23 ต.ค. เวลา 09:03 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 39 เจี่ยหวนเล่นโกง

หลังอาหาร แม่เฒ่าเจี่ยเรียกพวกหม่อมอมาเล่นไพ่ เป่าวี่เป็นห่วงสีเหยินจึงกลับมาที่ห้อง เห็นสีเหยินหลับอยู่ ตัวเองจะเข้านอนบ้างก็เห็นยังเช้าอยู่ พวกฉิงเหวิน 睛雯 ฉี่เสีย 绮霞 ชิวเหวิน 秋纹 ปี้เหิน 碧痕 ไปเที่ยวหายวนยาง 鸳鸯 หู่พ่อ 琥珀 เหลือเพียงเส้อเยว่ 麝月 นั่งเล่นไพ่กระดูกอยู่คนเดียวใต้แสงโคมหน้าห้อง
เป่าวี่ยิ้มว่า “ทำไมเจ้าไม่ไปเล่นกับพวกเขา”
เส้อเยว่ว่า “ไม่มีเงิน”
เป่าวี่ว่า “เงินที่ข้ากองไว้ใต้เตียง ไม่พอเจ้าเล่นเสียหรือ”
เส้อเยว่ว่า “ไปเล่นกันหมดแล้ว ห้องนี้จะให้ใครดูแล คนหนึ่งก็ป่วย ทั้งห้อง บนก็โคมล่างก็ตะเกียง แม่บ้านมีอายุใช้งานทั้งวันก็ไปพักกันหมด เด็กรับใช้ทำงานทั้งวันก็ไปเล่นสนุก ข้าจึงต้องอยู่คอยดูแล”
เป่าวี่ฟังแล้วเข้าใจว่า นี่ก็สีเหยินอีกคน จึงยิ้มว่า
“ข้านั่งอยู่นี่ เจ้าวางใจไปเล่นได้”
เส้อเยว่ว่า “ท่านอยู่นี่ ยิ่งไปไม่ได้ พวกเรานั่งคุยกันก็ได้”
เป่าวี่ว่า “พวกเราจะทำอะไรกันดี น่าเบื่อแย่ เอาอย่างนี้ เมื่อเช้าเจ้าบอกว่าคันหัว ตอนนี้ไม่มีอะไรทำ ข้าช่วยเจ้าชโลมน้ำมันละหุ่ง”
เส้อเยว่ว่า “ก็ดี”
แล้วเอาของใช้กับกระจกมา ถอดปิ่นสยายผม เป่าวี่เอาน้ำมันละหุ่งชโลม
ชโลมได้สี่ห้าเที่ยว เห็นฉิงเหวินรีบร้อนเข้ามาเอาเงิน พอเห็นทั้งคู่ จึงยิ้มเยาะว่า
“ออ ไม่ทันแลกสุรามงคล 交杯盏 ก็เกล้าผม 上头 ให้กันแล้ว”
(พิธีสมรสสมัยโบราณบ่าวสาวจะแลกถ้วยสุรา 交杯盏 หญิงสาวจะเปลี่ยนทรงผมจากเกล้าสองมวยมาเป็นทรงสูง 上头 หมายถึงแต่งงานแล้ว)
เป่าวี่ว่า “มา ข้าช่วยเจ้าชโลมน้ำมันด้วย”
ฉิงเหวินว่า “ข้าไม่มีโชคขนาดนั้น”
แล้วก็หยิบเงิน แหวกม่านออกไป
เป่าวี่ยืนอยู่ด้านหลังเส้อเยว่ เส้อเยว่ส่องกระจก ทั้งสองสบตากันในกระจกแล้วหัวเราะ
เป่าวี่ว่า “ทั้งห้องนี้ก็นางนี่แหละเข็ดฟัน 磨牙 ที่สุด”
เส้อเยว่รีบโบกมือในกระจก เป่าวี่รู้ที พลันมีเสียงแหวกม่าน ฉิงเหวินพรวดพราดเกลับข้ามาถามว่า
“เข็ดฟัน มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
เส้อเยว่หัวเราะว่า “เจ้าไปเถอะ อย่ามาต่อปากต่อคำแถวนี้”
ฉิงเหวินหัวเราะบ้างว่า “เจ้าก็ปกป้องเขา พวกเจ้าทำอะไรลับลับล่อล่อ คิดว่าข้าไม่รู้หรือ เดี๋ยวข้าถอนทุนได้ค่อยกลับมาว่ากัน” แล้วก็รีบไป
เป่าวี่จัดการผมของนางเสร็จ ก็เข้านอน ไม่ให้รบกวนสีเหยิน
เช้าวันรุ่งขึ้น สีเหยินได้นอนพักให้เหงื่อออกทั้งคืนจึงสบายตัวขึ้น กินข้าวต้มแล้วพักผ่อน เป่าวี่ค่อยวางใจ หลังอาหารเช้าจึงเดินเที่ยวมาหาแม่น้าเซวีย
เนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางโรงเรียนหยุดการเรียนการสอน สาวสาวในห้องพักงานเย็บปักถักร้อย เล่นสนุกอยู่ เจี่ยหวน 贾环 แวะมาเที่ยว เห็นเป่าไช เซียงหลิง อิงเอ๋อกำลังเล่นพนันหมากล้อม 赶围棋 อยู่ จึงขอเล่นด้วย
(พนันหมากล้อม 赶围棋 ไม่ใช่เล่นวางหมากล้อม 下围棋 เพียงเอากระดานกับเม็ดหมากล้อมมาใช้ โดยวางเม็ดหมากล้อมที่จุดเริ่มต้นปลายกระดานฟากหนึ่ง ทอดลูกเต๋าได้เท่าใดก็เดินเท่านั้นจุดจนสุดกระดานอีกฟาก ใครถึงก่อนชนะ)
เป่าไชเห็นเจี่ยหวนเหมือนเป่าวี่ ไม่คิดอะไรมาก จึงให้มาเล่นด้วยกัน
(เจี่ยหวนเป็นน้องชายต่างมารดาของเป่าวี่)
เม็ดหนึ่งได้เสียสิบเฉียน 十个钱 กระดานแรกเจี่ยหวนชนะจึงชอบใจใหญ่ แต่กระดานต่อต่อมาแพ้รวดจึงชักร้อนใจ กระดานนี้ถึงตาตัวเองทอดเต๋า ถ้าทอดได้เจ็ดแต้มขึ้นไปชนะแน่ ถ้าได้หกแต้มลงมาก็อาจชนะ หากได้สามแต้มลงมาแพ้แน่
เจี่ยหวนฉวยลูกเต๋ามาทอด ลูกแรกหยุดนิ่งแล้วได้สอง อีกลูกยังหมุนอยู่
อิงเอ๋อปรบมือตะโกนว่า “เอี่ยว 幺”
เจี่ยหวนจ้องเขม็งตะโกนว่า
“หก เจ็ด แปด”
ลูกเต๋ากลับออกเอี่ยว
เจี่ยหวนร้อนใจ หยิบลูกเต๋าขึ้นมาบอกว่าออกสี่แต้ม แล้วจะเอาเงิน
อิงเอ๋อว่า “เห็นชัดชัดว่าออกเอี่ยว”
เป่าไชเห็นเจี่ยหวนร้อนรนขนาดนั้นจึงจ้องอิงเอ๋อแล้วว่า
“ยิ่งโตยิ่งไม่รู้กฎระบียบ พวกเจ้านายจะโกงเจ้าหรือไง ยังไม่วางเงินลงมาอีก”
อิงเอ๋อรู้สึกโดนรังแก เห็นคุณหนูว่าอย่างนั้น จำต้องวางเงินลง แต่บ่นงึมงำว่า
“เป็นเจ้านายยังจะมาโกงเงินไม่กี่เฉียน ข้าไม่นับถือ แต่ก่อนเล่นกับนายรองเป่า เล่นเสียก็ไม่เห็นร้อนใจ เงินที่เหลือยังให้พวกสาวใช้แย่งกัน เขาก็แค่หัวเราะ”
เป่าไชไม่รอนางพูดจบรีบตวาดสั่งให้หยุด
เจี่ยหวนว่า “เอาข้าไปเปรียบกับเป่าวี่ พวกเจ้ากลัวเขาเลยต้องดีต่อเขา มารังแกข้าที่ไท่ไท่ไม่ได้เลี้ยงมาเอง” ว่าแล้วก็ร้องไห้
เป่าไชรีบปลอบว่า “น้องคนดี อย่าพูดเช่นนี้ คนอื่นจะหัวเราะเอา” แล้วก็ด่าอิงเอ๋อ
เป่าวี่มาถึงพอดีเห็นเข้าจึงถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น”
เจี่ยหวนไม่กล้าส่งเสียง
เป่าไชรู้กฎของบ้านนี้ว่า น้องชายต้องยำเกรงพี่ชาย แต่หารู้ไม่ว่า เป่าวี่คิดว่าไม่ควรมีใครจะต้องมาเกรงใจตน เป่าวี่มีความคิดว่า
“พี่น้องมีพ่อแม่อบรมสั่งสอน ทำไมข้าต้องมากเรื่อง พี่น้องจะห่างเหิน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นลูกภรรยาหลวง เขาเป็นลูกภรรยารอง ขนาดข้าผ่อนปรนเรื่องนี้ ยังมีคนนินทาลับหลังว่าข้าวางอำนาจเอากับเขา”
ยังมีเรื่องตลกอีก เป่าวี่เติบโตมาท่ามกลางพี่น้องสตรี ข้างพ่อโดยตรงมี หยวนชุน ทั่นชุน ข้างอามี หยิงชุน ซีชุน ข้างญาติมี เซียงหยุน ไต้วี่ เป่าไช เขาจึงคิดว่าสิ่งประเสริฐบนโลกนี้ล้วนอยู่ในหมู่สตรี พวกบุรุษเป็นเพียงกากเดนโสโครก จึงมองพวกบุรุษเป็นสิ่งน่ารังเกียจ จะมีอยู่หรือไม่ก็ช่าง ส่วนพ่อ ลุง อา พี่น้องชายโดยตรง ปราชญ์เมธีมีสอนถึง ไม่อาจละเลย กับพี่น้องชายแค่ทำตามค่านิยมก็พอ ไม่คิดว่าตัวเองก็เป็นบุรุษ ต้องเป็นแบบอย่างให้พวกน้อง พวกเจี่ยหวนจึงไม่กลัวเขา แต่เกรงแม่เฒ่าเจี่ย จึงยอมให้เสียสามส่วน
เป่าไชคิดว่า เป่าวี่จะอ้างกฎของบ้านสั่งสอนเจี่ยหวน จึงรีบออกตัวให้เจี่ยหวน
เป่าวี่ว่า “ระหว่างเทศกาลปีใหม่ จะร้องไห้ทำไม ที่นี่ไม่สนุกก็ไปเล่นที่อื่น เจ้าก็เรียนหนังสือมาไม่น่าเลอะเลือน อย่างเช่นว่า หากสิ่งนี้ไม่ดี รอบข้างมีสิ่งที่ดี ก็ทิ้งสิ่งนี้ไปหาสิ่งนั้น เจ้าจะมามัวเสียใจร้องไห้กับสิ่งนี้มิบังควร แต่แรกเจ้าตั้งใจมาสนุก กลับแส่หาทุกข์ ยังไม่รีบไปอีก”
เจี่ยหวนฟังแล้ว ได้แต่กลับบ้าน น้าหญิงเจ้า 赵姨娘 เห็นเข้าจึงถามว่า
“ไปถูกใครเขาเหยียบมา”
(น้าหญิงเจ้า เป็นแม่ของเจี่ยหวน เป็นเมียบ่าวของเจี่ยเจิ้ง เมียบ่าวให้กำเนิดลูก ลูกยกฐานะเป็นนาย แม่ยังคงมีฐานะเป็นบ่าว)
เจี่ยหวนว่า “ไปเที่ยวหาพี่เป่าไช อิงเอ๋อรังแกข้า โกงเงินข้าไป พี่เป่าวี่ไล่ข้ากลับมา”
น้าหญิงเจ้าถ่มน้ำลายว่า “ผุย! ใครใช้ให้เจ้าใฝ่สูง คนชั้นต่ำไร้ค่า ที่นั่นใช่ที่เที่ยวหรือ เสนอหน้าไปหาเรื่อง”
บังเอิญยิ่ง พี่เฟิ่งเดินผ่านหน้าต่างมาพอดีได้ยินเข้า จึงพูดข้ามหน้าต่างมาว่า
“เทศกาลปีใหม่ แล้วอย่างไร น้องหวนยังเป็นเด็ก ทำผิดไปก็ควรสอนให้รู้ จะพูดอย่างนั้นเพื่ออะไร ทางนั้นเขาจะเป็นอย่างไรก็มีนายท่านและไท่ไท่กำกับดูแล จะมาปากเสียถ่มถุยทำไม เขาเป็นบุตรเอก ถึงทำผิด ชั่วดีก็มีคนสั่งสอน เกี่ยวกับอะไรกับเจ้า น้องหวน ออกมานี่ ข้าพาไปเที่ยว”
เจี่ยหวนปกติก็กลัวพี่เฟิ่งยิ่งกว่ากลัวหวางฮูหยิน พอได้ยินพี่เฟิ่งเรียก ก็รีบออกมา น้าหญิงเจ้าก็ไม่กล้าโต้เถียง
พี่เฟิ่งพูดกับเจี่ยหวนว่า “เจ้านี่ก็ไม่รู้จักจดจำ ปกติข้าก็บอกเจ้าอยู่ว่า จะกิน จะดื่ม จะเล่นกับพี่น้องชายหญิงคนไหนก็ไปเล่นได้ เจ้าไม่ฟัง กลับไปให้คนพรรค์นั้นสอนเจ้าให้ออกนอกลู่นอกทาง ไม่รู้จักเคารพตัวเอง ใฝ่ต่ำ แล้วยังโทษคนอื่นลำเอียง เล่นเสียไปไม่กี่เฉียน ก็กลายมาเป็นอย่างนี้”
แล้วถามเจี่ยหวนว่า “เจ้าเล่นเสียไปเท่าไร”
เจี่ยหวนจำต้องรับโดยดีว่า “เล่นเสียไปร้อยกว่าสองร้อยเฉียน”
พี่เฟิ่งว่า “เจ้าโชคดีมีฐานะเป็นนาย เสียไปร้อยสองร้อยเฉียนกลับมาทำตัวเยี่ยงนี้”
แล้วหันไปตะโกนบอก “เฟิงเอ๋อ ไปเอาเงินเฉียนมาหนึ่งพวง (พวงละพันเหรียญ) พวกคุณหนูคงยังเล่นกันอยู่ ส่งเขากลับไปเล่นด้วย”
หันมาบอกเจี่ยหวน
“ถ้าเจ้ายังเล่นตุกติกอีก ข้าจะตีเจ้าเอง และให้คนไปฟ้องที่โรงเรียน เขาคงจับเจ้าถลกหนังแน่ เจ้าไม่รู้จักเคารพตัวเอง พี่ชายเจ้าถึงได้โมโห หากข้าไม่ห้ามไว้ คงควักไส้ควักพุงเจ้าออกมาแล้ว”
แล้วตวาดว่า “ไปได้แล้ว”
เจี่ยหวนตามเฟิงเอ๋อไปเอาเงินอย่างสงบเสงี่ยม แล้วไปเล่นกับพวกหยิงชุน
ทางด้านเป่าวี่กำลังคุยเล่นอยู่กับพวกเป่าไช พลันมีคนมาแจ้งว่า “คุณหนูใหญ่สื่อ 史大姑娘 มา ”
เป่าวี่ได้ยินรีบลุกเดิน
เป่าไชหัวเราะว่า “รอด้วย พวกเราไปหานางพร้อมกัน”
แล้วรีบลุกลงจากเตียงผิง มากับเป่าวี่ยังเรือนแม่เฒ่าเจี่ย
สื่อเซียงหยุน 史湘云 กำลังหัวเราะร่วนคุยอย่างออกรส พอเห็นทั้งสองมาก็รีบลุกมาทักทาย
ไต้วี่ก็อยู่ด้วย ถามเป่าวี่ว่า “ไปที่ไหนมา”
เป่าวี่ว่า “ไปหาพี่เป่า (เป่าไช)”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “ข้าว่าแล้ว ถูกมัดตัวเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงเหาะมาแล้ว”
เป่าวี่ว่า “ข้าเล่นกับเจ้าแก้เหงาได้คนเดียวหรือ ข้าแค่ไปหานาง ก็มาว่าเช่นนี้”
ไต้วี่ว่า “พูดไร้สาระ จะไปไหนเกี่ยวอะไรกับข้า ใครให้เจ้ามาช่วยแก้เหงา จากนี้ไปไม่ต้องสนใจข้า”
ว่าแล้วก็งอนกลับห้องไป
เป่าวี่รีบตามมาว่า “อยู่ดีดีทำไมต้องโกรธ ถือว่าข้าพูดผิด เจ้าก็กลับมานั่งก่อน อยู่คุยกับคนอื่นเขา”
ไต้วี่ว่า “เจ้าเป็นผู้ปกครองข้าหรือ”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ข้าย่อมไม่ใช่ผู้ปกครองเจ้า แต่เจ้ากำลังทำร้ายสุขภาพตัวเอง”
ไต้วี่ว่า “ข้าทำร้ายตัวเอง ก็ตายของข้าเอง เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
เป่าวี่ว่า “แย่จริง วันปีใหม่มาพูดถึงเรื่องตาย”
ไต้วี่ว่า “พูดถึงตาย ข้าจะตายเสียเดี๋ยวนี้ เจ้ากลัวตาย ก็อยู่ไปอีกร้อยปี ดีไหม”
เป่าวี่ยิ้มว่า “หาเรื่องกันแบบนี้ ข้าจะกลัวตายไปไย มิสู้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด”
ไต่วี่รีบต่อคำว่า “ถูกแล้ว หาเรื่องกันแบบนี้ ตายเสียรู้แล้วรู้รอด”
เป่าวี่ว่า “ข้าหมายถึง ข้าตายเองรู้แล้วรู้รอด อย่าฟังผิด มาโทษคนอื่น”
เป่าไชเดินมาบอกว่า “พี่สื่อรอพวกเจ้าอยู่”
แล้วจูงมือเป่าวี่ไป ไต้วี่เห็นแล้วยิ่งอารมณ์เสีย หันหน้าหาหน้าต่างแล้วร้องไห้
ไม่ถึงเวลาสองถ้วยชา เป่าวี่ย้อนกลับมา ไต้วี่เห็นแล้ว ยิ่งสะอึกสะอื้นร้องไห้ไม่หยุด เป่าวี่เห็นก็หนักใจ คิดสรรหาวิธีพูดนับร้อยปลอบใจนาง แต่ไม่ทันได้อ้าปากพูด ไต้วี่ชิงดักคอก่อนว่า
“เจ้าจะกลับมาทำไม จะเป็นหรือตายแล้วแต่ข้า วันนี้มีคนเล่นกับเจ้าแล้ว ท่องอ่านเขียนเก่งกว่าข้า ยิ้มคุยเก่งกว่าข้า ทั้งเกรงใจเจ้า จูงเอาเจ้าก็ไป แล้วจะกลับมาทำไม”
เป่าวี่รีบเข้าประชิดค่อยค่อยพูดว่า
“เจ้าก็เป็นคนฉลาด ไม่เคยได้ยินหรือว่า
“亲不间疏 后不僭先
ชิดไม่ตามห่าง หลังไม่แซงหน้า”
ถึงข้าจะเหลวไหล ก็ยังเข้าใจสองคำนี้
ข้อแรก เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องข้างอา พี่เป่าไชเป็นพี่น้องข้างน้า เจ้าชิดกว่านางห่าง
ข้อสอง เจ้ามาก่อน พวกเรากินนอนเติบโตมาด้วยกัน นางเพิ่งมาทีหลัง
แล้วข้าจะห่างเหินเจ้าไปชิดใกล้นางได้อย่างไร”
ไต้วี่ว่า “ข้าบอกให้ท่านเหินห่างนางหรือ ข้าจะกลายเป็นคนประเภทไหน ข้าเพียงพูดไปตามใจข้าคิด”
เป่าวี่ว่า “ข้าก็พูดไปตามใจข้าคิด เจ้าคงรู้ใจตัว ไม่รู้ใจข้า”
ไต้วี่ก้มหน้านิ่งไม่พูดจาไปครึ่งวันจึงว่า
“เจ้าเอาแต่โทษคนอื่นว่าคอยติเตียนเจ้า ไม่รู้ตัวว่าคนอื่นก็ทนเจ้าไม่ไหว อย่างเช่นวันนี้ อากาศออกจะเย็น เจ้ากลับไม่ใส่เสื้อคลุมสีเขียว”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ไม่ใช่ไม่ใส่ เพียงแต่เห็นเจ้าโมโห ข้าร้อนใจจึงถอดออก”
ไต้วี่ถอนหายใจว่า “เป็นหวัดขึ้นมา จะเที่ยวโวยวายหาของกินอีก”
เซียงหยุนเดินเข้ามา ยิ้มว่า
“อ้ายเกอเกอ 爱哥哥 กับพี่หลิน 林姐姐 พวกท่านอยู่ด้วยกันทั้งวัน ข้าอุตส่าห์มา ก็ยังไม่สนใจ”
ไต้วี่ยิ้มว่า “กัดลิ้นพูดยังอยากพูด แค่คำว่า “เอ้อเกอเกอ 二哥哥” ยังเรียกเป็น “อ้ายเกอเกอ 爱哥哥” “อ้ายเกอเกอ 爱哥哥” เวลาเล่นพนันหมากล้อม เจ้าคงนับ “เอี่ยว อ้าย สาม” กระมัง”
(爱 (อ้าย) รัก, ชอบ ; 二 (เอ้อ) รอง, สอง
เป่าวี่เป็นลูกคนที่สอง ควรเรียก เอ้อเกอเกอ 二哥哥 (พี่รอง) เซียงหยุนเรียกไม่ชัดเป็น อ้ายเกอเกอ 爱哥哥 (พี่ที่รัก)
เป่าวี่ยิ้มว่า “เจ้าหัดชินแล้ว เดี๋ยวก็พูดตามได้เอง”
เซียงหยุนว่า “ท่านคอยจับผิดทุกคนไม่เว้นใครเลย ต่อให้ท่านดีเหนือใครในโลก ก็ไม่ควรจับผิดใครต่อใครไปทั่ว ยังมีอยู่คนหนึ่ง ข้าบอกไปแล้ว ท่านหาข้อผิดได้ ข้าจึงนับถือ”
ไต้วี่ถามว่า “ใคร”
เซียงหยุนว่า “ท่านจับผิดจุดอ่อนของพี่เป่าไชได้ ก็นับว่าท่านเก่ง”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “คิดว่าใคร ที่แท้ก็นาง ข้าไม่กล้าจับผิดนางหรอก”
เป่าวี่ไม่รอให้พูดจบ ก็พยายามแยกให้จบเรื่อง
เซียงหยุนยิ้มว่า “ชาตินี้ข้าคงเทียบท่านไม่ได้ เพียงภาวนาให้ได้พี่เขยหลินที่กัดลิ้นพูดทั้งวัน “ซอบซอบเซ่าซัง (ชอบชอบเจ้าจัง)” อามิตาภพุทธ ขอให้ได้เห็นกับตา”
เป่าวี่อดไม่ได้ต้องยิ้ม เซียงหยุนรีบกลับหลังหนี
(จบบทที่ยี่สิบ)
ตอนก่อนหน้า : เผือกหอม
ตอนถัดไป : คัมภีร์หนานหัว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา