3 พ.ย. เวลา 09:27 • ประวัติศาสตร์

ความฝันในหอแดง 42 วันเกิดเป่าไช

เจี่ยเหลียนหยุดเท้าถามว่า “มีเรื่องอะไร”
พี่เฟิ่งว่า “วันที่ยี่สิบเอ็ดนี้เป็นวันเกิดน้องเซวีย ท่านจะเอาอย่างไร”
เจี่ยเหลียนว่า “ข้าจะไปรู้หรือ เจ้าจัดงานวันเกิดทั้งเล็กใหญ่มากี่งานแล้ว ครั้งนี้ทำไมต้องมาถาม”
พี่เฟิ่งว่า “งานวันเกิดใหญ่ย่อมมีระเบียบพิธีกำหนด แต่วันเกิดนางครั้งนี้ ใหญ่ก็ไม่ใช่ เล็กก็ไม่เชิง จึงมาหารือท่าน”
เจี่ยเหลียนก้มหน้าคิดอยู่ครึ่งวันจึงว่า
“เจ้าก็เลอะเลือน ตัวอย่างก็มีอยู่ อย่างของน้องหลิน (ไต้วี่) ปีที่แล้วจัดให้น้องหลินอย่างไร เที่ยวนี้ก็จัดให้น้องเซวียอย่างนั้น”
พี่เฟิ่งยิ้มหยันว่า “เรื่องนี้ทำไมข้าจะไม่รู้ ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ฟังเหล่าไท่ไท่เมื่อวานถามถึงวันเกิดของแต่ละคน รู้ว่าปีนี้น้องเซวียอายุสิบห้าปี แม้จะไม่ใช่วันเกิดใหญ่ แต่ก็เป็นวันอายุครบปักปิ่น 将笄 เหล่าไท่ไท่จะจัดงานให้นาง แน่นอนว่าไม่เหมือนงานน้องหลินเมื่อปีกลาย”
เจี่ยเหลียนว่า “เช่นนั้น ก็เพิ่มข้าวของให้มากกว่างานน้องหลินสักหน่อย”
พี่เฟิ่งว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้น จึงอยากฟังจากปากท่าน ข้าเพิ่มไปเอง ท่านจะหาว่าไม่บอกให้ชัดเจนก่อน”
เจี่ยเหลียนยิ้มว่า “เอาเถิด เรื่องน้ำใจจอมปลอมนี่ข้าไม่ใส่ใจ เจ้าไม่คอยซักข้าก็พอแล้ว ข้าจะไปว่าอะไรเจ้า”
ว่าแล้วก็เดินจากไป
ทางด้านเซียงหยุน 湘云 มาพักค้างอยู่ได้สองวันก็จะลากลับ แม่เฒ่าเจี่ยจึงว่า
“อยู่ร่วมงานวันเกิดพี่เป่า ดูงิ้วแล้วค่อยกลับ”
เซียงหยุนจึงอยู่ต่อ ให้คนกลับไปที่บ้านเอางานเย็บปักของตนที่ทำเอาไว้สองชิ้นมาไว้เป็นของขวัญวันเกิด
แม่เฒ่าเจี่ยชอบใจที่เป่าไชเป็นคนสงบเยือกย็น เป็นงานวันเกิดครั้งแรกนับแต่มาอยู่ด้วยกัน จึงนำเงินส่วนตัวยี่สิบตำลึง มอบให้พี่เฟิ่งสมทบค่าจัดหาอาหารและการแสดง
พี่เฟิ่งพูดกระเซ้าว่า
“ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จัดงานวันเกิดให้ลูกหลานก็ไม่มีใครว่ากระไรหรอก จะจัดโต๊ะเลี้ยงฉลองให้ครึกครื้น ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดกำปั่นเอาเงินตัวเองออกมาใช้ ที่เอาเงินเก็บยี่สิบตำลึงมาเป็นเจ้าภาพนี่หมายว่าจะให้พวกเราสมทบด้วย ความจริงไม่ต้องเอาออกมาก็ได้ ทองเอยเงินเอยทั้งกลมทั้งแท่งที่ทับกันแน่นก้นกำปั่น พวกเราลำบากใจ ผู้เฒ่าท่านดูสิ ใครบ้างไม่ใช่ลูกหลาน หรือว่าภายหน้าจะมีเพียงน้องเป่าวี่ที่ถือธงนำท่านขึ้นเขาอู่ไถไปสวรรค์ 顶你上五台 สมบัติพวกนี้ท่านเก็บไว้ให้เขา พวกเราถึงไม่มีส่วน ก็ไม่ควรต้องมาเดือดร้อนด้วย”
คนทั้งห้องพากันหัวเราะขำ แม่เฒ่าเจี่ยหัวเราะว่า
“พวกเจ้าฟังนาง ข้านับว่าพูดเก่งแล้ว ยังเถียงไม่ทันเจ้าลิงนี่ แม่สามีเจ้ายังไม่กล้าขึ้นเสียง เจ้ามาเถียงข้าฉอด ๆ”
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “แม่สามีของข้าก็เอียงข้างเป่าวี่เช่นกัน ข้าจึงไม่รู้จะไปร้องทุกข์กับใคร ท่านกลับว่าข้าขึ้นเสียง”
พูดไปแล้ว ทำให้แม่เฒ่าเจี่ยชอบใจหัวเราะอีกยกใหญ่
แม่เฒ่าเจี่ยถามเป่าไชว่าชอบดูงิ้วแนวไหน ชอบกินอะไร เป่าไชรู้ดีว่า แม่เฒ่าสูงอายุชอบดูงิ้วที่ครื้นเครง ชอบกินของหวานและเปื่อย จึงตอบไปว่าชอบตามนั้น แม่เฒ่ายิ่งชอบใจใหญ่ วันรุ่งขึ้น แม่เฒ่าจึงจัดส่งเสื้อผ้า ของกระจุ๋มกระจิ๋มมาเป็นของขวัญให้ก่อนเป็นคนแรก หวางฮูหยิน พี่เฟิ่ง ไต้วี่และพวกก็ส่งมาตามความสนิทชิดเชื้อ
พอถึงวันที่ยี่สิบเอ็ด โรงงิ้วขนาดกะทัดรัดจัดตั้งขึ้นในลานบ้านของแม่เฒ่าเจี่ย ว่าจ้างคณะงิ้วเปิดตัวใหม่ซึ่งเล่นได้สองทำนองทั้ง คุน 昆 อี้ 弋 แม่เฒ่าเจี่ยจัดโต๊ะเลี้ยงอาหารสำหรับคนในครอบครัว จะมีก็เพียงแม่น้าเซวีย สื่อเซียงหยุน และเป่าไชซึ่งถือเป็นแขก
เช้าวันนี้ เป่าวี่ไม่เห็นไต้วี่จึงมาหาที่ห้อง เห็นไต้วี่ยังเอนนอนอยู่บนเตียงผิง จึงยิ้มว่า
“ลุกขึ้นมากินข้าว การแสดงจะเริ่มแล้ว เจ้าอยากดูชุดไหน ข้าจะเลือกให้”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “เจ้าถามอย่างนี้ ข้าจะเลือกเอาที่ข้าชอบมาแสดงให้ข้าดู ไหนไหนเจ้าก็ยืมงานเขามาเอาหน้า”
เป่าวี่ยิ้มว่า “จะเป็นไรไป พรุ่งนี้เราก็จ้างอีกคณะ แล้วให้พวกเขายืมงานเราไปเอาหน้าบ้าง”
พูดแล้ว ก็ดึงนางให้ลุกขึ้นแล้วจูงมือออกมา
หลังอาหาร ถึงเวลาเลือกการแสดง แม่เฒ่าเจี่ยให้เป่าไชเลือกก่อน เป่าไชอิดเอื้อนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเลือกชุด 《ไซอิ๋ว 西游记》 แม่เฒ่าเจี่ยชอบอกชอบใจ แล้วให้แม่น้าเซวียเลือกบ้าง แม่น้าเซวียเห็นบุตรีเลือกแล้ว จึงไม่ขอเลือก แม่เฒ่าเจี่ยจึงสั่งให้พี่เฟิ่งเลือก
ตามลำดับ พี่เฟิ่งจะต้องเลือกหลังหวางฮูหยิน แต่เมื่อเป็นคำสั่งของแม่เฒ่าจึงขัดไม่ได้ พี่เฟิ่งรู้ว่าแม่เฒ่าชอบการแสดงตลกครึกครื้น จึงเลือก 《หลิวเอ้อจำนำเสื้อ 刘二当衣》 แม่เฒ่าเจี่ยยิ่งชอบใจใหญ่ แล้วสั่งให้ไต้วี่เลือก
ไต้วี่ขอให้หวางฮูหยินเลือกก่อน แม่เฒ่าเจี่ยว่า
“วันนี้ข้าจัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษให้พวกเจ้า พวกเราก็สนใจเฉพาะเรื่องของพวกเรา ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ข้าตั้งใจจัดให้พวกเขาเสียที่ไหน พวกเขามากินมาดูเปล่าๆ อยู่แล้ว ยังต้องให้เลือกการแสดงด้วยหรือ”
พูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะ ไต้วี่จึงเลือกไปชุดหนึ่ง ถัดไปก็เป็นเป่าวี่ สื่อเซียงหยุน หยิงชุน ซีชุน หลี่หวานเป็นผู้เลือก
ถึงเวลาจัดเลี้ยงสุรา แม่เฒ่าเจี่ยบอกให้เป่าไชเลือกการแสดงอีกชุด เป่าไชเลือก 《ประตูผา 山门》 อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า 鲁智深醉闹五台山 หลู่จื้อเซินเมาสุราอาละวาดเขาอู่ไถ
เป่าวี่ว่า “เจ้าเลือกงิ้วอะไรแบบนี้นี่”
เป่าไชว่า “เจ้าดูงิ้วมากี่ปีช่างเสียเปล่า ไม่รู้จักการแสดงชุดนี้ ทั้งฉากและโวหารล้วนเยี่ยมนัก”
เป่าวี่ว่า “ข้ากลัวนักฉากอึกทึก”
เป่าไชยิ้มว่า “เจ้าว่าอึกทึก ก็คือไม่รู้จักดู มานี่ ข้าจะบอกให้ การแสดงชุดนี้ใช้ทำนองดนตรี 《เตี่ยนเจี้ยงฉุนแบบเหนือ 北点绛唇》 ท่วงทำนองก้องกังวาน ดนตรียิ่งไม่ต้องพูดถึง ในลำนำยังมีบทที่ใช้ทำนอง 《จี้เซิงเฉ่า 寄生草》 พิศดารนัก เจ้าคงไม่เคยรู้”
เป่าวี่เห็นนางชมว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ จึงขยับเข้าใกล้อ้อนวอนว่า “พี่คนดี ท่านลองท่องให้ข้าฟังหน่อย”
เป่าไชท่องว่า
“漫英雄泪,相离处士家。
谢慈剃刻度在莲台下。
没缘法转眼分离乍。
赤条条来去无牵挂。
那里讨烟蓑雨笠卷单行?
一任俺芒鞋破钵随缘化!
วีรชนน้ำตานอง
จำต้องจากบ้านเจ้าสัว
เข้าพิธีโกนหัว
สู่ร่มอาสน์บัวประทับ
อนิจจาไร้วาสนา
ชั่วพริบตาจำลาลับ
ตัวเปล่าทั้งไปกลับ
สิ้นพันธะทุกสิ่งอย่าง
เสื้อคลุมหมวกกันฝน
เดียวดายด้นดั้นเดินทาง
บาตรแตกรองเท้าฟาง
เป็นไปตามโชคชะตา”
เป่าวี่ฟังจบ ตบตักส่ายหัวชอบใจชมมิขาดปาก ทั้งยังชมเป่าไชว่าไม่มีหนังสือใดที่ไม่รู้ ไต้วี่เบะปากว่า
“นั่งดูงิ้วเฉยๆ เถิด ยังไม่ทันเล่น 《ประตูผา》 เจ้าก็ 《บ้าบอ》 เสียแล้ว ”
เซียงหยุนฟังแล้วอดขำไม่ได้ ทุกคนจึงชมการแสดงจนค่ำงานจึงเลิก
แม่เฒ่าเจี่ยชอบผู้ที่รับบทตัวนางและตัวตลกเป็นอย่างมาก จึงสั่งให้ตามตัวมาพบ พอมาพินิจดูอย่างละเอียดแล้วให้เกิดนึกสงสาร จึงถามอายุดู ผู้ที่รับบทนางเอกอายุสิบเอ็ดขวบ ส่วนตัวตลกเพียงเก้าขวบ ทุกคนพากันทอดถอนใจ แม่เฒ่าเจี่ยสั่งให้นำเนื้อและผลไม้มาให้เด็กทั้งสอง พร้อมเงินรางวัลอีกต่างหากนอกเหนือจากที่จ่ายให้คณะ
พี่เฟิ่งยิ้มว่า “เด็กคนนี้แต่งขึ้นมาแล้วเหมือนใครคนหนึ่ง พวกเจ้าดูออกไหม”
เป่าไชก็คิดเช่นนั้นในใจ จึงผงกหัวแต่ไม่ได้พูดอะไร เป่าวี่ก็เดาออกเช่นกัน แต่ไม่กล้าพูด
เซียงหยุนกลับว่า “ข้ารู้ ท่าทางเหมือนกับพี่หลินของเรา”
เป่าวี่ได้ยิน รีบมองหน้าเซียงหยุนแล้วขยิบตาปราม ทุกคนตั้งใจพิจารณาดู แล้วก็พากันหัวเราะว่า
“เหมือนจริงด้วย”
แล้วต่างคนต่างแยกย้าย
ช่วงค่ำ เซียงหยุนสั่งให้ชุ่ยหลวี่ 翠缕 เก็บเสื้อผ้าสิ่งของ ชุ่ยหลวี่ว่า
“รีบทำไม รอจะไปค่อยเก็บยังไม่สาย”
เซียงหยุนว่า “พรุ่งนี้เช้าก็ไปแล้ว จะอยู่ต่อทำไมที่นี่ ดูหน้าแต่ละคน…”
เป่าวี่ได้ยิน เดินเข้ามาใกล้แล้วว่า
“น้องคนดี เจ้ากล่าวหาข้า น้องหลินเป็นคนคิดมาก ใครใครต่างรู้ดีเพียงแต่ไม่พูดออกมา กลัวนางโกรธ ข้ากลัวเจ้าจะไปตอแยนางเข้า จึงแอบขยิบตาให้ ตอนนี้เจ้ากลับมาโกรธข้า ช่างน่าผิดหวังจริง เป็นคนอื่นเกิดไปล่วงเกินใครเข้า ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า”
เซียงหยุนสะบัดมือว่า “อย่ามาพูดเอาดีกับข้า ข้าเทียบกับน้องหลินไม่ได้อยู่แล้ว คนอื่นแหย่นางได้ มีแต่ข้าไม่ได้ ข้าไม่ควรพูดกับนางมาแต่แรก นางเกิดมาเป็นคุณหนู ข้าเป็นเพียงสาวใช้”
เป่าวี่รีบว่า “ข้าทำเพื่อช่วยเจ้ากลับกลายเป็นผิดไป ถ้าข้าคิดไม่ดี ขอให้ร่างนี้กลายเป็นผง ให้ผู้คนคอยเหยียบย่ำ”
เซียงหยุนว่า “เดือนขึ้นปีใหม่ ระวังคำสบถสาบานไร้สาระให้น้อยหน่อย ถ้าอยากพูด ไปพูดกับคนเจ้าอารมณ์ชอบข่มท่านโน่น อย่าให้ข้าต้องถ่มน้ำลายใส่”
พูดแล้วก็เดินปึงปังไปเข้านอนในห้องที่เรือนแม่เฒ่าเจี่ย
เป่าวี่หน้าเสีย จึงเดินมาหาไต้วี่ แต่พอย่างเท้าเข้าประตูห้องก็ถูกไต้วี่ผลักออกมา แล้วปิดประตูใส่ เป่าวี่จับต้นชนปลายไม่ถูก จึงยืนเรียกน้องคนดีน้องคนดีอยู่นอกหน้าต่าง ไต้วี่ก็ไม่สนใจ เป่าวี่ได้แต่ยืนมึนงงก้มหน้าไม่พูดจา สาวใช้จื่อเจวียน 紫鹃 รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาเตือน
เป่าวี่ยืนนิ่งเป็นบ้าใบ้ จนไต้วี่สำคัญว่ากลับไปแล้ว เปิดประตูออกมาเห็นเป่าวี่ยังยืนอยู่ ไต้วี่จะรีบปิดประตู เป่าวี่ชิงตามเข้าห้องมาถามว่า
“ทุกเรื่องราวล้วนมีสาเหตุ พูดออกมาคนจะได้ไม่รู้สึกผิด อยู่ดีดีมาโมโห ที่แท้เกิดอะไรขึ้น”
ไต้วี่ยิ้มเยาะว่า “ถามข้าหรือ ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าเป็นเพียงตัวตลกให้พวกเจ้าเอาไปเปรียบกับนักแสดงเอาไปล้อกันเล่น”
เป่าวี่ว่า “ข้าไม่ได้เอาเจ้าไปเปรียบ ทั้งยังไม่ได้ขำเจ้าด้วย ทำไมต้องโมโหข้า”
ไต้วี่ว่า “ยังต้องให้เจ้าเปรียบ ยังต้องให้เจ้าขำด้วยหรือ เจ้าไม่ได้เปรียบไม่ได้ขำ แต่ร้ายกาจกว่าคนอื่นที่เปรียบที่ขำมากนัก”
เป่าวี่ฟังแล้วไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
ไต้วี่กล่าวต่อว่า “นี่ยังพอให้อภัย แต่ทำไมต้องขยิบตาให้หยุนเอ๋อ หมายความว่าอย่างไร หรือว่าหากนางเล่นตลกกับข้า จะเป็นการลดตัวลงมา นางเป็นคุณหนูบ้านขุนนาง ข้าเป็นสาวชาวบ้าน หากนางเล่นตลกกับข้าแล้วเกิดถูกข้าต่อว่า จะกลายเป็นว่านางรนหาที่เอง เจ้าหมายความว่าอย่างนี้ใช่หรือไม่ นี่นับเป็นความหวังดีของเจ้า เพียงแต่ฝ่ายนั้นเขากลับไม่รับน้ำใจเจ้า โกรธเจ้าเช่นกัน เจ้าจึงยืมข้าเอาใจเขาโดยหาว่าข้าเป็นคนคิดมาก แหย่เข้าพานโมโห เจ้ากลัวนางแหย่ข้าโกรธ ข้าโกรธนางเกี่ยวอะไรกับเจ้า นางแหย่ข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
เป่าวี่จึงรู้ว่าที่ตนคุยกับเซียงหยุนนั้น นางได้ยินหมดสิ้น มาตรองดูว่าที่ตนเกรงทั้งสองจะโกรธกัน จึงพยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย กลับกลายเป็นว่าตนตกเป็นจำเลยทั้งสองฝ่าย ทำให้คิดถึงข้อความใน 《คำภีร์หนานหัว 南华经》 ที่อ่านเมื่อวันก่อนว่า
“巧者劳而智者忧,无能者无所求,
饱食而遨游,泛若不系之舟
เก่งนักมักลำบาก
ฉลาดมากเป็นกังวล
เป็นคนไร้สามารถ
ไม่คาดหวังสิ่งใด
กินอิ่มไปเที่ยวท่อง
ล่องดังเรือไม่ผูกล่าม”
ยังมีอีกว่า
“山木自寇,源泉自盗
เขาอุดมแมกไม้
ชักนำให้คนมาลัก
บ่อน้ำแม้ใสนัก
คนมักแอบมาลอบตัก”
คิดดูแล้วหมดอารมณ์สนุก ทั้งยังตรองอีกว่า
“ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คน ข้ายังไม่อาจปรองดองพวกนางได้ วันหน้าคนมากกว่านี้จะทำอย่างไร”
คิดแล้วก็หันหลังไม่พูดจาเดินกลับห้องไป
ไต้วี่เห็นเป่าวี่เดินกลับไปรู้ว่าคงคิดแล้วหมดสนุก งอนกลับไปไม่พูดจา ไต้วี่เองกลับอารมณ์เสียว่า
“ไปแล้วชาตินี้อย่ากลับมาอีก ไม่ต้องมาพูดกัน”
เป่าวี่ไม่สนใจ เดินกลับมาถึงห้องก็ล้มตัวนอนมึนอยู่บนเตียง สีเหยินรู้สาเหตุดีแต่ไม่กล้าว่ากระไร เสหาเรื่องอื่นมาชวนคุย ยิ้มว่า
“ดูงิ้ววันนี้แล้ว ยังมีเล่นอีกหลายวัน คุณหนูเป่ายังต้องจัดงานเลี้ยงตอบแทนอีก”
เป่าวี่ยิ้มเยาะว่า “นางจะตอบแทนหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับข้า”
สีเหยินเห็นเป่าวี่พูดจาไม่เหมือนเมื่อก่อน จึงยิ้มว่า
“พูดอะไรอย่างนั้น ช่วงวันขึ้นปีใหม่แท้แท้ พวกท่านแม่ ท่านพี่ต่างสนุกสนานรื่นเริง ท่านทำไมกลายเป็นสภาพนี้”
เป่าวี่ยิ้มเยาะว่า “พวกท่านแม่ ท่านพี่สนุกสนานรื่นเริง เกี่ยวอะไรกับข้า”
สีเหยินยิ้มว่า “ใครต่อใครก็ปล่อยตัวตามสบาย ท่านก็ควรทำตัวตามสบายบ้าง”
เป่าวี่ว่า “อะไรคือ “ใครต่อใคร” พวกเขาคือ “ใครต่อใคร” ข้ามันหัวเดียวกระเทียมลีบ”
พูดแล้วก็น้ำตาตก สีเหยินเห็นแล้วไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เป่าวี่ตรองคำนี้แล้ว อดไม่ได้ต้องร้องไห้ยกใหญ่ แล้วลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะหนังสือหยิบพู่กันมาเขียนโศลกว่า
“你证我证,心证意证。
是无有证,斯可云证。
无可云证,是立足境。
เจ้าพิสูจน์ข้าพิสูจน์
ใจพิสูจน์จิตพิสูจน์
ไร้สิ่งใดให้พิสูจน์
จึงเรียกได้ว่าพิสูจน์
ไร้สิ่งใดเรียกพิสูจน์
คือตำแหน่งแห่งจุดยืน”
เขียนเสร็จ แม้ตัวเองเข้าใจแต่เกรงคนอื่นจะไม่เข้าใจ จึงเขียนบทกวีขยายความเอาไว้ด้านหลังโศลก อ่านดูอีกรอบ ไม่มีอะไรคาใจแล้วจึงเข้านอน
(ผู้ประพันธ์เดิมตั้งใจเขียนโศลกความกำกวมทั้งทางโลกและทางธรรม ; 证 พิสูจน์ ทางโลกคือการทดสอบ ทางธรรมคือการตื่นรู้)
ตอนก่อนหน้า : แม่นางตอ
ตอนถัดไป : ทายปริศนาโคม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา