันคือสิ่งที่เห็นได้จากความจริงใจ ความถ่อมตน และแรงขับภายในที่อยากเห็นคนอื่นดีขึ้นทุกวัน
====
✨ ดังนั้น ผู้นำที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการแต่งตั้ง แต่จากแรงขับในใจ
ผู้นำไม่ได้เกิดจากใบประกาศนียบัตรหรือคอร์สอบรม แต่เกิดจากคุณค่าภายในและความมุ่งมั่นที่จะสร้างคนให้เติบโต การเลือก “ผู้นำที่ใช่” จึงไม่ใช่แค่การเติมตำแหน่งให้เต็ม แต่คือการกำหนดอนาคตขององค์กร
“Leadership is not a title, it’s a behavior that earns trust.”
องค์กรที่ฉลาดจะไม่เร่งแต่งตั้งหัวหน้า แต่จะสังเกตพฤติกรรมของคนที่มี Leader DNA แล้วเปิดโอกาสให้เขาเติบโตอย่างเป็นธรรม เพราะเมื่อเราเลือกผู้นำที่ถูกต้อง เราไม่ได้แค่สร้างหัวหน้าใหม่ แต่เรากำลังสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้ทั้งองค์กร
====
📚 อ้างอิง
* Google re:Work — The research behind great managers (Project Oxygen)
* Harvard Business Review — How Google Sold Its Engineers on Management
* Adobe — Check-in: replacing annual performance reviews
* Deloitte Insights — Performance management redesign (Adobe case)
* Netflix — Culture Memo: Freedom & Responsibility
* Harvard Business Review — Microsoft’s Nadella and the Power of Empathy in Leadership
#วันละเรื่องสองเรื่อง #LeaderDNA #ภาวะผู้นำ #Leadership #TalentManagement #CorporateCulture
วัฒนธรรมองค์กร
ผู้นำ
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย