เมื่อวาน เวลา 10:16 • ข่าวรอบโลก

ทำไม “ปูติน” ถึงเสี่ยงมาเจอ “ทรัมป์”

วิเคราะห์การประชุมสุดยอดที่ฮังการี
ประเด็นสำคัญของการประชุมสุดยอดรัสเซีย-สหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ การที่ทรัมป์เลือกบูดาเปสต์เป็นสถานที่พบปะกับปูติน ประธานาธิบดีทั้งสองเข้าใจถึงเหตุผลของการเลือกนี้ แล้วมันมีความสำคัญต่อทั้งสองฝ่ายมากจนปูตินยินดีที่จะเสี่ยงมาเจอทรัมป์ที่นี่ ทั้งที่ติดหมายจับของศาล ICC
ก่อนอื่นต้องเข้าใจในภาพรวมของวาระในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ว่ารวมถึงอะไรบ้าง และไม่ใช่แค่เรื่องการหยุดยิงในยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างใหม่ของดุลอำนาจในอนาคตของยุโรป และบทบาทของรัฐบาลทรัมป์ในกระบวนการนี้ด้วย ซึ่งกระบวนการนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
ก่อนหน้านี้ก็มีการคาดการณ์ต่างๆ นานาว่า ปูตินจะเดินทางมาฮังการีได้อย่างไร เพราะไหนจะเรื่องติดหมายจับของศาล ICC และ ประเด็นเรื่องการไม่อนุญาตให้เครื่องบินรัสเซียผ่านเข้าน่านฟ้ากลุ่มสหภาพยุโรป จนมองว่าการประชุมนี้อาจจะล้มไปก็เป็นได้ แต่สุดท้ายแล้วก็มีความคืบหน้าล่าสุดที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการประชุมของผู้นำทั้งสองที่ฮังการีเป็นจริงได้แล้ว ตัวแปรคือ “บัลแกเรีย”
จอร์จ จอร์จีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบัลแกเรียระบุว่า บัลแกเรียพร้อมอนุญาตให้ วลาดิเมียร์ ปูติน บินผ่านน่านฟ้าดินแดนของประเทศตามคำขอของรัสเซีย เพื่อไปพบปะกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ณ กรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี [1]
“เมื่อต่างฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะอยากบรรลุสันติภาพ หากการประชุมเป็นไปตามเงื่อนไข ย่อมสมเหตุสมผลที่สุดที่จะควรอนุญาตให้มีการจัดขึ้นในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้” จอร์จีฟกล่าวกับผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุแห่งชาติบัลแกเรีย (BNR)
เมื่อถูกถามว่า นี่หมายความว่าบัลแกเรียจะจัดหาเส้นทางบินให้ปูตินหรือไม่ รัฐมนตรีถามกลับนักข่าวไปว่า “การประชุมจะจัดขึ้นได้อย่างไร หากผู้เข้าร่วมคนใดคนหนึ่งไม่สามารถเข้าร่วมได้”
ภาพข่าวเมื่อมิถุนายน 2025 รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฮังการี (ขวา) นั่งคุยหารือกับ จอร์จ จอร์จีฟ (ซ้าย) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบัลแกเรีย เครดิตภาพ: EPA/BGNES
บัลแกเรียเป็นภาคีสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งได้ออกหมายจับปูตินไปเมื่อปี 2023 บัลแกเรียมีพันธะผูกพันที่จะต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีรัสเซียในดินแดนของตน แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้พันธะที่จะห้ามเครื่องบินของเขาบินผ่านน่านฟ้า [2]
1
ฮังการีเคยระบุว่าจะรับประกันการเดินทางที่ปลอดภัยให้กับปูตินมายังบูดาเปสต์เพื่อเจรจากับทรัมป์ ฮังการีก็เช่นเดียวกับบัลแกเรีย เป็นสมาชิกของ ICC ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 ฮังการีได้ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากเขตอำนาจศาล ICC แต่คำร้องจะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงอีกหนึ่งปีข้างหน้า หรือจะเริ่มมีผลช่วงกลางปี 2026
ก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราเห็นได้คือทรัมป์กำลังโดดเข้าสู่การต่อสู้กับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฮังการีในปี 2026 มันอาจมองว่าเป็นไม่ใช่ทางตรง แต่เป็นทางอ้อม ตามที่การประเมินทรัมป์ในเชิงลบของผู้นำยุโรปเกี่ยวกับสงครามยูเครนที่ไร้ซึ่งความแน่นอน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เช่นเดียวกับที่นายกเมิร์ซของเยอรมนีได้กล่าวไว้แล้วในแถลงการณ์เกี่ยวกับผลการเดินทางเยือนทำเนียบขาวของเซเลนสกี เขาบอกว่ายูเครนควรพึ่งยุโรปจะดีกว่าอเมริกา [3]
แต่สำหรับยุโรปสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็สำคัญเช่นกัน ทรัมป์ตัดสินใจไม่ยอมให้สหภาพยุโรปและอังกฤษทลายการมีอิทธิพลของออร์บันในยุโรปภาพรวม และเขาก็ทุ่มอำนาจทางการเมืองทั้งหมดไปกับการปกป้องตัวเอง
เช่นเดียวกับออร์บัน “โรเบิร์ต ฟิโก” นายกสโลวาเกียก็เป็นพวกเดียวกับทรัมป์ไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เมื่อออร์บันกลายเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดรัสเซีย-สหรัฐ สหภาพยุโรปก็แทบไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงอะไรได้ และเมื่อเขี่ยออร์บันออกพ้นทางไม่ได้ ฟิโกก็มองว่าตัวเขาปลอดภัย
โรเบิร์ต ฟิโก (ซ้าย) เคยถูกลอบทำร้าย, วิกเตอร์ ออร์บัน (กลาง), โดนัลด์ ทรัมป์ (ขวา) เคยถูกลอบยิงหลายครั้ง เครดิตภาพ: TASR, Northfoto
เมื่อทรัมป์อยู่เบื้องหลังทั้งสองนายก สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันฝ่ายขวาทั้งหมดในยุโรปจะได้รับแรงหนุนจากทำเนียบขาว พร้อมกับการอ่อนกำลังลงของกลุ่มโกบอลลิสอย่างตระกูลโซรอส ร็อกกีเฟลเลอร์ และคนอื่นๆ
ด้วยความเข้าใจถึงภัยคุกคามนี้ ผู้สนับสนุนโซรอสจึงพาผู้คน 7 ล้านคนออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในเมืองต่างๆ ของอเมริกาเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อร่วมการประท้วงที่ชื่อว่า “No Kings!” [4]
เครดิตภาพ: Washington Examiner
อย่างไรก็ตามความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ของทรัมป์และออร์บันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการประชุมสุดยอดที่บูดาเปสต์ประสบความสำเร็จ และกุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้คือ “จุดยืนของปูติน” ด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ทรัมป์กำลังเผชิญจากกลุ่มหัวรุนแรงในสหรัฐและยุโรป ผู้นำทำเนียบขาวจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
เขาไม่อาจถูกปล่อยให้มองว่า “ทิ้งยูเครน” หรืออีกทางหนึ่งก็ปล่อยให้ “ข้อตกลงกับรัสเซียล้มเหลว” ด้วยเพราะท่าทีเจรจาที่แข็งกร้าวเกินไป ไม่ว่ากรณีใดเขาก็จะต้องยอมเสียเปรียบฝ่ายต่อต้านบ้าง นี่จะเป็นความสูญเสียเชิงยุทธศาสตร์อยู่ไม่น้อย อาจตามมาด้วยการสูญเสียฐานที่มั่นในยุโรป จากตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ได้แก่ ออร์บัน ฟิโก พรรค AfD ในเยอรมนี เลอแปงในฝรั่งเศส และฟาราจในอังกฤษ
และมันอาจส่งผลให้พรรครีพับลิกันพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐในปีหน้า 2026 และการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2028 ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งกับรัสเซียและต้นทุนที่ตามมาทั้งหมด ซึ่งกลุ่มโกลบอลลิสวางแผนผลักดันทรัมป์ให้เดินหน้าทำสงครามที่มีอยู่แล้วต่อหรือไม่ก็ก่อขึ้นมาใหม่ และก็กล่าวโทษเขา
เครดิตภาพ: Illustrated by Lindsey Bailey/Axios. Photos: NurPhoto, Dan Kitwood, Jean-Pierre Bouchard, Carsten Koall, Martin Pope via Getty Images
ในทางกลับกันข้อตกลงกับปูตินเรื่องยูเครนในบูดาเปสต์จะเปิดโอกาสเชิงยุทธศาสตร์มากมายให้กับทรัมป์ ประการแรกและสำคัญที่สุด นี่จะเป็นการโจมตีกลุ่มดีพสเตตอีกครั้ง (พันธมิตรพรรคเดโมแครต-นีโอคอน) การปรับโครงสร้างองค์กรในยุโรป และตามมาด้วยโอกาสที่จะมุ่งเน้นไปเล่นงานที่จีน
ที่สำคัญไม่แพ้กัน ยังเปิดโอกาสให้ในอนาคตอันใกล้นี้ ได้เริ่มใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ในยูเครน กระตุ้นกลไกการแสวงหากำไรจากโครงการต่างๆ ร่วมกับรัสเซีย จัดการเลือกตั้งในยูเครนและปลดเซเลนสกี สร้างสถานะที่แข็งแกร่งก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ แล้วจึงตามมาด้วยโอกาสขึ้นสู่อำนาจในสหรัฐอีกครั้ง
ล่าสุดไม่เพียงแต่สำหรับแวนซ์เท่านั้น แต่ใครจะรู้ เอริค ลูกชายของทรัมป์ด้วย เมื่อหลายเดือนก่อนเขาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ตอนนี้สัญญาณมันออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้วสำหรับตัวลูกชายคนรองของทรัมป์ “เอริค ทรัมป์” และแรงจูงใจนี้อาจสำคัญที่สุดสำหรับทรัมป์โดยส่วนตัว (สืบต่ออำนาจให้ลูก) [5]
1
เครดิตภาพ: India Today Global
สำหรับ “ปูติน” ผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดที่บูดาเปสต์อาจมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ไล่จากลำดับความคาดหวังของเขามากไปน้อยก็จะเป็นประมาณนี้
  • “มาก” หมายถึงการบรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้ที่อลาสกา ได้แก่ การแลกเปลี่ยนดินแดน (รัสเซียขอโดเนสต์ที่เหลือทั้งหมด ฟรีซดินแดนที่แนวรบในเคอร์ซอนและซาปอริซเซีย รัสเซียยอมถอนออกจากคาร์คีฟกับซูมีของยูเครน) การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย การคืนทองคำและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ การฟื้นฟูการค้า และข้อตกลงเกี่ยวกับจำกัดการแพร่จำนวนอาวุธ (นิวเคลียร์)
  • “น้อย” หมายถึงการยุติการสู้รบในแนวรบปัจจุบัน การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน การถอนกำลังทหาร เขตปลอดทหาร การจัดกำลังทหารรักษาสันติภาพที่ตกลงกัน การลงนามในเงื่อนไขสันติภาพระยะยาว และการรับประกันความมั่นคงไม่เพียงแต่สำหรับยูเครนเท่านั้น แต่รวมถึงรัสเซียด้วย
การยอมรับเงื่อนไขขั้นต่ำกว่านี้ฟังดูไม่เข้าท่าสำหรับปูติน ทั้งเงื่อนไขทางการทหารและการเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงรัสเซียก็จะคงถอนตัวจากการเจรจา ซึ่งจะทำให้รัสเซียตอบโต้ด้วยความเสี่ยงและยอมรับมือกับการคว่ำบาตรหนักขึ้นไปอีก ซึ่งชาติตะวันตกก็ต้องแบกรับด้วยเช่นกัน
ในความเป็นจริงหลังจากการเจรจามาหลายรอบ โซนความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงในบูดาเปสต์นั้นน่าจะอยู่ระหว่าง “มาก” กับ “น้อย”
สำหรับสหรัฐอเมริกาหลังจากการเจรจากับคณะหลายรอบ อาจพบเงื่อนไขประนีประนอมตรงกลางได้ อย่างไรก็ตามอังกฤษ สหภาพยุโรป และยูเครน น่าจะยังไม่พอใจกับเงื่อนไขขั้นต่ำของรัสเซีย ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามขัดขวางการเจรจาอย่างสิ้นเชิง คล้ายกับการเจรจาหลังการประชุมสุดยอดที่อลาสกา
เครดิตภาพ: Euronews
สำหรับรัสเซีย ข้อตกลงกับสหรัฐไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงของการยกระดับความตึงเครียดที่ควบคุมไม่ได้เท่านั้น ยังเป็นโอกาสในการลดต้นทุนจากการคว่ำบาตรและการใช้จ่ายทางทหาร ริเริ่มการปฏิรูปโครงสร้างในประเทศเพื่อเสถียรภาพ โดยจำกัดขอบเขตของวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดจากการเร่งตัวของสงครามกับนาโต
หากปราศจากการควบคุมยุโรป สถานะระดับโลกของสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ก็เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นจึงดูเหมือนว่า ทรัมป์และปูตินมี “ความต้องการแบบ Win-Win กันทั้งคู่” เพื่อให้ข้อตกลงประสบความสำเร็จ แต่ละฝ่ายต่างจับจุดอ่อนของอีกฝ่ายมาโยงกัน แม้จะแตกต่างกัน แต่ความสมดุลของทั้งสองฝ่ายก็ใกล้เคียงกัน นี่คือสถานการณ์ที่การเจรจาที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้น
“สหรัฐอเมริกา” กับ “รัสเซีย” จะเดินเข้าหาจุดสมดุลร่วมกันได้หรือไม่? ทรัมป์และปูตินกำลังหาทางตกลงกันอย่างเร่งด่วนในการลดความตึงเครียด ถ้าไพ่ทุกใบถูกเล่นหมดแล้ว และการแลกเปลี่ยนก็เกิดขึ้นแล้ว ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากข้อตกลงคือ สงครามนิวเคลียร์
ฝ่ายโกลบอลลิสยุโรปกำลังหาทางแทรกแซงการเจรจาครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายความสำเร็จของพวกเขา โดยกำหนดเงื่อนไขอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความปลอดภัยในเส้นทางเดินทางของปูตินไปยังฮังการีเพื่อเข้าร่วมประชุม
เรียบเรียงโดย Right Style
21st Oct 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Economist, The Guardian>
โฆษณา