11 พ.ย. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

🧵 ตำนานพรมผนังบาเยอ ชิ้นเอกแห่งยุคกลาง หรือแค่ "สินค้าสั่งทำ" ที่บังเอิญรอดชีวิต?

พรมผนังบาเยอ (Bayeux Tapestry) ถือเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุด ไม่เพียงเพราะเรื่องราวที่มันบอกเล่า แต่ยังเพราะการที่มันสามารถคงอยู่มาถึงยุคปัจจุบันได้อย่างน่าอัศจรรย์ งานเย็บปักถักร้อยจากยุคกลางที่มีความยาวเกือบ 70 เมตรเช่นนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นกาลเวลา และนั่นทำให้มันมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างมหาศาล
สิ่งที่พรมผนังบาเยอถ่ายทอดคือ การพิชิตอังกฤษโดยชาวนอร์แมน ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1066 ที่สมรภูมิเฮสติงส์ เรื่องราวนี้ไม่เพียงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุโรปยุคกลาง ปัจจุบันผู้คนต่างเฉลิมฉลองและตื่นเต้นกับการที่พรมผนังชิ้นนี้จะถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์บริติช (British Museum) หลังจากถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองบาเยอ ประเทศฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่า พรมผนังบาเยออาจไม่ได้มีความพิเศษเหนือสิ่งอื่นใดในยุคที่มันถูกสร้างขึ้นมา ศาสตราจารย์ จอห์น แบลร์ (Professor John Blair) ผู้เชี่ยวชาญด้านยุคแองโกล-แซกซันจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เชื่อว่ามันอาจเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาพรมผนังหลายชิ้นที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของชาวนอร์แมนเหนือชาวอังกฤษ แต่ด้วยการที่มันรอดพ้นกาลเวลาและยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน จึงทำให้พรมผนังบาเยอกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นและทรงคุณค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่ง
แบลร์ชี้ว่า มีเอกสารอ้างอิงมากมายที่กล่าวถึง “พรมผนังตกแต่งบ้าน” ในยุคกลาง ซึ่งน่าจะถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความเปราะบางของวัสดุและกาลเวลาที่ผ่านไป ทำให้แทบไม่มีชิ้นใดหลงเหลือมาถึงยุคปัจจุบัน
แม้พรมผนังบาเยอจะเป็นงานออกแบบที่ยอดเยี่ยม แต่ในเชิงเทคนิคการปักแล้ว ฝีเข็มไม่ได้ละเอียดประณีตเป็นพิเศษ ทีมช่างปักขนาดใหญ่ในเวิร์กช็อปสามารถผลิตผลงานลักษณะนี้ได้ค่อนข้างรวดเร็ว
🤔 ทำไมพรมผนังบาเยอจึงรอดพ้นกาลเวลามาได้?
นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าพรมผนังบาเยอน่าจะถูกสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์การรบที่มันบันทึกไว้ คือในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 11 โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าถูกทำขึ้นตามคำสั่งของ – หรือเพื่อประจบเอาใจ – บิชอปโอโดแห่งบาเยอ (Bishop Odo of Bayeux)
โอโดเป็นน้องชายต่างบิดาของ วิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror) และได้รับตำแหน่งเอิร์ลแห่งเคนต์ (Earl of Kent) หลังจากการพิชิตอังกฤษสำเร็จ หลักฐานที่สนับสนุนว่าเขาเป็นผู้อุปถัมภ์คือการที่เขามีบทบาทโดดเด่นเป็นพิเศษในพรม นอกจากนี้ยังมีการระบุชื่อบุคคลระดับรองอีกสามคน ได้แก่ วาดาร์ด (Wadard), วิทัล (Vital) และ ทูโรลด์ (Turold) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ติดตามคนสนิทของโอโด การที่บุคคลเหล่านี้ถูกบันทึกชื่อไว้ถือเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจเมื่อเทียบกับสถานะของพวกเขา
Notre-Dame de Bayeux cathedra.
หนึ่งในแนวคิดที่ได้รับการยอมรับคือ พรมผืนนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงในมหาวิหารแห่งใหม่ของโอโดที่เมืองบาเยอ ในพิธีอุทิศเมื่อปี ค.ศ. 1077 หลังจากนั้น เรามีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับชะตากรรมของมันในช่วงสี่ศตวรรษต่อมา จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 15 จึงมีเอกสารอ้างอิงถึงพรมผืนนี้ในบัญชีทรัพย์สินของมหาวิหาร โดยระบุว่ามันถูกนำออกมาจัดแสดงทุกปีในวันฉลองสำคัญ
นักวิชาการเชื่อว่าการที่พรมผืนนี้สามารถรอดพ้นกาลเวลามาได้อย่างยาวนาน เป็นเพราะมันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหีบภายในโบสถ์ และถูกนำออกมาเพียงปีละครั้งเพื่อ “ตากลม” ในงานฉลอง มันจึงไม่ได้เผชิญกับการสึกหรอจากการจัดแสดงทุกวันเหมือนพรมพนังอื่นๆ ที่อาจเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา บางทฤษฎีถึงขั้นเสนอว่า พรมผืนนี้อาจถูก “โบกปูนปิดตาย” ไว้ในห้องใต้ดินของมหาวิหารบาเยอเป็นเวลาหลายศตวรรษ
🏭 ทฤษฎี "สต็อกดีไซน์"
หากข้อสันนิษฐานของศาสตราจารย์แบลร์ถูกต้องว่าความพิเศษของพรมผนังบาเยออยู่ที่การ “รอดชีวิต” ของมันมากกว่าการเป็นงานชิ้นเดียวในโลก คำถามสำคัญก็คือ—แล้วการผลิตดั้งเดิมของมันเป็นอย่างไร มันถูกสร้างขึ้นที่ไหน โดยใคร และมันเป็นงานชิ้นเดียวในโลกจริงหรือ?
แบลร์อธิบายว่า เป็นไปได้ยากมากที่ชนชั้นสูงนอร์แมนจะไม่มีใครสั่งทำพรมแขวนผนังเพื่อเล่าเรื่องการพิชิตอังกฤษเลย ความเป็นไปได้ที่น่าสนใจคือ อาจมี “ชุดดีไซน์สำเร็จรูป” (set of stock designs) อยู่แล้วในเวิร์กช็อป ซึ่งสามารถนำมาปรับแต่งให้เข้ากับผู้อุปถัมภ์แต่ละคน และพรมผนังบาเยอที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบันอาจเป็นเพียงผืนที่ทำขึ้นเพื่อบิชอปโอโดแห่งบาเยอเท่านั้น
St. Cuthbert’s Maniple
หากใช้ตรรกะนี้ ฉากที่เน้นโอโดเป็นพิเศษ เช่น ฉากมื้ออาหารก่อนการรบ หรือ ฉากโอโดถือกระบองเพื่อข่มขวัญทหาร รวมถึงการระบุชื่อผู้ติดตามอย่าง วาดาร์ด, วิทัล และ ทูโรลด์ ก็น่าจะเป็น “ฉากที่ถูกแทรก” (insertions) เข้าไปในลำดับเรื่องราวมาตรฐานที่มีอยู่เดิม เพื่อยกย่องและเชิดชูผู้สนับสนุนหลักของงาน
แบลร์ยอมรับว่าการพิสูจน์สมมติฐานนี้ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกมากกว่านี้ ทั้งในด้านการออกแบบ ลำดับฉาก และความสัมพันธ์กับลวดลายบนขอบผ้า แต่เขาเชื่อว่าฉากของวาดาร์ดมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นการสอดแทรก เพราะภาพอัศวินบนม้าที่มีคำบรรยายว่า “Hic est Wadard” (นี่คือวาดาร์ด) ดูเหมือนถูกใส่เข้ามาอย่างชัดเจนระหว่างลำดับของบ้านสามหลังและผู้ติดตามสามคน
👍 หลักฐานแห่งศิลปะการเล่าเรื่องผ่านผืนผ้าในยุคกลาง
ศาสตราจารย์กิตติคุณ เกล โอเวน-คร็อกเกอร์ (Gale Owen-Crocker) จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ หนึ่งในนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านพรมผนังบาเยอ ได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าผลงานชิ้นนี้ไม่น่าจะเป็นงานที่ทำขึ้นเพียงชิ้นเดียว เธอเชื่อว่าต้องมีเวิร์กช็อปที่ผลิตผ้าแขวนขนสัตว์ในลักษณะเดียวกันอยู่แล้ว เนื่องจากฝีมือการผลิตของพรมผนังบาเยอมีความช่ำชองและมั่นใจเกินกว่าจะเป็นงานที่ทำขึ้นเพียงชิ้นเดียว
นอกจากนี้ เธอยังเคยเสนอแนวคิดร่วมกับ แม็กกี้ นีน (Maggie Neny) ว่านักออกแบบพรมผนังในยุคนั้นน่าจะใช้ “แม่แบบ” (templates) สำหรับลวดลายและภาพต่างๆ โดยวาดลงบนผืนผ้าลินินเพื่อเป็นแนวทางให้ช่างปักลงมือในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีของศาสตราจารย์แบลร์ที่มองว่าพรมผืนนี้อาจเป็นหนึ่งในหลายผืนที่ถูกสร้างขึ้น
ดร. อเล็กซานดรา เมคิน (Dr. Alexandra Makin) จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เมโทรโพลิแทน ผู้เชี่ยวชาญด้านงานปักยุคกลางตอนต้น และผู้เขียนหนังสือ The Lost Art of the Anglo-Saxon World ก็เห็นด้วยในภาพรวม เธออธิบายว่าแม้พรมผนังบาเยอจะเป็นงานปักที่สำคัญมาก แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า “พรมแขวนผนังที่เล่าเรื่อง” (storytelling wall hangings) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการรำลึกถึงวีรกรรมของบุคคลในครอบครัว
Oseberg tapestry.
ตัวอย่างเช่น พรมแขวนผนังเบิร์ธนอธ (Byrhtnoth wall hanging) ที่ภรรยาของเขาเอลฟ์เฟลด (Ælfflæd) และสตรีในครอบครัวร่วมกันทำขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเอิร์ลผู้กล้าหาญ และมอบให้แก่อารามที่เมืองอีลี หลังจากการเสียชีวิตของเขาในสมรภูมิมัลดอน (Battle of Maldon) ปี ค.ศ. 991 อีกทั้งในบทกวีของโบดรีแห่งบูร์เกย (Baudri of Bourgueil) ที่เขียนถึงอเดลาแห่งบลัวส์ (Adela of Blois) ลูกสาวของวิลเลียมผู้พิชิต ก็มีการบรรยายถึงพรมแขวนผนังสามผืน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายกับพรมผนังบาเยออย่างมาก
ดร. เมคินยังชี้ว่า วิธีการเล่าเรื่องของพรมผนังบาเยอทำให้นึกถึงผ้าทอ (woven tapestries) ที่พบในเรือฝังศพโอเซเบิร์ก (Oseberg ship burial) ในศตวรรษที่ 9 ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอุดมการณ์ของนักรบไวกิ้ง สิ่งนี้สะท้อนว่าพรมผนังบาเยอเป็นส่วนหนึ่งของขนบการเล่าเรื่องผ่านผืนผ้าที่มีมาอย่างยาวนานในยุโรปยุคกลาง
เธอสรุปว่า พรมผนังบาเยอถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของมัน วัสดุและฝีเข็มที่ใช้มีความโดดเด่น ทำงานได้รวดเร็ว ปกปิดเนื้อผ้าด้านหลังได้ง่าย และถูกสร้างมาเพื่อให้มองเห็นได้จากระยะไกล ไม่ใช่งานฝีมือที่ละเอียดประณีตเหมือนผ้าปักดิ้นทองหรือผ้าไหมในศตวรรษที่ 10 เช่นที่พบในสุสานของนักบุญคัธเบิร์ต (St Cuthbert) ที่อาสนวิหารเดอแรม แต่เป็นงานที่บรรลุเป้าหมายในการเล่าเรื่องอย่างยอดเยี่ยม และไม่ควรถูกเปรียบเทียบกับงานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
🏛️ เสียงค้าน: พรมผนังบาเยออาจเป็นงาน “ชิ้นเดียวในโลก”
แม้จะมีนักวิชาการบางส่วนเสนอว่าพรมผนังบาเยออาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายผืนที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนั้น แต่ศาสตราจารย์ไมเคิล ลูอิส (Professor Michael Lewis) ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์บริติช กลับไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีดังกล่าว เขาโต้แย้งว่าบทบาทสำคัญของบิชอปโอโดแห่งบาเยอ คือหลักฐานที่หนักแน่นที่สุดที่ชี้ให้เห็นว่าพรมผืนนี้เป็นผลงาน “ชิ้นเดียวในโลก”
ลูอิสอธิบายว่า จากข้อมูลในบันทึกดูมส์เดย์ (Domesday Book) ซึ่งเป็นการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งใหญ่ในยุคนอร์แมน พบว่าโอโดเป็นบุคคลที่มีรสนิยมทางวัฒนธรรมสูงและมีความมั่งคั่งมหาศาลเพียงพอที่จะอุปถัมภ์งานศิลปะขนาดมหึมาเช่นนี้ อีกทั้งตำแหน่งของเขาในฐานะเอิร์ลแห่งเคนต์ ยังทำให้สามารถเข้าถึงต้นฉบับหนังสือวิจิตร (Illuminated Manuscripts) อันล้ำค่า ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบพรมผืนนี้
Musée Tapisserie de Bayeux, © S.Maurice - Bayeux Museum
เขายังตั้งคำถามว่า พรมผืนนี้เคยถูกใช้งานตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิมจริงหรือไม่ นั่นคือการแห่ไปจัดแสดงตามสถานที่ต่างๆ เพื่อประกาศบทบาทของโอโดในการพิชิตอังกฤษ ช่วงเวลาที่คาดว่าพรมถูกสร้างขึ้น (ประมาณ ค.ศ. 1072–1077) อยู่ในบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อวิลเลียมผู้พิชิตเริ่มใช้ระบอบการปกครองที่เข้มงวดและกดขี่มากขึ้น แต่เรื่องราวในพรมกลับสะท้อนภาพ “ก่อนยุค 1070” ที่วิลเลียมยังพยายามโน้มน้าวชาวอังกฤษด้วยวิธีที่ประนีประนอม ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าพรมผืนนี้ “ไม่เคยถูกนำออกไปจัดแสดงเลย” และด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีใครคิดจะสร้างเลียนแบบ
อีกประเด็นที่ลูอิสชี้คือ “ขนาด” ของพรมที่ใหญ่โตมโหฬารและทรัพยากรที่ต้องใช้มหาศาล แม้วัสดุที่ใช้จะเรียบง่าย เช่น เส้นใยแฟลกซ์สำหรับผ้าลินิน ขนสัตว์สำหรับเส้นด้าย และสีย้อมจากพืช แต่ความยาวกว่า 70 เมตร (และอาจเคยยาวกว่านี้) แสดงให้เห็นถึงระดับทรัพยากรที่แตกต่างจากงานทั่วไป ทำให้การสร้างซ้ำหลายเวอร์ชันแทบเป็นไปไม่ได้
เขาสรุปว่า เรื่องนี้ยังไม่เคยมีการสำรวจเชิงวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังมาก่อน และการอนุรักษ์ครั้งใหญ่ที่กำหนดไว้ในปี ค.ศ. 2027 จะเป็นโอกาสสำคัญในการศึกษาวัสดุศาสตร์ของพรมผืนนี้อย่างละเอียด เพื่อไขความลับที่ยังคงซ่อนอยู่
💡 บันทึกประวัติศาสตร์ หรือโฆษณาชวนเชื่อของบิชอปโอโด?
หากทฤษฎีของศาสตราจารย์แบลร์มีน้ำหนักจริง ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการบังคับให้เราต้องพิจารณาพรมผนังบาเยอและสารที่มันสื่อในมุมมองใหม่โดยสิ้นเชิง ปัจจุบันพรมผืนนี้ถูกมองว่าเป็น “แหล่งข้อมูลหลัก” ที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำความเข้าใจเหตุการณ์การพิชิตอังกฤษของชาวนอร์แมนในปี ค.ศ. 1066
เรื่องเล่าที่พรมผนังบาเยอนำเสนอคือการเฉลิมฉลองชัยชนะของดยุควิลเลียม พร้อมทั้งแสดงท่าทีประนีประนอมต่อกษัตริย์แฮโรลด์ผู้พ่ายแพ้ และจงใจกีดกันบางมิติของเหตุการณ์ออกไป เช่น การรุกรานของฮาราลด์ ฮาร์ดราดา (Harald Hardrada) ทางตอนเหนือของอังกฤษก่อนศึกเฮสติงส์ ซึ่งเป็นการละเว้นที่ชัดเจนที่สุด เรื่องเล่านี้ได้ส่งอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อวิธีที่นักประวัติศาสตร์และสังคมร่วมสมัยตีความเหตุการณ์ในปี 1066
Odo of Bayeux
แต่หากพรมผืนนี้เป็นเพียงหนึ่งในพรมผนัง “หลายชิ้น” ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนั้น โดยแต่ละชิ้นมีรายละเอียดแตกต่างกัน นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้อง ทบทวนกรอบการตีความทางประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งหมด และตั้งคำถามว่า “ทำไมเวอร์ชันที่เหลือรอดมานี้ถึงเล่าเรื่องในลักษณะเฉพาะเช่นนี้” ความเป็นไปได้ที่พรมผืนนี้อาจไม่ใช่บันทึกประวัติศาสตร์ แต่เป็น “โฆษณาชวนเชื่อเวอร์ชันของบิชอปโอโด” จึงไม่อาจถูกมองข้าม
ศาสตราจารย์แบลร์สรุปว่า หากแนวคิดนี้เป็นจริง มันจะยิ่งเน้นย้ำถึงความซับซ้อนและความก้าวหน้าของชีวิตในศตวรรษที่ 11 ที่มีการผลิตงานปักขนาดใหญ่ในลักษณะกึ่งโรงงานอุตสาหกรรม และเมื่อเราพยายามทำความเข้าใจวัฒนธรรมทางวัตถุในยุคกลางตอนต้น เราต้องตระหนักเสมอว่าสิ่งที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบันเป็นเพียง “ตัวอย่างเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นตัวแทนทั้งหมด” ของสิ่งที่เคยมีอยู่จริง
🏡 บทเรียนจากพรมผนังบาเยอ สู่การตีความพงศาวดารไทย
กรณีการตีความใหม่ของพรมผนังบาเยอ สะท้อนกลับมายังประวัติศาสตร์ไทยได้อย่างน่าสนใจ เพราะในสังคมไทยเองก็มี พงศาวดารหลายฉบับ ที่บันทึกเหตุการณ์เดียวกัน แต่กลับมีรายละเอียดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ, ฉบับบริติชมิวเซียม, หรือ ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งแต่ละฉบับล้วนถูกเขียนขึ้นภายใต้วาระและมุมมองของผู้สนับสนุนที่แตกต่างกัน
การค้นพบทฤษฎีใหม่ๆ เช่นกรณีของพรมผนังบาเยอ ตอกย้ำให้เห็นว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ใช่ “ความจริงหนึ่งเดียว” หากแต่เป็น “เรื่องเล่า” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้มีอำนาจหรือผู้อุปถัมภ์ในแต่ละยุคสมัย สำหรับผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไทย จึงจำเป็นต้องตระหนักว่า ศิลาจารึกหรือพงศาวดารที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน อาจสะท้อนเพียงมุมมองของผู้ชนะ มากกว่าความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์
ในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจอดีตจึงไม่ควรยึดติดกับหลักฐานเพียงชิ้นเดียว แต่ควรอ่านและตีความจากหลักฐานหลายๆ แหล่งประกอบกัน เพื่อสร้างภาพอดีตที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ ซึ่งจะช่วยให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยมีความรอบด้านและใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
💬 ชวนคิดชวนคุย
คุณคิดว่าประวัติศาสตร์ที่เราเรียนรู้กันในปัจจุบัน ถูกกำหนดโดย "ข้อเท็จจริง" หรือถูกกำหนดโดย "สิ่งที่เหลือรอด" มาให้เราเห็น มากกว่ากันครับ?
มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ
📚 แหล่งอ้างอิง
1. Musgrove, D. (2025). The Bayeux Tapestry: a political football for 900 years. HistoryExtra.
2. HistoryExtra. (2019). The making of the Bayeux Tapestry: who made it, how long did it take, and how has it survived?. HistoryExtra.
3. Owen-Crocker, G. (2016). Making sense of the Bayeux Tapestry. Manchester University Press.
4. Makin, A. (2019). The Lost Art of the Anglo-Saxon World: The Sacred and Secular Power of Embroidery. Oxbow Books.
5. Owen-Crocker, G. (2012). The Bayeux Tapestry Collected Papers. Routledge.
6. Bridgeford, A. (2005). 1066: The Hidden History in the Bayeux Tapestry. Walker Books.
7. Otter, M. (2001). Baudri of Bourgueil, "To Countess Adela". The Journal of Medieval Latin.
🙏 สนับสนุนการสร้างสรรค์เนื้อหา
หากคุณชื่นชอบและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ความรู้ดีๆ แบบนี้ สามารถสนับสนุนผมได้ผ่านช่องทาง...
ขอบคุณจากใจครับ
โฆษณา