วันนี้ เวลา 03:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch

ย้อนรอยประวัติ “Guotie” (锅贴, กัวเทีย) หรือเกี๊ยวซ่าอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากแผ่นดินจีน

Guotie (锅贴, กัวเทีย) หรือที่คนไทยเราคุ้นเคยกันในชื่อ “เกี๊ยวซ่า” เป็นอาหารจีนชนิดหนึ่งที่ทำจากแผ่นแป้งห่อไส้ มีทั้งไส้หมูสับ กุ้ง หรือผัก แล้วนำไปทอดในกระทะจนเหลืองกรอบ แล้วนึ่งต่อจนสุก โดยคำว่า “Guotie” มีความหมายว่า “ติดกระทะ” ซึ่งมาจากลักษณะการทำอาหารที่ต้องทอดเกี๊ยวให้ติดกระทะจนเหลืองกรอบ
.
ต้นกำเนิดของ Guotie มีประวัติย้อนกลับไปในประเทศจีนโบราณ ถูกคิดค้นขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ. 25–220) โดยจาง จงจิง (Zhang Zhongjing) แพทย์แผนจีนโบราณผู้มีชื่อเสียง ตำนานเล่าว่าจางทำเกี๊ยวชนิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อรักษาอาการปวดหู หรือหูอื้อ โดยนำสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการมาใส่ลงในแผ่นแป้ง แล้วห่อให้มีลักษณะคล้ายกับ “หยวนเป่า” (元宝) สกุลเงินจีนโบราณที่ทำจากทองคำแล้วนำมาต้ม
ด้วยเหตุนี้ Guotie จึงมีความเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องโชคลาง และความเจริญรุ่งเรือง นิยมรับประทานกันในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ
.
แม้เดิมที Guotie จะมีลักษณะเหมือนเกี๊ยวต้มทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) เกี๊ยวรูปแบบนั้นก็ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็น Guotie โดยการนำมาทอดในกระทะจนเหลืองกรอบ แล้วนึ่งต่อจนสุก ว่ากันว่าการพัฒนา Guotie ขึ้นมานี้มีจุดประสงค์ เพื่อนำเกี๊ยวที่เหลือจากการต้มมาใช้ใหม่ เพื่อลดปัญหาอาหารเหลือทิ้ง
.
เทคนิคการทำ Guotie ต้องอาศัยความพิถีพิถัน และความใส่ใจ เริ่มจากการทำแป้งที่ต้องนวด และคลึงให้บางแต่เหนียวพอเหมาะแก่การห่อไส้ ซึ่งไส้ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยเนื้อสัตว์บด ผักสับละเอียด และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น ซีอิ๊ว ขิง กระเทียม และน้ำมันงา นอกจากนี้ยังมีสูตรที่ใช้ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น อาหารทะเล เต้าหู้ หรือไส้หวาน เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และรสชาติด้วย
.
สิ่งที่ทำให้ Guotie แตกต่างจากเกี๊ยวชนิดอื่นคือวิธีการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเริ่มจากการนำ Guotie ไปทอดในกระทะจนด้านล่างเหลืองกรอบ จากนั้นจึงเติมน้ำลงในกระทะ ปิดฝา แล้วนึ่งต่อจนไส้สุก และแป้งนุ่ม ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทอด และการนึ่ง ทำให้ Guotie มีทั้งความกรอบ และนุ่มในชิ้นเดียว
.
ในวัฒนธรรมจีน Guotie จะมีหลากหลายรูปแบบในแต่ละภูมิภาค อาทิเช่น Guotie สไตล์ปักกิ่งจะมีลักษณะยาว และโค้งเล็กน้อย ด้านล่างกรอบ ด้านบนนุ่ม มักเสิร์ฟพร้อมน้ำส้มสายชู และกระเทียม, Guotie สไตล์เทียนจินจะมีลักษณะที่บอบบางกว่า Guotie สไตล์ซานตงจะมีขนาดใหญ่กว่า แป้งหนา และไส้แน่น
.
เมื่อเวลาผ่านไป Guotie ก็ได้รับความนิยมนอกแผ่นดินจีน เช่นใน ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยในญี่ปุ่น Guotie ได้รับการแนะนำให้รู้จักในช่วงสงครามโลกครั้ง 2 ซึ่งในญี่ปุ่นจะรู้จักกันในชื่อ “Gyoza” (เกียวซะ) มักเสิร์ฟพร้อมกับซอสรสเปรี้ยว นอกจากนี้ในญี่ปุ่นยังมี Gyoza ถึง 3 รูปแบบ คือ Yaki Gyoza แบบที่ทอดในกระทะ แล้วนำไปนึ่ง, Sui Gyoza เกี๊ยวซ่าต้ม และ Age Gyoza เกี๊ยวซ่าทอดกรอบ ขณะที่ในเกาหลีจะเรียกว่า “Mandu” มักทำจากไส้กิมจิรสเผ็ด
.
นอกจากประเทศดังกล่าวแล้วในประเทศไทย Guotie ก็ได้รับการนำมาเผยแพร่ด้วยเช่นกัน แต่จะได้รับอิทธิพลมาจากญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้คนไทยเราจึงเรียกเกี๊ยวชนิดนี้ว่า “เกี๊ยวซ่า” ปรับปรุงมาจากคำว่า “Gyoza” ของญี่ปุ่น
.
ปัจจุบัน Guotie ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเชฟ จากหลายพื้นที่ได้นำเสนอสูตร และรูปแบบใหม่ ๆ ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น สูตรมังสวิรัติ และวีแกน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานส่วนผสมจากอาหารนานาชาติ เช่น ชีส แกงกะหรี่ หรือน้ำมันทรัฟเฟิล ลงไปด้วย เพื่อสร้างสรรค์ Guotie ฟิวชั่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
สามารถหาซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา