22 ต.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

วงการแพทย์ช็อก ยามาลาเรียตัวเก่ง ป้องกันโรคได้ดี แต่กลับทำทารกตัวเล็กกว่าเดิม

สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ช่วงเวลาแห่งการตั้งครรภ์คือการเดินทางอันน่าอัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝันถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลก แต่ในหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา การเดินทางสายนี้กลับเต็มไปด้วยภยันตรายที่มองไม่เห็น และหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจที่สุดก็คือ "โรคมาลาเรีย" ครับ
มีโศกนาฏกรรมที่เกิดจากโรคนี้มานับไม่ถ้วน มันไม่เพียงแต่จะทำให้คุณแม่ป่วยหนัก แต่ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพมากมายในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้เอง การค้นหาเกราะป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องแม่และเด็กจากมาลาเรียจึงเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของวงการแพทย์
เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่เรามีมาตรฐานในการป้องกันโรคนี้ นั่นคือการให้ยาที่ชื่อว่า "ซัลฟาด็อกซิน-ไพริเมทามีน" หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SP ยาตัวนี้เปรียบเสมือนเพื่อนเก่าที่ไว้ใจได้ซึ่งช่วยชีวิตแม่และเด็กมาแล้วนับไม่ถ้วน
แต่กาลเวลาก็ได้นำมาซึ่งความท้าทายครั้งใหม่ เชื้อมาลาเรียในหลายพื้นที่ได้วิวัฒนาการตัวเองจนเกิดการดื้อยา SP ทำให้เกราะป้องกันที่เคยแข็งแกร่งเริ่มมีรอยร้าว
วงการแพทย์จึงต้องเร่งค้นหาทายาทคนใหม่ที่จะเข้ามาสืบทอดภารกิจนี้ และตัวเต็งอันดับหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็คือยาที่ชื่อว่า "ไดไฮโดรอาร์ติมิซินิน-ไปเปอราควิน" หรือ DP ซึ่งเป็นยาที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อมาลาเรียได้ดีกว่ายา SP อย่างเทียบไม่ติด
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่แล้ว...วิทยาศาสตร์ก็ได้พบกับปริศนาที่น่าประหลาดใจ จากการศึกษาหลายชิ้นเริ่มมีเสียงกระซิบเบาๆ ว่า แม้ยา SP ตัวเก่าจะดูด้อยกว่าในการกำจัดเชื้อ แต่เด็กทารกที่เกิดจากแม่ที่ได้รับยา SP กลับมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักตัวดีกว่าเด็กที่เกิดจากแม่ที่ได้รับยา DP ตัวใหม่
ปริศนานี้เองที่นำมาสู่การทดลองทางคลินิกครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศยูกันดา ซึ่งผลลัพธ์ของมันเพิ่งจะถูกตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ชั้นนำอย่าง PLOS Medicine และได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการ
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานที่ดูสมบูรณ์แบบที่สุดว่าในเมื่อยา DP เก่งเรื่องฆ่าเชื้อ และยา SP อาจมีดีเรื่องบำรุงทารก งั้นเราก็เอามันมารวมกันเลยสิ พวกเขาจึงได้ออกแบบการศึกษาขนาดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์กว่า 2,700 คน โดยแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับยา SP ตามมาตรฐานเดิม, กลุ่มที่สองได้รับยา DP ตัวใหม่ และกลุ่มที่สามได้รับ "สูตรผสม" ที่ทุกคนคาดหวังว่าจะเป็นสุดยอดเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับตาลปัตรและสวนทางกับความคาดหวังทุกอย่าง มันคือเรื่องราวที่ย้ำเตือนเราว่าร่างกายมนุษย์นั้นซับซ้อนและน่าทึ่งกว่าที่เราคิดไว้มาก
ในแง่ของการป้องกันโรคมาลาเรีย ผลการทดลองเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทุกประการครับ
ยา DP แสดงแสนยานุภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่ มันสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อมาลาเรียในคุณแม่ลงได้ถึง 94-95% เมื่อเทียบกับยา SP ตัวเก่า มันคือชัยชนะที่งดงามและเด็ดขาดในสนามรบของการกำจัดเชื้อโรค
แต่เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงและถึงเวลาที่เราต้องหันมาดูผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุด นั่นคือสุขภาพของทารกแรกเกิด ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น ชัยชนะในสนามรบกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ในสนามของชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ
ผลการวิเคราะห์เผยให้เห็นความจริงที่น่าตกใจว่า คุณแม่ที่ได้รับยา DP ที่ทรงพลังกว่า กลับคลอดทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดเฉลี่ยน้อยกว่าคุณแม่ที่ได้รับยา SP ตัวเก่าอย่างมีนัยสำคัญ ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้นคือ ความเสี่ยงที่ทารกจะคลอดออกมาตัวเล็กผิดปกติหรือมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์นั้นสูงขึ้นในกลุ่มที่ได้รับยา DP และแม้กระทั่งในกลุ่มที่ได้รับสูตรผสมที่เราเคยคาดหวังไว้ ก็ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ด้อยกว่าการใช้ยา SP ตัวเก่าเพียงตัวเดียว
นี่คือความย้อนแย้งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องกลับมาตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่เคยรู้มา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมยาที่กำจัดศัตรูได้ดีกว่า กลับทำให้ผลลัพธ์โดยรวมแย่ลง
สมมติฐานที่เป็นไปได้ในตอนนี้มีอยู่สองทาง ทางแรกคือ ยา SP ตัวเก่าอาจมีพลังวิเศษซ่อนอยู่ มันอาจไม่ได้มีดีแค่การต้านมาลาเรีย แต่อาจมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น การต้านแบคทีเรียชนิดอื่น หรือการปรับสมดุลในร่างกายของคุณแม่ ซึ่งส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของทารกโดยที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
ในทางกลับกัน สมมติฐานที่สองคือ ยา DP ตัวใหม่อาจมีจุดอ่อนที่เรามองข้ามไป มันอาจจะส่งผลกระทบในทางลบต่อการเจริญเติบโตของทารกผ่านกลไกบางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่มันส่งผลต่อน้ำหนักตัวของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์
เรื่องราวจากการศึกษาครั้งนี้คือบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับวงการแพทย์ มันทำให้เรารู้ว่าการประเมินคุณค่าของยานั้น ไม่สามารถมองแค่ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค เพียงอย่างเดียวได้
แต่ต้องมองไปที่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญที่สุด และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีถึงสองชีวิต การตัดสินใจใดๆ จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกอย่างรอบด้านที่สุด แม้ว่าผลลัพธ์นี้จะน่าผิดหวัง แต่มันก็ได้จุดประกายให้เกิดการแสวงหาความรู้ครั้งใหม่ เพื่อไขความลับของคุณสมบัติพิเศษของยา SP และเพื่อค้นหาแนวทางการป้องกันมาลาเรียในอนาคตที่จะดีที่สุดสำหรับแม่และเด็กอย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง:
Kakuru, A., Kizza, J., Aguti, M., et al. (2025). Dihydroartemisinin-piperaquine plus sulfadoxine-pyrimethamine versus either drug alone for intermittent preventive treatment of malaria in pregnancy: A double-blind, randomized, controlled phase 3 trial from Uganda. PLOS Medicine, 22(9), e1004582. https://doi.org/10.1371/journal.pmed.1004582
โฆษณา