Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
6 พ.ย. เวลา 09:51 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 43 ทายปริศนาโคม
ไต้วี่เห็นว่าเที่ยวนี้เป่าวี่ตัดใจไปจริง จึงแสร้งหาเรื่องมาหาสีเหยินเพื่อดูลาดเลา สีเหยินบอกว่า
“หลับไปแล้ว”
ไต้วี่ฟังแล้วคิดจะกลับห้อง สีเหยินยิ้มว่า
“คุณหนูรอสักครู่ มีกระดาษแผ่นหนึ่ง ลองดูว่าเขียนอะไรไว้”
แล้วหยิบเอาสิ่งที่เป่าวี่เพิ่งเขียนทิ้งไว้ให้ไต้วี่ดู
ไต้วี่ดูแล้วรู้ว่าเป่าวี่เขียนด้วยอารมณ์ชั่วแล่น อดไม่ได้ต้องยิ้มแล้วถอนหายใจ บอกสีเหยินว่า
“แค่เขียนเล่น ไม่มีสาระอะไรนัก”
แล้วเอากลับห้องไปด้วย
วันรุ่งขึ้น ไต้วี่นำมาให้เป่าไช เซียงหยุนดูด้วยกัน เป่าไชอ่านดูบทกวีขยายความโศลกมีว่า
“无我原非你,从他不解伊。
肆行无碍凭来去。
茫茫着甚悲愁喜,纷纷说甚亲疏密。
从前碌碌却因何?
到如今回头试想真无趣!
ไม่มีข้าแม้นว่าไม่มีเจ้า
ใครไม่เข้าใจเจ้าก็ตามแต่
ปล่อยเป็นไปไร้อุปสรรคในดวงแด
สุดแล้วแต่ดวงจิตชักนำไป
สุขทุกข์เศร้าไปไยช่างเวิ้งว้าง
ญาติชิดห่างกล่าวไยให้สงสัย
แต่ก่อนแส่งุ่นง่านด้วยเหตุใด
หวนคิดดูแล้วให้หมดอารมณ์”
อ่านจบ เป่าไชก็พลิกดูคำโศลก แล้วยิ้มว่า
“เรื่องนี้ต้องโทษข้าที่เมื่อวานท่องบทเพลงนั้นทำให้เขาคิดถึงเรื่องนี้ ปริศนาธรรมพวกนี้ ชักนำจิตใจได้ดีนัก ตื่นเช้ามาหากเขายังพร่ำเพ้อเรื่องนี้ ย่อมมีสาเหตุจากบทเพลงนั้น ข้านับเป็นต้นเรื่องโดยตรง”
กล่าวจบก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้งละเอียด
ไต้วี่ยิ้มว่า “ไม่น่าฉีกเลย ข้าจะไปถามเขา พวกท่านตามมา รับรองว่าต้องหายเหลวไหล”
ทั้งสามเดินตามกันมาหาเป่าวี่ ไต้วี่ยิ้มนำมาว่า
“เป่าวี่ ข้าถามเจ้า
至贵者宝,至坚者玉。
尔有何贵?尔有何坚?
สมบัตินั้นมีค่า หยกนั้นกล้าแกร่ง
เจ้ามีค่าเพียงใด เจ้ากล้าแกร่งเพียงไหน”
(ชื่อของเป่าวี่ 宝玉 ; 宝 เป่า คือสมบัติ 玉 วี่ คือหยก)
เป่าวี่อึ้งไปตอบไม่ถูก เป่าไชไต้วี่ปรบมือยิ้มว่า
“โง่งมอย่างนี้ บรรลุธรรมได้หรือ”
เซียงหยุนปรบมือยิ้มว่า “พี่เป่าแพ้แล้ว”
ไต้วี่กล่าวต่อว่า “ตอนท้ายโศลกของเจ้าว่า
ไร้สิ่งใดเรียกพิสูจน์
คือตำแหน่งแห่งจุดยืน
นั้นดีอยู่หรอก แต่ข้าว่ายังไม่สิ้นความ ข้าจะเติมให้ว่า
无立足境,是方干净。
ไร้ตำแหน่งแห่งจุดยืน
คือโง่งมบริสุทธิ์ ”
เป่าไชเสริมว่า “พูดถึงเรื่องรู้แจ้งนี้ เมื่อครั้งที่ท่านหุ้ยเหนิง 惠能 พระสังฆปรินายกองค์ที่หกฝ่ายใต้แสวงหาอาจารย์มาถึงเสาโจว 韶州 ฝากตัวเป็นศิษย์ท่านหงเหยิ่น 弘忍 พระสังฆปรินายกองค์ที่ห้า เป็นหลวงจีนในห้องครัวอยู่ที่หวงเหมย 黄梅 ท่านสังฆนายกห้าต้องการหาทายาทธรรม 法嗣 จึงให้เหล่าสงฆ์แต่งโศลกรูปละบท
เสินสิ้ว 神秀 ศิษย์เอกแต่งว่า
“身是菩提树,心如明镜台。
时时勤拂拭,莫使有尘埃。
กายคือต้นโพธิ (โพ-ทิ)
ใจนั้นสิกระจกใส
หมั่นเพียรเช็ดถูไป
อย่าปล่อยให้ฝุ่นมาจับ”
ท่านหุ้ยเหนิงตำข้าวอยู่ในครัว ได้ฟังจึงว่า
“ไพเราะนั้นไพเราะอยู่ แต่ยังไม่สิ้นความ”
แล้วกล่าวโศลกว่า
“菩提本非树,明镜亦非台。
本来无一物,何处染尘埃?
โพธิหาใช่ต้นไม้
กระจกใสหามีไม่
เดิมหามีสิ่งใด
เอาอะไรให้ฝุ่นจับ”
ท่านสังฆนายกห้าจึงมอบบาตรจีวรให้ท่านเป็นทายาทธรรม โศลกของเจ้านี้ก็มีความหมายเดียวกัน แต่ยังไม่สิ้นความ ควรเลิกล้มความคิดบรรลุธรรม”
ไต้วี่ยิ้มว่า “เขาตอบไม่ได้ก็นับว่าแพ้แล้ว ครั้งนี้ถึงตอบถูกก็ไม่แปลกกระไร แต่ต่อไปอย่าคุยเรื่องธรรมะจะดีกว่า แม้แต่เรื่องที่พวกเราสองคนรู้ เจ้ายังไม่รู้ จะบรรลุธรรมได้หรือ”
เป่าวี่คิดว่าตนบรรลุธรรม พอมาเจอคำถามของไต้วี่กลับตอบไม่ได้ เป่าไชเล่ามุขปาฐะที่ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกนางรู้ จึงตรองว่า
“ที่แท้พวกนางรู้มากกว่าข้า ก็ยังไม่ตื่นรู้ แล้วข้าจะดิ้นรนหาเรื่องไย”
คิดแล้วก็ยิ้มว่า
“ใครคิดว่าบรรลุธรรม แค่เขียนเล่นเท่านั้น”
แล้วทั้งสี่ก็คืนดีกันดังเดิม
พลันมีคนมาแจ้งว่า กุ้ยเฟย (หยวนชุน) ให้คนมาทายปริศนาโคม ให้ทุกคนไปเล่นทายปริศนา ใครทายแล้วให้ตั้งปริศนาใหม่กลับไป ทั้งสี่จึงรีบมายังห้องรับรองของแม่เฒ่าเจี่ย เห็นขันทีน้อยถือโคมผ้าสี่เหลี่ยมยอดราบสีขาวเอาไว้ใช้เล่นทายปริศนาโคม บนโคมเขียนปริศนาไว้แล้วหนึ่งบท ทุกคนแย่งกันทายอยู่
ขันทีน้อยบอกกติกาว่า “พวกคุณหนูทายแล้ว อย่าเพิ่งบอกออกมา ให้เขียนคำตอบแล้วพับส่งมา รอกุ้ยเฟยตรวจว่าถูกหรือผิด”
เป่าไชขึ้นหน้ามาดูคำปริศนาเห็นว่าเป็นกลอนเจ็ดคำไม่พิศดารกระไร แต่ปากบอกว่า “ทายยาก”
แล้วทำทีเป็นคิด ทั้งที่รู้คำตอบแล้ว
เป่าวี่ ไต้วี่ เซียงหยุน ทั่นชุนทั้งสี่คนก็รู้คำตอบ จึงเขียนลงบนกระดาษ เจี่ยหวน เจี่ยหลาน ก็ถูกตามมาเล่นทายคำ จากนั้นแต่ละคนก็คิดปริศนา เขียนเสร็จนำไปแขวนไว้บนโคม
ขันทีกลับวังไป ตกเย็นกลับมาใหม่ถ่ายทอดพระเสาวนีย์ว่า
“ปริศนาของกุ้ยเฟยก่อนหน้านี้ ตอบถูกหมดทุกคนยกเว้นคุณหนูรองและคุณชายสามทายผิด คำปริศนาของพวกคุณหนูทรงตอบมาแล้ว ไม่ทราบว่าถูกหรือไม่”
แล้วหยิบกระดาษคำตอบออกมา มีทั้งที่ทายถูกและที่ทายผิด
ขันทีนำรางวัลพระราชทานมามอบให้ผู้ที่ทายถูกเป็นกระบอกไม้ไผ่สลักลายใส่ม้วนอักษรฝีมือช่างวังหลวง และแปรงไม้ไผ่สำหรับกวาดชุดน้ำชา ได้กันทุกคนยกเว้นหยิงชุน 迎春 และเจี่ยหวน 贾环 ที่ทายผิด หยิงชุนคิดว่าเป็นเรื่องสนุกเล็กน้อย ไม่ใส่ใจแต่อย่างไร ทว่าเจี่ยหวนกลับไม่สบอารมณ์
ขันทีกล่าวต่อว่า “ที่คุณชายสามเขียนนั้นทรงอ่านไม่เข้าพระทัย กุ้ยเฟยจึงไม่ทรงตอบ แต่ให้ข้านำกลับมาถามคุณชายสามว่าที่เขียนคืออะไร”
ทุกคนพากันมาดูปริศนาที่เจี่ยหวนเขียนมีว่า
“พี่ใหญ่มีอยู่แปดเขา
พี่รองมีอยู่สองเขา
พี่ใหญ่นั่งอยู่บนเตียง
พี่รองชอบนั่งยองบนพื้นห้อง”
พออ่านแล้วพากันหัวเราะลั่น เจี่ยหวนได้แต่บอกขันทีว่า
“นี่คือ หมอนหนึ่ง หัวสัตว์หนึ่ง”
(หัวสัตว์คือลายสลักรูปหัวสัตว์บนอาคารและเครื่องเรือน)
ขันทีจดเอาไว้ รับน้ำชาแล้วลากลับ
แม่เฒ่าเจี่ยเห็นหยวนชุนชวนเล่นสนุก ตนจึงนึกสนุกด้วย สั่งให้คนทำโคมผ้าขนาดเล็กฝีมือปราณีตขึ้นมาชุดหนึ่งตั้งไว้ในห้องโถง สั่งให้พวกลูกหลานแอบตั้งปริศนานำไปติดไว้บนโคม จากนั้นให้จัดเตรียมน้ำชา ผลไม้ ตลอดจนของกระจุกกระจิกสำหรับเป็นรางวัลแก่ผู้ที่ทายถูก
เจี่ยเจิ้งกลับจากเข้าเฝ้าเช้า เห็นแม่เฒ่าอารมณ์ดี กอปรกับยังอยู่ในช่วงเทศกาล จึงมาร่วมครื้นเครงด้วยในตอนเย็น
ในห้องบนยกพื้นตำแหน่งเหนือสุดมีแม่เฒ่าเจี่ย เจี่ยเจิ้ง เป่าวี่นั่งกันอยู่โต๊ะหนึ่ง ถัดลงมามี หวางฮูหยิน เป่าไช ไต้วี่ เซียงหยุน นั่งกันโต๊ะหนึ่ง หยิงชุน ทั่นชุน ซีชุน นั่งกันโต๊ะหนึ่ง บนพื้นด้านล่างพวกแม่บ้านสาวใช้ยืนรวมกันอยู่ หลี่กงไฉ 李宫裁 (หลี่หวาน) หวางซีเฟิ่ง 王熙凤 (พี่เฟิ่ง) นั่งกันโต๊ะหนึ่งที่ห้องด้านใน
เจี่ยเจิ้งไม่เห็นเจี่ยหลานจึงถามว่า “ทำไมไม่เห็นหลานเกอ 兰哥”
สาวใช้พวกหนึ่งรีบไปถามนางหลี่สื้อ 李氏 ที่ห้องด้านใน
หลี่หวานยิ้มตอบว่า “เขาบอกว่านายท่านไม่ได้เรียก จึงไม่ยอมมา”
พวกสาวใช้นำความกลับมาบอก ทุกคนได้ฟังต่างพากันหัวเราะว่า “นับเป็นโคดื้อโดยแท้”
เจี่ยเจิ้งบอกให้เจี่ยหวนกับแม่บ้านนางหนึ่งไปตามเจี่ยหลานมา พอมาถึงแม่เฒ่าเจี่ยบอกให้นั่งข้างข้างนาง แล้วหยิบผลไม้ส่งให้กิน ทุกคนต่างสรวลเสเฮฮา
โดยปกติแล้ว เป่าวี่จะเป็นคนที่มีเรื่องคุยมากที่สุดไม่ว่าทางกว้างหรือทางลึก แต่วันนี้เจี่ยเจิ้งมาอยู่ในงานด้วย เป่าวี่จึงสงบเสงี่ยม ส่วนคนอื่นนั้น เซียงหยุนชอบพูดคุยแสดงความเห็น แต่พอเจี่ยเจิ้งอยู่ในงานก็สงบปากคำเช่นกัน ไต้วี่เป็นคนนิ่งเฉยไม่พูดมาก เป่าไชไม่เคยพูดจาเรื่อยเปื่อย ยังคงสงวนท่าทีเช่นเคย งานวันนี้แม้จะเป็นงานรื่นเริงในครอบครัว กลับมีบรรยากาศเคร่งเครียด
แม่เฒ่าเจี่ยรู้ว่าบรรยากาศเช่นนี้เป็นเพราะเจี่ยเจิ้งคนเดียว พอดื่มสุรากันได้สามรอบ แม่เฒ่าก็บอกว่าเจี่ยเจิ้งควรไปพักผ่อน เจี่ยเจิ้งรู้เจตนาของแม่เฒ่าว่าไล่ตนกลับเพื่อให้พี่น้องลูกหลานได้สนุกกันเต็มที่ จึงยิ้มในทีกล่าวว่า
“วันนี้เห็นว่าท่านแม่จัดงานทายปริศนาโคมปีใหม่ ข้าเองตั้งใจจัดโต๊ะเลี้ยงและตระตรียมของขวัญมาร่วมด้วย ท่านเอ็นดูหลานชายหลานสาว ไยไม่ปันมาเผื่อแผ่แก่ลูกบ้าง”
แม่เฒ่าเจี่ยว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาไม่กล้าหัวเราะพูดคุย ข้าก็พลอยหงอยเหงาหมดสนุก เจ้าอยากเล่นทายปริศนา ข้าจะตั้งให้ทายบทหนึ่ง หากทายไม่ถูก จะต้องถูกลงโทษ”
เจี่ยเจิ้งรีบยิ้มรับว่า “ย่อมต้องถูกลงโทษ แต่หากทายถูก ข้าก็ต้องขอรางวัลด้วย”
แม่เฒ่าว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”
แล้วนางก็ทายว่า
“猴子身轻站树梢。
(打一果名)
ลิงตัวเบายืนอยู่บนยอดไม้
(เป็นชื่อผลไม้)”
เจี่ยเจิ้งรู้ว่าคำตอบคือ ลิ้นจี่ แต่แกล้งทายผิด ถูกปรับไปหลายสิ่ง ในที่สุดจึงตอบให้ถูก ได้รางวัลจากแม่เฒ่า
(ยืนบนกิ่ง 立枝-ลี่จือ ; ลิ้นจี่ 荔枝-ลี่จือ)
จากนั้นเจี่ยเจิ้งก็ตั้งปริศนาให้แม่เฒ่าทายบ้างว่า
“身自端方,体自坚硬。
虽不能言,有言必应。
(打一用物)
ร่างกายตรงแบบอย่าง
รูปร่างนั้นกำยำ
แม้มิอาจเอ่ยคำ
มีคำจำตอบรับ
(เป็นสิ่งของ)”
กล่าวจบ กระซิบบอกเป่าวี่ เป่าวี่รู้ความนัย แอบกระซิบบอกแม่เฒ่า แม่เฒ่าตรองดูแล้วเห็นว่าน่าจะถูก จึงตอบว่า “คือ แท่นหมึก”
เจี่ยเจิ้งว่า “ท่านแม่ทายเพียงครั้งเดียวก็ถูกต้องเลย”
แล้วหันมาบอกว่า
“รีบเอารางวัลมา”
แม่บ้านขานรับ แล้วนำถาดใหญ่ใส่กล่องน้อยหลายใบส่งขึ้นมา แม่เฒ่าเจี่ยสำรวจดูแล้วเห็นเป็นของจุกจิกแบบใหม่สำหรับเทศกาลโคมไฟ เห็นแล้วชอบใจนัก จึงสั่งว่า
“รินเหล้าให้นายท่าน”
เป่าวี่ถือการินเหล้า หยิงชุนนำจอกมาส่งให้
แม่เฒ่ากล่าวกับเจี่ยเจิ้งว่า
“เจ้าลองไปดูตรงฉากนั่น พวกหลานๆ ตั้งกันไว้ ทายให้ข้าฟังดู”
เจี่ยเจิ้งตอบรับ ลุกขึ้นเดินไปที่ฉาก ปริศนาข้อแรกเป็นของกุ้ยเฟยเขียนไว้ว่า :
能使妖魔胆尽摧,身如束帛气如雷。
一声震得人方恐,回首相看已化灰。
(打一玩物)
อาจข่มขวัญภูตผีหวาดผวา
กายห่อผ้าอารมณ์ฟ้าร้องก้อง
พอแผดเสียงผู้คนต่างสยอง
หันมามองกลับกลายเป็นธุลี
(เป็นของเล่น)
เจี่ยเจิ้งตอบว่า “นี่คือ ประทัด”
เป่าวี่ว่า “ถูกต้อง”
เจี่ยเจิ้งดูข้อถัดไป :
天运人功理不穷,有功无运也难逢。
因何镇日纷纷乱?只为阴阳数不同。
(打一用物)
ชะตาฟ้าผลงานคนเหลือคณา
มีผลงานไร้ชะตายากพานพบ
ไยยุ่งเหยิงตลอดวันไม่รู้จบ
ด้วยพบว่ายินหยางนั้นต่างกัน
(เป็นของใช้)
เจี่ยเจิ้งว่า “คือ ลูกคิด”
หยิงชุนว่า “ถูกต้อง”
ข้อถัดไปของทั่นชุนว่า :
阶下儿童仰面时,清明妆点最堪宜。
游丝一断浑无力,莫向东风怨别离。
(打一玩物)
ด้านล่างเด็กน้อยคอยแหงนหน้า
ประดับฟ้าชิงหมิงกระจ่างช่างงามสม
พอสายขาดสิ้นแรงสุดซานซม
อย่าโทษลมบูรพาพาลาร้าง
(เป็นของเล่น)
เจี่ยเจิ้งว่า “ดูเหมือนจะเป็น ว่าว”
ทั่นชุนว่า “ถูกต้อง”
เจี่ยเจิ้งดูข้อถัดไปว่า :
前身色相总无成,不听菱歌听佛经。
莫道此生沉黑海,性中自有大光明。
(打一用物)
แต่ปางก่อนรูปนี้ไม่มีผล
ฟังมนตราไม่ฟังเพลงรักขาน
อย่าปล่อยให้ภพนี้จมทะเลกาฬ
ในสันดานย่อมมีความรุ่งโรจน์
(เป็นของใช้)
(菱歌 เพลงพื้นบ้าน มักมีเนื้อหาเกี้ยวพาราสีชายหญิง)
เจี่ยเจิ้งว่า “นี่คือ ตะเกียงสมุทรที่จุดบูชาหน้าพระ”
ซีชุนยิ้มตอบว่า “คือ ตะเกียงสมุทร 海灯”
ข้อถัดไปว่า :
朝罢谁携两袖烟?琴边衾里总无缘。
晓筹不用鸡人报,五夜无烦侍女添。
焦首朝朝还暮暮,煎心日日复年年。
光阴荏苒须当惜,风雨阴晴任变迁。
(打一用物)
เข้าเฝ้าเช้าสองแขนใครควันโชยกลิ่น
ทั้งร่วมดีดพิณห่มผ้าไร้วาสนา
อรุณรุ่งไม่ต้องพึ่งยามระกา
ล่วงยามห้าสาวไม่จำเติมกำยาน
หัวร้อนเร่าตลอดเช้ายันค่ำ
ใจร้อนรุ่มประจำวันปีผ่าน
น่าเสียดายเวลาที่คืบคลาน
ผ่านลมฝนร้อนหนาวเฝ้าเปลี่ยนแปลง
(เป็นของใช้)
(กลิ่นกำยานในท้องพระโรงที่เข้าเฝ้ายามเช้าติดเสื้อมา)
(琴边衾里 ร่วมดีดพิณห่มผ้า คือ การใช้ชีวิตคู่ บทกวีแฝงความหมายว่า ผู้แต่งไม่มีวาสนาใช้ชีวิตคู่)
(ยามระกา ยามไก่ 鸡人 ในวังไม่เลี้ยงไก่ มียามคอยบอกเวลาเรียกว่า 鸡人 ยามระกา หรือยามไก่)
(ยามห้า เป็นเวลาที่สาวใช้ในวังต้องมาเติมกำยาน)
เจี่ยเจิ้งตอบว่า “นี่คือ ธูปบอกเวลา 更香”
ไต้วี่ว่า “ถูกต้อง”
ถัดไปว่า :
南面而坐,北面而朝,
象忧亦忧,象喜亦喜。
(打一用物)
นั่งอยู่ทิศทักษิณ
ผินหน้าทิศอุดร
ร่วมทุกข์ยามทุกข์ร้อน
ร่วมสุขตอนสุขใจ
(เป็นของใช้)
เจี่ยเจิ้งว่า “ดี ดี ทายว่า กระจกเงา เยี่ยม”
เป่าวี่ยิ้มว่า “ถูกต้อง”
เจี่ยเจิ้งว่า “ข้อนี้ไม่มีชื่อ เป็นของใคร”
แม่เฒ่าเจี่ยว่า “น่าจะเป็นของเป่าวี่”
เจี่ยเจิ้งไม่ว่าอะไร อ่านดูปริศนาความว่า :
有眼无珠腹内空,荷花出水喜相逢。
梧桐叶落分离别,恩爱夫妻不到冬。
(打一用物)
มีตาไร้แววในท้องกลวง
ใบบัวล่วงพ้นน้ำชอบมากอด
ใบอู๋ถงโรยรามาทิ้งทอด
ผัวเมียพลอดรักกันไม่ทันถึงเหมันต์
(เป็นของใช้)
(ปริศนานี้ อันที่จริงเป็นของเป่าไช)
เจี่ยเจิ้งอ่านจบ ตรองในใจว่า
“ของสิ่งนี้มีเวลาใช้จำกัด อายุเพียงนี้ใช้ถ้อยคำเช่นนี้ เป็นลางไม่ดี พาอับโชคอายุไม่ยืน”
คิดแล้วไม่สบายใจ จึงดูท่าทางเหมือนเป็นทุกข์ ก้มหน้าครุ่นคิด
แม่เฒ่าเจี่ยเห็นท่าทางของเจี่ยเจิ้ง เข้าใจไปว่าคงเหน็ดเหนื่อย เกรงว่าจะพลอยทำให้ลูกหลานไม่สนุก จึงกล่าวว่า
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่หรอก ไปพักผ่อนเถิด พวกเราจะนั่งเล่นกันอีกครู่ แล้วก็เลิก”
เจี่ยเจิ้งจึงตอบรับ แล้วฝืนเชิญแม่เฒ่าดื่มสุราอีกรอบแล้วลากลับ พอถึงห้อง ยังคงคิดทบทวนไปมารู้สึกเศร้าใจ
ทางด้านแม่เฒ่าเจี่ย พอเจี่ยเจิ้งไปแล้ว ก็บอกว่า
“พวกเจ้าก็มาสนุกกันต่อ”
พูดไม่ทันจบ เป่าวี่ก็วิ่งโร่ยังตะเกียงหน้าฉากชี้นั่นชี้นี่ ปากก็ว่า อันนี้ดีนี้ไม่ดี เหมือนลิงหลุดจากเชือกล่าม
ไต้วี่จึงว่า “นั่งลงคุยกันหัวเราะกันเหมือนเมื่อครู่ ดูสุภาพกว่า”
พี่เฟิ่งเดินออกมาจากในห้องกล่าวเสริมว่า
“อย่างเจ้า ต้องให้นายท่านคอยจับตาดูทุกฝีก้าวทุกวันจึงควร เมื่อกี้ข้าก็ลืมบอกนายท่านบอกให้เจ้าแต่งปริศนา เจ้าคงได้เหงื่อแตกแน่”
เป่าวี่รีบเข้ามากอดออเซาะพี่เฟิ่ง
แม่เฒ่าเจี่ยคุยเล่นกับพวกหลี่กงไฉ จนรู้สึกเพลีย ได้ยินเสียงกลองย่ำสี่ครั้ง จึงสั่งเก็บโต๊ะให้พวกแม่บ้านสาวใช้ไปกินกัน แล้วลุกขึ้นว่า
“พวกเราไปพักผ่อน พรุ่งนี้ยังอยู่ในเทศกาล จะได้ตื่นกันเช้าหน่อย เย็นวันพรุ่งนี้ค่อยมาสนุกกันต่อ”
ต่างคนจึงต่างพากันแยกย้าย
(จบบทที่ยี่สิบสอง)
ตอนก่อนหน้า : วันเกิดเป่าไช
https://www.blockdit.com/posts/6908759cca645eb15bd8ecf3
ตอนถัดไป : ย้ายเข้าอุทยาน
2 บันทึก
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย