Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
21 ต.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ
สุขจนเกินไปไม่มีอยู่จริง นักวิทย์พบจุดคุ้มทุนความสุขที่ระดับ 2.7/10
ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและแรงกดดัน เราทุกคนต่างพยายามไขว่คว้าหาสิ่งที่เรียกว่า "ความสุข" ใช่ไหมครับ เรามักจะเชื่อกันลางๆ ว่าเมื่อเรามีความสุข สุขภาพกายน่าจะดีตามไปด้วย
แต่เคยมีใครสงสัยอย่างจริงจังไหมครับว่า ความเชื่อนี้เป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ แล้วถ้ามันเป็นจริง เราต้องมีความสุข "มากแค่ไหน" กันแน่ มันถึงจะเริ่มส่งผลดีต่อร่างกายของเราอย่างจับต้องได้ และคำถามที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นคือ มันมีจุดที่เรียกว่า "สุขจนเกินไป" จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หรือไม่
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งมาแบ่งปันครับ มันคือการเดินทางของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่พยายามถอดรหัสความสัมพันธ์ระหว่างความสุขกับสุขภาพในระดับโลก และสิ่งที่พวกเขาค้นพบนั้นอาจจะเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อความสุขไปตลอดกาลก็เป็นได้ มองลองอ่านดูนะครับ
การศึกษาครั้งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Frontiers in Medicine ไม่ได้เป็นเพียงการสำรวจเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหึมาจาก 123 ประเทศทั่วโลก ที่ถูกเก็บรวบรวมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 16 ปีเต็ม
นักวิจัยได้นำดัชนีความสุขของแต่ละชาติ ซึ่งวัดผลด้วยเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง "บันไดชีวิต" (Life Ladder) ที่ให้ผู้คนประเมินว่าชีวิตของตนเองดีแค่ไหนในสเกล 0 ถึง 10 มาเปรียบเทียบกับอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน
และเพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำที่สุด พวกเขายังได้ควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะโรคอ้วน ปัญหามลพิษ ไปจนถึงความมั่งคั่งของประเทศ
และแล้ว...ความจริงอันน่าทึ่งก็ปรากฏขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างความสุขกับสุขภาพนั้น ไม่ใช่เส้นตรงอย่างที่เราเคยเข้าใจกัน มันไม่ได้หมายความว่ายิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นทีละนิด สุขภาพก็จะดีขึ้นทีละหน่อยในอัตราที่เท่ากันเสมอไป แต่กลับกลายเป็นว่ามันมีจุดเปลี่ยนหรือ "จุดคุ้มทุนความสุข" ที่สำคัญอย่างยิ่งซ่อนอยู่
จุดเปลี่ยนนั้นอยู่ที่ระดับคะแนนความสุขประมาณ 2.7 คะแนน จากเต็ม 10 ครับ ในกลุ่มประเทศที่ประชาชนมีความสุขเฉลี่ยต่ำกว่าระดับนี้ การพยายามเพิ่มความสุขขึ้นเพียงเล็กน้อยยังคงไม่ส่งผลต่อการลดอัตราการเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
มันเปรียบเสมือนการพยายามเทน้ำลงในถังที่ยังคงมีรูรั่วขนาดใหญ่จากปัญหาสุขภาพพื้นฐานและความยากลำบากทางสังคมอื่นๆ อยู่
แต่เมื่อใดก็ตามที่ระดับความสุขเฉลี่ยของประชากรก้าวข้าม "จุดคุ้มทุน" ที่ 2.7 นี้ไปได้ ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ราวกับสวิตช์ไฟที่ถูกเปิด ความสุขจะเริ่มทำงานในฐานะเกราะป้องกันสุขภาพที่ทรงพลังอย่างเต็มรูปแบบ
โดยการศึกษาพบว่า ทุกๆ 1% ของระดับความสุขที่เพิ่มขึ้นเหนือจุดนี้ จะสัมพันธ์กับการลดลงของอัตราการเสียชีวิตจากโรค NCDs ถึง 0.43% นี่คือการค้นพบครั้งสำคัญที่บอกเราว่า ความสุขจะกลายเป็นสินทรัพย์ด้านสุขภาพที่แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อสังคมนั้นได้ก้าวพ้นระดับความทุกข์ขั้นพื้นฐานมาแล้วนั่นเอง
อีกหนึ่งปริศนาที่การศึกษาครั้งนี้ได้ไขกระจ่างคือ แล้วมีคำว่าสุขจนเกินไปอยู่จริงหรือไม่? บางทีการมีความสุขมากเกินไปอาจทำให้เราประมาทเลินเล่อ ไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพหรือเปล่า?
คำตอบจากข้อมูลมหาศาลนี้คือ "ไม่" ครับ นักวิจัยไม่พบหลักฐานใดๆ เลยที่บ่งชี้ว่าเมื่อความสุขเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงมากๆ แล้วจะเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในทางตรงกันข้าม ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่าไหร่ อัตราการเสียชีวิตก็ยิ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องภายในขอบเขตของข้อมูลที่พวกเขามีอยู่
แน่นอนว่าความสุขไม่ได้เป็นยาวิเศษที่ทำงานอย่างลอยๆ แต่มีกลไกทางชีววิทยาและพฤติกรรมรองรับอย่างชัดเจน
คนที่มีความสุขมักจะมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ชีวิตในทางที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า พวกเขาออกกำลังกายมากขึ้น กินอาหารที่ดีขึ้น และรับมือกับความเครียดได้ดีกว่า
นอกจากนี้ ความรู้สึกเชิงบวกยังสัมพันธ์โดยตรงกับการลดลงของการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญของโรคร้ายแรงแทบทุกชนิด และที่น่าสนใจที่สุดคือ ความสัมพันธ์นี้ยังเป็นแบบสองทิศทางอีกด้วย ไม่เพียงแต่ความสุขจะนำไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้น แต่การมีสุขภาพที่ดีและสังคมที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ ก็จะย้อนกลับมาทำให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้น กลายเป็นวงจรแห่งความดีที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างไม่รู้จบ
เรื่องราวจากการศึกษาครั้งนี้ได้มอบบทเรียนที่ทรงคุณค่าให้กับเราทุกคน มันเปลี่ยนมุมมองของเราต่อความสุข จากสิ่งที่เป็นนามธรรมและวัดผลได้ยาก ให้กลายเป็น สินทรัพย์ด้านสุขภาพที่สำคัญและจับต้องได้ และมันคือเครื่องเตือนใจว่าการดูแลสุขภาพใจนั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดูแลสุขภาพกายเลยครับ
แหล่งอ้างอิง:
Iuga, I. C., Jafri, S. R., & Iuga, H. (2025). How happy is healthy enough? Uncovering the happiness threshold for global non-communicable disease prevention. Frontiers in Medicine, 12, 1667645.
https://doi.org/10.3389/fmed.2025.1667645
การแพทย์
ข่าวรอบโลก
สุขภาพ
บันทึก
8
2
2
8
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย