7 ชั่วโมงที่แล้ว • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🚀 “Beyond Framework" เมื่อองค์กรเริ่มเลิกลอกสูตร และเริ่มออกแบบวิถีของตัวเอง

💥 เมื่อสูตรสำเร็จ เช่น คำว่า Agile เริ่มหมดมนต์ขลัง?
กว่า 10 ปีที่คำว่า Agile, Scrum, OKR, Design-Thking เป็นต้น  กลายเป็น “ศาสนาใหม่” ของวงการธุรกิจ องค์กรทั่วโลกต่างเร่งติดตั้ง Framework อย่าง Scrum, Kanban, SAFe, หรือ OKR ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยปลดล็อกการทำงานแบบเดิม เพิ่มความเร็ว และทำให้คนในองค์กรมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่อเข้าสู่การกำเนิดของ GenAI ช่วง 2023- ปัจจุบัน ผลคือ

“เสียงสะท้อนจากผู้นำองค์กรกลับเริ่มเปลี่ยนไป เช่น คำว่า Agile Transformation กลายเป็นคำที่ “ขายยากที่สุดในรอบทศวรรษ” เป็นต้น”
* ไม่ใช่เพราะ Agile ไม่ดี แต่เพราะองค์กรที่ “ได้ลองทำ” ตลอด 5–6 ปีที่ผ่านมาเริ่มเข้าใจแล้วว่า “Framework” เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่คำตอบ
* การเปลี่ยนผ่าน (Transformation) ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรม เช่น การประชุมรายวัน แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และระบบความสัมพันธ์ในองค์กรให้เชื่อมโยงกันด้วยเป้าหมายเดียว
* หลายองค์กรยอมรับตรงกันว่า Agile ช่วยได้แค่ “ช่วงต้นทางของการเปลี่ยนแปลง” แต่เมื่อขนาดองค์กรใหญ่ขึ้น ระบบซับซ้อนขึ้น และคนหลากหลายขึ้น Framework ที่เคย work กลับกลายเป็นภาระ เพราะแต่ละทีม “ตีความ” หลักการไปคนละทิศ ผลคือความเหนื่อย ความสับสน และ “Agile Fatigue” ที่กำลังเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรม
* Agile จึงไม่ต่างจากยาแรงที่ช่วยฟื้นอาการเฉียบพลัน แต่ไม่ใช่ยารักษาโรคเรื้อรัง การติดตั้ง Framework โดยไม่เข้าใจเป้าหมายธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กร จึงเหมือนการใช้ยาแรงผิดขนาด เช่น บางองค์กรทำ Daily Meeting ทุกวันแต่ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร? หรือ บางทีมทำ Retrospective ทุก Sprint แต่ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่เลย?
เพราะสิ่งที่ขาดไม่ใช่ขั้นตอน แต่คือ “เหตุผลร่วมกัน” ว่าทำไมต้องเปลี่ยน
====
📉 “ The Buzzword Lifecycle” เช่น จาก Agile ถึง Re-engineering?
วงจรขอ Buzz ในวงการบริหารนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยทุกทศวรรษจะมีคำใหม่ที่ถูกเชิดชูให้เป็น “คำตอบของทุกปัญหา” แต่สุดท้ายก็จางหายไป เหลือเพียงหลักคิดที่ดีงามไว้ให้คนรุ่นต่อไปเรียนรู้ เช่น
* ยุค 1980: Total Quality Management (TQM) คือสัญลักษณ์แห่งคุณภาพ
* ยุค 1990: Business Process Reengineering (BPR) คือคัมภีร์ของการปรับโครงสร้างองค์กร
* ยุค 2000: Lean Six Sigma คือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
* ยุค 2010: Agile กลายเป็นสัญลักษณ์ของความคล่องตัวและการปรับตัวทันโลก
แต่ทุกครั้งที่คลื่นเหล่านี้ผ่านไป สิ่งที่เหลือรอดไม่ใช่ Framework หากแต่คือหลักการที่สามารถปรับให้เข้ากับอัตลักษณ์ขององค์กรได้อย่างแท้จริง การ “เห่อ Framework” แล้วหวังให้ทุกอย่างดีขึ้นในชั่วข้ามคืน มักลงเอยด้วยการเสียเวลา เสียพลัง และสูญเสียความเชื่อมั่นในหมู่พนักงาน
เมื่อทุกองค์กรพูดภาษาเดียวกัน คำเหล่านั้นก็จะหมดพลัง เหมือน “Buzzword” ที่ใช้เกินขนาด Agile จึงกำลังเดินเข้าสู่ช่วงถัดไปของวงจร คือ “จากกระแส → สู่พื้นฐาน → สู่การสร้างอัตลักษณ์ใหม่”
====
🏛️ "The Rise of Organizational Identity” = วิถีที่สร้างเอง ดีกว่าที่ลอกมา
องค์กรที่ผ่านยุคของการ “เห่อ Framework” แล้ว เริ่มหันมามองตัวเองใหม่ พวกเขาค้นพบว่า “สิ่งที่ขาดไม่ใช่กระบวนการ แต่คืออัตลักษณ์ (Identity)”
"Identity Corporate Innovation Ways" คือแนวคิดยุคใหม่ที่องค์กรเริ่มออกแบบระบบการทำงานในแบบฉบับของตนเอง โดยผสมผสานหลักการจากหลายสำนัก เช่น Lean, Agile, OKR, Design Thinking, Systems Thinking หรือ Human-Centered Design เข้าด้วยกันอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อสร้าง “ระบบที่ใช้ได้จริง” มากกว่าระบบที่ “ถูกต้องตามตำรา” เช่น
* ING Group (เนเธอร์แลนด์): ใช้ Agile เพียงบางส่วน แต่ปรับโครงสร้างแบบ Tribe Model ให้เหมาะกับวัฒนธรรมธนาคาร สร้าง “ING Way of Working” ที่เน้น Collaboration มากกว่า Ceremony
* Atlassian: ใช้วัฒนธรรม “Open Company, No Bullshit” แทนการบังคับใช้ Scrum Master ทุกทีม พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบโปร่งใส ทำให้ Alignment เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
* Toyota: ใช้หลัก Lean โดยไม่เคยพยายามขาย Lean ให้ใคร เพราะ Toyota มองว่า Lean ไม่ใช่ Framework แต่คือวิธีคิดที่พัฒนาได้ไม่รู้จบ
องค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไม่เคยพูดว่า “เราทำตาม Framework ไหน?” แต่จะพูดว่า “นี่คือวิถีของเรา”  และนั่นคือหัวใจของความยั่งยืน

====
🔄 The End of Framework-Defined Roles เช่น  PO, SM, Coach กำลังจะเปลี่ยนไปไหน?
เมื่อองค์กรเริ่มหลุดจากกรอบ Framework สิ่งแรกที่ต้องถูกทบทวนคือ “บทบาทของคน” ที่เคยถูกนิยามไว้โดยตำรา
* Product Owner (PO): จากตำแหน่งที่ถือกำเนิดใน Scrum เริ่มถูกแทนที่ด้วย Product Manager (PM) ที่มองกลยุทธ์และผลลัพธ์ระยะยาวมากกว่า เพราะ “Owner” ที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจจริง ไม่อาจรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ได้อย่างแท้จริง
* Scrum Master / Agile Coach: จากผู้รักษากติกา เริ่มกลายเป็น Transformation Lead หรือ Portfolio Manager ที่เชื่อมโยงกลยุทธ์กับผลลัพธ์เชิงธุรกิจโดยตรง เน้นผลลัพธ์มากกว่าพิธีกรรม
* Enterprise Coach / Change Agent: บทบาทใหม่ที่เน้น “ระบบนิเวศของการเปลี่ยนแปลง” แทนที่จะโฟกัสแค่ทีมเดียว เพราะองค์กรยุคใหม่ต้องการผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจทั้งคน กระบวนการ และข้อมูล
ในยุคที่ AI เริ่มเข้ามาแทนงานซ้ำๆ บทบาทที่ยึดติดกับการ “ถือ Framework” โดยไม่สร้างคุณค่าใหม่ กำลังถูกแทนที่อย่างรวดเร็ว
คนที่จะอยู่รอดไม่ใช่ผู้รู้วิธีใช้ Framework แต่คือผู้ที่เข้าใจ “เหตุผลของ Framework” และสามารถสร้างระบบใหม่จากหลักการเดิมได้
====
💡 "From Tools to Purpose" เมื่อโจทย์สำคัญกว่าเครื่องมือ
โลกธุรกิจกำลังเข้าสู่ยุคที่ “ความหมาย” มีค่ามากกว่า “ความเร็ว” องค์กรที่ยึดติดกับเครื่องมือจะหมดแรงกลางทาง เพราะลืมถามคำถามพื้นฐานที่สุดว่า “เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?”
* ถ้าใช้ OKR โดยไม่เข้าใจคุณค่าที่องค์กรต้องการสร้าง Objective ก็เป็นเพียงข้อความบนกระดาน
* ถ้าทำ Sprint โดยไม่เข้าใจลูกค้า ความเร็วที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ต่างจากการวิ่งในที่เดิม
Framework ให้คำตอบเรื่อง How แต่ Purpose ให้เหตุผลเรื่อง Why
* องค์กรที่เริ่มโตจากภายใน มักกลับไปทบทวน Purpose ก่อน แล้วค่อยเลือกเครื่องมือที่สอดคล้อง ไม่ใช่เลือกเครื่องมือก่อนแล้วค่อยหาเหตุผลให้เข้ากับมัน
* ผู้นำจึงต้องกล้าพูดคำว่า “พอ” กับเครื่องมือบางอย่าง และ “ใช่” กับสิ่งที่สร้างคุณค่าจริง
ในยุคที่โลกเปลี่ยนเร็วกว่าคู่มือ Framework ที่เราเคยถือไว้ การถามคำถามว่า “ทำไม” กลับกลายเป็นกลยุทธ์การเอาตัวรอดที่ทรงพลังที่สุด
====
✨ "Framework อาจหมดอายุ แต่ภาวะผู้นำไม่เคยหมดค่า?"
ภาวะผู้นำคือสิ่งเดียวที่ไม่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี เพราะ Framework ใดๆ ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของ “องค์กรสมมติ” ในตำรา แต่ผู้นำต้องเผชิญกับความจริงในสนามที่ซับซ้อนกว่าเสมอ
การมี Framework ที่ดี คือการมีเข็มทิศ แต่การมีภาวะผู้นำที่ดี คือการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้เข็มทิศ และเมื่อไหร่ควรสร้างเส้นทางใหม่
ผู้นำยุคใหม่จึงไม่ได้ถูกจดจำในฐานะคนที่ “ใช้ Framework เก่ง”
แต่ในฐานะคนที่ “สร้าง Framework ที่เหมาะกับทีมของตัวเอง”
====
🌍 Beyond Framework คือการกลับสู่รากแท้ของการเรียนรู้
Agile, Lean, OKR หรือ Design Thinking ไม่ได้หายไปไหน แต่ได้กลับสู่จุดที่มันควรอยู่ ในฐานะ “หลักคิดพื้นฐาน” ของผู้นำยุคใหม่ ไม่ใช่พิธีกรรมให้ทำตามตัวอักษร
"องค์กรที่เติบโตอย่างแท้จริง" ไม่ได้โตเพราะ Framework แต่เพราะพวกเขามีวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ต่อเนื่อง (Continuous Learning Culture) ที่กล้า “ตั้งคำถามกับของเดิม” และ “สร้างของใหม่ด้วยตัวเอง”
“ไม่มี Framework ใดดีที่สุด มีแต่ Framework ที่เหมาะกับเรา” และนั่นคือสัญญาณขององค์กรที่พัฒนาอย่างแท้จริงในยุคหลัง Agile
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#Agile
#DigitalTransformation
#CorporateCulture
#FutureOfWork
#Innovation
#Leadership
#วัฒนธรรมองค์กร
โฆษณา