4 ชั่วโมงที่แล้ว • ยานยนต์

เติมลมไนโตรเจน VS ลมยางปกติ: แบบไหนดีกว่าและคุ้มค่าสำหรับรถคุณ?

การเลือกลมยางที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ปัจจุบันมีตัวเลือกหลักอยู่สองแบบคือ ลมยางปกติ (Compressed Air) และ ลมยางไนโตรเจน (Nitrogen) มาดูกันว่าลมแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร
💨 1. ลมยางปกติ (Compressed Air)
ลมยางปกติที่เราเติมตามปั๊มทั่วไป คืออากาศที่เราหายใจ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือไนโตรเจน (ประมาณ 78%), ออกซิเจน (ประมาณ 21%) และก๊าซอื่น ๆ รวมถึงความชื้น
ข้อดี (Pros)
  • หาเติมง่าย
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เติมผสมได้ทันที
ข้อเสีย (Cons)
  • แรงดันเปลี่ยนแปลงง่าย เนื่องจากมีไอน้ำผสมอยู่ เมื่อยางร้อนขึ้น ความดันจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ออกซิเจนและความชื้นสามารถทำให้เกิดสนิมในกระทะล้อเหล็ก และทำปฏิกิริยาให้เนื้อยางด้านในเสื่อมสภาพ (Oxidize) ได้ในระยะยาว
  • โมเลกุลเล็ก ทำให้รั่วซึมออกจากยางได้เร็วกว่า ต้องตรวจเช็กบ่อยครั้ง
2. ลมยางไนโตรเจน (Nitrogen)
คือลมที่ผ่านกระบวนการคัดแยกเอาออกซิเจนและความชื้นออกไปให้เหลือแต่ก๊าซไนโตรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูง (ประมาณ 93% - 99%) เดิมใช้ในรถแข่งและเครื่องบิน
ข้อดี (Pros)
  • 1.
    รักษาแรงดันได้สม่ำเสมอ เป็นก๊าซแห้งและเป็นกลาง (เฉื่อย) ทำให้แรงดันยางเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แม้ขณะขับขี่ความเร็วสูงหรือทางไกล
  • 2.
    ยืดอายุการใช้งานยางและล้อ ไม่มีออกซิเจนและความชื้น จึงลดการเกิดสนิมและการเสื่อมสภาพของยางจากภายในได้
  • 3.
    โมเลกุลใหญ่ โมเลกุลของไนโตรเจนมีขนาดใหญ่กว่า ทำให้รั่วซึมออกจากยางได้ช้ากว่าลมปกติหลายเท่า
ข้อเสีย (Cons)
  • 1.
    มีค่าใช้จ่าย การเติมลมไนโตรเจนต้องเสียค่าบริการ ซึ่งสูงกว่าลมปกติ
  • 2.
    จุดเติมจำกัด ไม่สามารถหาเติมได้ทุกที่เหมือนปั๊มน้ำมันทั่วไป
  • 3.
    ไม่ควรเติมผสม หากเดิมเติมไนโตรเจนบริสุทธิ์ ควรเติมไนโตรเจนเท่านั้น เพราะหากเติมลมปกติผสมจะทำให้สูญเสียคุณสมบัติของไนโตรเจนไป
ข้อสรุปที่สำคัญ: ไม่ว่าคุณจะเลือกเติมลมชนิดใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ ตามค่าที่ผู้ผลิตกำหนด เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่
#เติมลมไนโตรเจน #เติมลมยางปกติ #เติมลมยาง
โฆษณา