เมื่อวาน เวลา 09:30 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 40 คัมภีร์หนานหัว

เซียงหยุนพูดแล้วก็หัวเราะวิ่งหนี กลัวว่าไต้วี่จะตามมาทัน เป่าวี่ตามหลังมารีบบอกว่า
“เดี๋ยวหกล้ม ก็ตามทันเอง”
ไต้วี่ตามมาถึงหน้าประตู เป่าวี่เกาะวงกบประตูขวางไว้ยิ้มว่า
“ปล่อยนางไปสักครั้งเถิด”
ไต้วี่ดึงมือเป่าวี่ว่า “ให้ข้าปล่อยหยุนเอ๋อไป ข้าไม่ขออยู่เป็นผู้เป็นคน”
เซียงหยุนเห็นเป่าวี่ขวางประตูอยู่ รู้ว่าไต้วี่ผ่านมาไม่ได้ จึงหยุดเท้ายิ้มว่า
“พี่คนดี ปล่อยข้าไปเถอะ”
เป่าไชเดินมาอยู่ข้างหลังเซียงหยุน ก็ยิ้มว่า
“ข้าขอให้ท่านทั้งสองเห็นแก่น้องเป่าวี่ เลิกรากัน”
ไต้วี่ว่า “ข้าไม่ยอม พวกท่านพวกเดียวกันมารังแกข้า”
เป่าวี่ว่า “พอเถิด ใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าไม่ล้อนาง นางคงไม่กล้าว่าเจ้า”
ทั้งสี่เถียงกันไม่ทันจบ มีคนมาเชิญไปกินข้าว จึงพากันเดินตามกันมา เป็นเวลาเข้าไต้เข้าไฟ หวางฮูหยิน หลี่หวาน พี่เฟิ่ง หยิงชุน ทั่นชุน ซีชุน พากันมายังเรือนแม่เฒ่าเจี่ย
กินข้าวแล้วนั่งสนทนากันสักพัก ก็แยกย้ายกันไปนอน เซียงหยุนมาพักแรมที่ห้องของไต้วี่เหมือนเช่นเคย
เป่าวี่ตามมาส่งทั้งสองถึงห้อง และนั่งคุยจนเวลากว่ายามสอง สีเหยินมาตามหลายครั้งเป่าวี่จึงยอมกลับห้อง ยามฟ้าสางเช้าวันรุ่งขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้ารองเท้าแล้ว ก็กลับมาที่ห้องไต้วี่อีก ไม่เห็นสาวใช้จื่อเจวียน 紫鹃 ชุ่ยหลวี่ 翠缕 อยู่แต่พี่น้องสองนางยังนอนห่มผ้าอยู่
ไต้วี่หลับสนิทใช้ผ้าห่มไหมบางสีแดงดอกซิ่งห่มมิดชิด เซียงหยุนผมสยายคลุมหมอน ใช้ผ้าห่มไหมสีแดงดอกท้อห่มเสมออก ปล่อยท่อนแขนขาวราวหิมะอยู่นอกผ้าห่ม สวมกำไลทองอยู่คู่หนึ่ง
เป่าวี่ถอนหายใจว่า “นอนก็ยังไม่เรียบร้อย ถูกลมแล้วจะมาบ่นว่าปวดไหล่อีก” แล้วก็ช่วยห่มผ้าให้ใหม่
ไต้วี่รู้สึกตัวตื่นว่ามีคนอยู่ เดาได้ว่าคือเป่าวี่ พลิกตัวมามองก็เห็นว่าใช่ จึงว่า
“มาทำไมเช้าขนาดนี้”
เป่าวี่ว่า “ยังจะว่าเช้า ลุกมาดูดีดี”
ไต้วี่ว่า “เจ้าออกไปก่อน พวกเราจะได้ลุกขึ้น”
เป่าวี่จึงออกมานอกห้อง
ไต้วี่ลุกขึ้นมาปลุกเซียงหยุน ทั้งสองสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เป่าวี่กลับเข้าห้องมานั่งข้างโต๊ะเครื่องแป้ง จื่อเจวียน ชุ่ยหลวี่เข้ามาช่วยหวีแต่งผม เซียงหยุนล้างหน้าเสร็จ ชุ่ยหลวี่จะยกน้ำไปเททิ้ง เป่าวี่ว่า
“หยุดก่อน ข้าจะล้างหน้าต่อ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปที่ห้อง”
เป่าวี่ลุกมา ก้มล้างได้สองวัก จื่อเจวียนยื่นสบู่หอมมาให้ เป่าวี่ว่า
“ไม่ต้องหรอก น้ำในอ่างนี่มีเยอะ”
ก้มล้างอีกสองวัก แล้วขอผ้าเช็ดหน้า
ชุ่ยหลวี่เบะปากยิ้มว่า “นิสัยเก่ากำเริบ”
เป่าวี่ไม่สนใจนาง ค่อยค่อยใช้เกลือขัดฟันแล้วบ้วนปากเสร็จ เซียงหยุนก็หวีผมเสร็จพอดี
เป่าวี่เดินมาหายิ้มว่า “น้องคนดี ช่วยหวีผมให้ข้าที”
เซียงหยุนว่า “ไม่ได้หรอก”
เป่าวี่ยิ้มว่า “น้องคนดี เมื่อก่อนเจ้าก็เคยหวีให้ข้า”
เซียงหยุนว่า “ตอนนี้ข้าลืมแล้ว หวีไม่เป็นแล้ว”
เป่าวี่ว่า “อย่างไรเสียก็ไม่ได้ออกจากบ้าน แค่ถักให้เป็นเปียก็ใช้ได้แล้ว”
ว่าแล้วก็พัน“น้อง”หมื่น“น้อง” ร้องขอ
เซียงหยุนจึงต้องชโลมน้ำมันแล้วหวีให้
เป่าวี่เวลาอยู่บ้านไม่สวมมงกุฏ เพียงถักเปียเล็กรอบศีรษะแล้วรวบขึ้นไปรวมกันบนกระหม่อมใช้ผ้าแดงมัดรวมเป็นเปียใหญ่ บนเปียมีมุกสี่เม็ด ปลายเปียมีตุ้มทองห้อย
เซียงหยุนจัดผมไปคุยไปว่า “มุกนี่มีเพียงสามเม็ด เม็ดนี้ไม่ใช่ ข้าจำได้ว่าสี่เม็ดนั้นเหมือนกัน หายไปไหนเม็ดหนึ่ง”
เป่าวี่ว่า “ทำหายไปเม็ดหนึ่ง”
เซียงหยุนว่า “คงตอนออกไปข้างนอก ทำหล่นคนเก็บไปแล้ว คนเก็บโชคดีไป”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “ไม่รู้ว่าทำหายจริง หรือฝังเครื่องประดับให้ใครไป”
เป่าวี่ไม่ตอบ สองข้างกระจกล้วนเครื่องแป้ง เป่าวี่หยิบนั่นหยิบนี่มาดู แล้วก็หยิบเอาตลับชาดทาปากขึ้นมา อยากจะลองทาดู ก็กลัวเซียงหยุนว่าเอา ลังเลอยู่นั้น เซียงหยุนเอื้อมมือมาจากด้านหลังตบมือของเป่าวี่จนตลับหล่น แล้วว่า
“นิสัยเก่าแก้ไม่หาย ต้องปรับปรุง”
ไม่ทันขาดคำ สีเหยินเดินเข้ามาดูสภาพการณ์แล้วรู้ว่าหวีแต่งผมกันเรียบร้อยแล้ว จึงกลับห้องไปทำผมตัวเองบ้าง
เป่าไชพลันเดินเข้าห้องมาถามว่า “น้องเป่าไปไหนแล้ว”
สีเหยินยิ้มเยาะว่า “ “น้องเป่า”มีหรือจะอยู่ติดบ้าน”
เป่าไชได้ฟังก็รู้ที
สีเหยินถอนหายใจพูดต่อว่า “พี่น้องกลมเกลียวก็ยังมีระยะห่าง ไม่ใช่ขลุกกันอยู่แต่เช้ายันค่ำ ใครจะเตือนก็ทำหูทวนลม”
เป่าไชคิดในใจว่า “ไม่อาจมองข้ามสาวใช้นางนี้ ฟังนางพูดเหมือนรู้อะไรมา”
เป่าไชจึงนั่งลงบนเตียงผิง แล้วชวนนางคุยเรื่อยเปื่อย ถามว่านางอายุเท่าไร บ้านเดิมอยู่ไหน ฟังนางอย่างตั้งอกตั้งใจพินิจพิเคราะห์ พบว่านางน่ารักและน่านับถือ
พอเป่าวี่กลับเข้ามา เป่าไชก็กลับออกไป เป่าวี่จึงถามสีเหยินว่า
“พี่เป่าคุยอะไรกับเจ้าเสียสนิทสนม พอเห็นข้ามาก็เผ่นไปเสียแล้ว”
ถามคำแรกไม่ตอบ จึงถามใหม่ สีเหยินว่า
“ถามข้าหรือ ข้าไม่รู้เรื่องระหว่างพวกท่าน”
เป่าวี่ฟังแล้ว สังเกตสีหน้านางผิดปกติ จึงยิ้มว่า
“โมโหอะไรมา”
สีเหยินยิ้มเยาะว่า “ข้าหรือกล้าโมโห จากนี้ท่านอย่าเข้ามาในห้องนี้ดีกว่า มีคนรับใช้ท่านแล้ว ไม่ต้องมาใช้ข้า ข้าจะกลับไปรับใช้เหล่าไท่ไท่”
พูดจบก็ล้มตัวลงบนเตียงผิงแล้วหลับตา
เป่าวี่เห็นสภาพนางเช่นนั้นให้รู้สึกแปลกใจยิ่ง อดไม่ได้ต้องเข้ามารบเร้าถาม สีเหยินเอาแต่หลับตาไม่สนใจ เป่าวี่จนปัญญา ก็พอดีเห็นเส้อเยว่เดินเข้ามา จึงถามว่า
“พี่สาวเจ้าเป็นอะไรไป”
เส้อเยว่ว่า “ข้าจะรู้ไหม ท่านลองถามตัวเองดูก็คงเข้าใจ”
เป่าวี่ฟังแล้วอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกไม่สนุก จึงลุกขึ้นโพล่งว่า “ไม่สนใจข้า ข้าจะไปนอน”
พูดแล้วก็ลุกจากเตียงผิง ไปนอนยังเตียงของตน
สีเหยินไม่รู้สึกว่าเป่าวี่มีความเคลื่อนไหวใดอยู่ค่อนวัน คะเนว่าคงหลับสนิท จึงลุกขึ้นเอาเสื้อคลุมมาห่มให้เป่าวี่ พลันดังพรึ่บ เป่าวี่สะบัดเสื้อคลุมทิ้ง ยังคงหลับตาแกล้งหลับ
สีเหยินรู้ที ผงกหัวยิ้มเยาะว่า “ท่านไม่ต้องโมโห จากนี้ไป ข้าก็จะทำเป็นบ้าใบ้ไม่พูดจา ดีหรือไม่”
เป่าวี่อดไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาถามว่า
“ข้าเป็นอย่างไรอีก เจ้าจะเตือนอะไรข้า ก็เตือนมาเลย เมื่อครู่ก็ไม่ได้เตือน พอข้าเข้ามา เจ้าทำไม่สนใจ งอนนอนไป ข้าจับต้นชนปลายไม่ถูก ทีนี้เจ้ากลับมาว่าข้าโมโห”
สีเหยินว่า “ท่านก็รู้อยู่แก่ใจ ยังต้องให้ข้าพูด”
เถียงกันอยู่นั้น แม่เฒ่าเจี่ยให้คนมาตามไปกินข้าว เป่าวี่ข้ามมากินพอเป็นพิธีแล้วก็กลับมาที่ห้อง เห็นสีเหยินนอนอยู่บนเตียงผิงด้านนอก เส้อเยว่เล่นไพ่อยู่ด้านข้าง เป่าวี่รู้ดีว่าทั้งสองสนิทกัน เป่าวี่แหวกม่านเดินเข้าห้องไม่สนใจแม้กระทั่งเส้อเยว่ เส้อเยว่จึงเดินตามเข้าห้องมา
เป่าวี่ผลักนางออกไปว่า “ไม่กล้ารบกวน”
เส้อเยว่ยิ้ม เดินกลับออกมาเรียกสาวใช้สองนางเข้าไปรับใช้แทน
เป่าวี่หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง เอียงคออ่านอยู่ค่อนวัน อยากดื่มชา จึงเงยหน้ามองเห็นสาวใช้ยืนอยู่สองคน คนโตอายุมากกว่าสักสองปี หน้าตาหมดจด เป่าวี่ถามว่า
“เจ้าชื่อ เซียงอะไรสักอย่าง”
สาวใช้ผู้นั้นตอบว่า “ชื่อหุ้ยเซียง 蕙香”
เป่าวี่ถามว่า “ใครตั้งชื่อให้เจ้า”
หุ้ยเซียงว่า “เดิมข้าชื่อ หยุนเซียง 芸香 พี่ฮวาเปลี่ยนชื่อให้” (พี่ฮวา 花姐 คือ ฮวาสีเหยิน)
เป่าวี่ว่า “ชื่อจริงเจ้า “ดวงเสีย” กระมัง เจ้ามีพี่น้องกี่คน”
หุ้ยเซียงว่า “สี่คน”
“เจ้าเป็นคนที่เท่าไร”
“คนที่สี่”
เป่าวี่ว่า “ต่อไปเรียกเจ้าว่า “สื้อเอ๋อ 四儿 (เจ้าสี่)” ไม่ต้อง หุ้ยเซียง หายเสีย ดวงเสีย ตั้งชื่อเป็นกล้วยไม้ ถือเป็นการลบหลู่ (蕙 หุ้ย คือกล้วยไม้หนึ่งก้านมีหลายดอก)”
แล้วบอกให้นางไปเทน้ำชามา
สีเหยิน เส้อเยว่แอบฟังอยู่ข้างนอก พากันเบะปากยิ้ม
วันนี้ เป่าวี่ไม่ไปไหน เอาแต่นั่งมึน หนังสือก็ไม่อ่าน งานก็ไม่เขียน ใครก็ไม่เรียก มีแต่สื้อเอ๋อ สื้อเอ๋อเป็นเด็กฉลาด เห็นเป่าวี่เรียกใช้ ก็ตั้งใจทำเต็มที่เอาใจเป่าวี่
หลังอาหารเย็น เป่าวี่ดื่มสุราไปสองจอก หูตาร้อนผ่าว หากเป็นยามปกติคงยิ้มหัวกับพวกสีเหยินสนุกสนาน มาวันนี้นั่งตามตะเกียงอยู่คนเดียวเดี่ยวโดดไม่สนุก ครั้นจะไปง้อพวกนาง ก็กลัวพวกนางจะได้ใจ วันหลังจะยิ่งหาเรื่องมาเตือนตน ครั้นจะวางมาดเจ้านายไปต่อว่าพวกนาง ก็ออกจะใจร้ายเกินไป เช่นนั้นก็ทำใจ
“ถือเสียว่าพวกนางตายไปแล้ว ต้องอยู่ให้รอดด้วยตัวเอง”
คิดเช่นนั้นก็คลายกังวล พึงใจในตนเอง สั่งให้สื้อเอ๋อตัดเทียนชงชา แล้วตัวเองก็หยิบ 《คัมภีร์หนานหัว 南华经》 (ของจวงจื่อ 庄子) เปิดภาคนอก 外篇 บทว่าด้วย 《ลักขโมย 胠箧 (งัดหีบ)》 มาอ่านความว่า
“โบราณว่า
ทอดทิ้งเมธีละทิ้งปัญญา หยุดยั้งมหาโจร
ทิ้งหยกทำลายมุก กำจัดโจรลักขโมย
เผายันต์ทำลายตรา ชาวประชาจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยม
ตัดทะนานหักตาชั่ง ชาวประชาเลิกแก่งแย่ง
ทำลายกฎเกณฑ์ของเมธีในใต้หล้า ชาวประชากลับมาวิพากษ์วิจารณ์ดังเคย
ละทิ้งบันไดเสียงทั้งหก ทำลายเครื่องดนตรี อุดหูกูค่วง 瞽旷 (ปรมาจารย์ดนตรีตาบอดแห่งรัฐจิ้นยุคชุนชิว ผู้มีหูที่สามารถแยกแยะเสียงได้วิเศษ) เสียงเสนาะกลับมาสู่ไพร่ฟ้า
ฉีกบทความ ไม่ใส่ใจแม่สีทั้งห้า ปิดตาหลีจู 离朱 (ผู้มีสายตายาวมองได้ชัดเจนถึงหนึ่งร้อยก้าว) สิ่งจริงแท้กลับมาสู่ไพร่ฟ้า
ทำลายตะขอและเชือก ทิ้งวงเวียนและไม้ฉาก ตัดนิ้วกงฉุย 工倕 (นายช่างในตำนานสมัยพระเจ้าเหยา 尧) ความเชี่ยวชาญกลับมาสู่ไพร่ฟ้า”
อ่านมาถึงตรงนี้ ฤทธิ์เหล้ากำเริบ คว้าพู่กันมาเขียนผนวกว่า
“เผาดอกไม้กระจายกลิ่นหอม นวลนางเก็บคืนคำเตือน
ทำลายโฉมเซียนของเป่าไช ผลักไสความแหลมคมของไต้วี่
สิ้นเสน่หาแห่งฟ้า ดีชั่วดังเดิมกลับคืนสู่เคหา
เก็บคืนคำเตือน มิต้องกังวลการขัดแย้ง
ทำลายโฉมเซียน มิต้องมีใจรักใคร่
ผลักไสความแหลมคม มิต้องมีอารมณ์สร้างสรรค์
ทั้งปิ่น หยก ดอกไม้ กลิ่นหอม ล้วนเหวี่ยงแหขุดหลุมล่อให้ใต้หล้าลุ่มหลง”
เขียนเสร็จทิ้งพู่กันแล้วเข้านอน พอหัวถึงหมอนก็หลับสนิทโดยพลันตลอดคืน
(ปิ่น หยก ดอกไม้ กลิ่นหอม
ปิ่น 钗 (ไช) คือ เป่าไช
หยก 玉 (วี่) คือ ไต้วี่
ดอกไม้ 花 (ฮวา) แซ่ของสีเหยิน
กลิ่นหอม 麝 (เส้อ) คือ เส้อเยว่)
เป่าวี่ตื่นมายามฟ้าแจ้ง พลิกตัวมาเห็นสีเหยินหลับทั้งชุดเสื้อผ้าทับอยู่บนผ้าห่ม เป่าวี่ลืมเรื่องเมื่อวาน ผลักปลุกนางแล้วว่า
“ลุกขึ้น นอนดีดี เดี๋ยวเป็นหวัด”
อันที่จริง สีเหยินเห็นเป่าวี่ขลุกอยู่กับพี่น้องสตรีจนลืมวันลืมคืน จะเตือนตรงตรงก็คงไม่ฟัง จึงใช้ไม้อ่อนตักเตือน คิดว่าไม่เกินครึ่งวัน เป่าวี่คงกลับมาเหมือนเก่า คิดไม่ถึงว่าเป่าวี่ทั้งวันไม่เปลี่ยน ตัวเองกลับเป็นห่วง พานไม่ได้นอนดีดีตลอดคืน ตอนนี้เห็นว่าเป่าวี่คงกลับมาเหมือนเดิมแล้ว จึงทำเป็นไม่สนใจต่อ
เป่าวี่เห็นนางไม่ตอบ จึงเอื้อมมือมาช่วยถอดชุดให้นาง เพิ่งแกะกระดุมเม็ดแรก สีเหยินก็ผลักมือออกแล้วกลัดกระดุมกลับดังเดิม
เป่าวี่ดึงมือนางไว้แล้วว่า “เจ้าเป็นอะไรไป” ถามต่อกันหลายคำ
สีเหยินลืมตามาว่า “ข้าไม่เป็นอะไร ท่านตื่นแล้ว ก็ไปหวีผมล้างหน้าตรงนั้น สายกว่านี้ เดี๋ยวไม่ทัน”
เป่าวี่ว่า “ข้าต้องไปไหน”
สีเหยินว่า “ท่านถามข้า จะรู้ไหม ท่านอยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น นับจากนี้พวกเราไม่ข้องแวะกัน ไม่ต้องมาเถียงกันเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะ ท่านเบื่อทางนี้ ทางนั้นก็ยังมี สื้อเอ๋อ อู่เอ๋อ คอยรับใช้ พวกเราจะได้ไม่ไปแปดเปื้อนท่าน”
เป่าวี่ยิ้มว่า “เจ้ายังจำไว้อีกหรือ”
สีเหยินว่า “ร้อยปีไม่มีลืม ไม่เหมือนท่าน ฟังคำข้าเหมือนหูทวนลม เย็นว่า เช้าก็ลืม”
เป่าวี่เห็นนางกระเง้ากระงอด จึงหยิบปิ่นข้างหมอนมาเล่มหนึ่งแล้วหักครึ่งว่า
“ถ้าข้าไม่ฟังเจ้าอีก ขอให้เหมือนปิ่นเล่มนี้”
สีเหยินรีบเก็บปิ่นขึ้นว่า “ตื่นเช้ามา ก็ทำเรื่องไม่เป็นมงคล ท่านจะฟังข้าหรือไม่แล้วแต่ท่าน ข้าไม่มีค่าพอให้ท่านมาทำเช่นนี้”
เป่าวี่ว่า “เจ้าไม่รู้ว่าข้าร้อนใจ”
สีเหยินว่า “ท่านรู้จักร้อนใจด้วยหรือ แล้วท่านรู้ใจข้าไหม รีบลุกไปล้างหน้าเถิด”
แล้วทั้งคู่ก็ลุกไปล้างหน้าหวีผม
เป่าวี่ออกจากห้องไป ไต้วี่แวะมาหา เห็นเป่าวี่ไม่อยู่ที่ห้อง จึงหยิบหนังสือมาพลิกดู ให้บังเอิญไปพลิกคัมภีร์จวงจื่อเล่มที่เป่าวี่เขียนต่อท้ายเมื่อวาน พออ่านแล้วทั้งโกรธทั้งขำ หยิบพู่กันมาเขียนต่อท้ายบ้างว่า
无端弄笔是何人?剿袭《南华》庄子文。
不悔自家无见识,却将丑语诋他人!
ผู้ใดกันไร้เหตุผลชอบกลเขียน
ล้อเลียนอักษรจวงจื่อหนานหัว
อวิชชาท่วมหัวไม่รู้ตัว
เอาคำชั่วบัดสีใส่ไคล้ผู้คน
เขียนเสร็จ ก็ออกจากห้องไปเยี่ยมคารวะแม่เฒ่าเจี่ยและหวางฮูหยิน
ตอนก่อนหน้า : เจี่ยหวนเล่นโกง
ตอนถัดไป : แม่นางตอ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา