9 พ.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ

เมลาโทนิน ยานอนหลับที่ต้องระวัง

ใครที่เคยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ไม่ว่าจะนอนไม่หลับเรื้อรัง หรือต้องบินข้ามโซนเวลาจนเจ็ตแล็กเล่นงาน เชื่อว่าหลายคนคงเคยหยิบเมลาโทนินมาเป็นตัวช่วยให้หลับสบาย แต่ล่าสุดมีงานวิจัยที่น่าสนใจมาก ๆ ที่อาจทำให้เราต้องกลับมาทบทวนการใช้กันใหม่... งานนี้มีเรื่องให้คุยกันยาวแน่นอนครับ
คุณรู้ไหมว่า การนอนหลับไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่ทำให้เราเพลียจนตาเป็นหมีแพนด้าเท่านั้นนะครับ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจเขารู้กันดีว่า ปัญหาการนอนหลับที่ถูกรบกวนเนี่ย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ด้วย ดังนั้น การที่คนหันมาพึ่งเมลาโทนินเพื่อหวังจะ "ซื้อ" การนอนหลับที่ดี จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่คำถามที่ผมอยากชวนคุยวันนี้คือ ถ้าต้องกินไปนาน ๆ เพื่อให้หลับได้ทุกคืน... มันจะปลอดภัยกับหัวใจของเราจริง ๆ หรือเปล่า?
บทความนี้ ผมจะพาไปเจาะลึกผลการศึกษาล่าสุดที่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการแพทย์ พร้อมทั้งให้ข้อคิดและคำแนะนำจากมุมมองของเภสัชกรอย่างผม เพื่อให้คุณใช้เมลาโทนินได้อย่างเข้าใจและปลอดภัยที่สุดครับ
เมลาโทนิน... ฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างเองได้
ก่อนจะไปถึงเรื่องงานวิจัย เรามาทบทวนกันหน่อยครับว่าเจ้าเมลาโทนินนี่มันคืออะไรกันแน่?
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีต่อมไพเนียล (Pineal Gland) เป็นโรงงานผลิต มีหน้าที่เหมือน "สวิตช์ไฟ" ที่ควบคุมวงจรการนอนหลับและการตื่นของเรา หรือที่เรียกกันว่า "นาฬิกาชีวิต" (Circadian Rhythm)
ปกติแล้ว พอพระอาทิตย์ตกดิน โลกเริ่มมืด ระดับเมลาโทนินในร่างกายก็จะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น เป็นสัญญาณบอกสมองว่า "ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะ" ทำให้เรารู้สึกง่วงและคล้อยหลับไปเอง
แต่ถ้าเรามีปัญหา เช่น นอนไม่หลับ หรือต้องไปเจออาการเจ็ตแล็ก เราก็มักจะไปหา เมลาโทนินสังเคราะห์ ที่มีขายตามร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไปมาช่วยเสริม เพื่อให้ร่างกายได้รับสัญญาณ "ง่วง" ที่ชัดเจนขึ้นนั่นเองครับ
ผลวิจัยล่าสุด ตัวเลขที่ทำให้ต้อง "หันมามอง"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการนำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นในที่ประชุมของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association) ซึ่งเป็นการติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้ใหญ่ที่มีอาการนอนไม่หลับ และมีการใช้เมลาโทนินตามใบสั่งแพทย์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
ผลที่ออกมามันทำให้หลายคนตกใจครับ
• กลุ่มที่ใช้เมลาโทนินอย่างต่อเนื่อง (5 ปี) พบว่ามีอัตราการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) อยู่ที่ 4.6%
• กลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับที่ไม่ได้ใช้เมลาโทนิน พบอัตราการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวอยู่ที่ 2.7%
เห็นตัวเลขนี้แล้ว อย่าเพิ่งรีบโยนเมลาโทนินทิ้งนะครับ ในฐานะเภสัชกร ผมอยากให้คุณใจเย็น ๆ และมาดู "แผนสำรอง" ที่นักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเขามีความเห็นกันครับ
"อย่าเพิ่งตื่นตระหนก" เภสัชกรมีเหตุผลมาอธิบาย
Dr. Clyde Yancy และ Dr. Pratik Sandesara แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ได้ออกมาให้ข้อคิดเห็นที่สำคัญเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำกับทุกท่านครับ
1. งานวิจัยนี้เป็นแค่ "แผนที่" ไม่ใช่ "คำตัดสิน"
งานวิจัยนี้เป็นเพียง การศึกษาเชิงสังเกตการณ์ (Observational Study) ครับ เหมือนเรายืนดูคนสองกลุ่มจากระยะไกล แล้วจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เมลาโทนินเป็น "สาเหตุ" ที่ทำให้หัวใจล้มเหลว
Dr. Pratik Sandesara บอกไว้ชัดเจนว่า "เราไม่ควรตื่นตระหนกและบอกให้ผู้ป่วยหยุดใช้เมลาโทนินทั้งหมด" เพราะมันอาจเป็นไปได้ว่า อาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ต่างหากที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจ และผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็แค่บังเอิญใช้เมลาโทนินเพื่อรักษาอาการนั้น
1
2. ข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ และยังไม่ผ่าน "ด่านอรหันต์"
การศึกษานี้ยังเป็นเพียงการนำเสนอในที่ประชุม และ ยังไม่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ (Peer Review) ซึ่งเป็นเหมือน "ด่านอรหันต์" ที่จะตรวจสอบความถูกต้องของระเบียบวิธีวิจัยก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์
นอกจากนี้ ข้อมูลที่ใช้ก็ยังมีช่องโหว่ เช่น ไม่ได้ระบุปริมาณยาที่ใช้ และที่สำคัญคือ ในหลายประเทศ เมลาโทนินเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ซื้อได้เอง ทำให้เราไม่รู้เลยว่าผู้ที่ใช้จริง ๆ นั้นใช้ในปริมาณเท่าไหร่ และใช้ยี่ห้อไหน ซึ่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแต่ละยี่ห้อก็อาจจะ แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
คำแนะนำจากเภสัชกร ใช้ยาเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น!
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เภสัชกรอย่างผมอยากจะย้ำเตือน ก็คงหนีไม่พ้นหลักการเดิม ๆ ที่ว่า "ใช้ยาเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น" ครับ
1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ
หากคุณใช้เมลาโทนินมานานแล้ว หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประเมินความจำเป็นในการใช้ต่อ
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้เมลาโทนินใน ระยะสั้น เท่านั้น เช่น เพื่อปรับตัวจากอาการเจ็ตแล็ก ดร. แยนซี เน้นย้ำว่า "ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้คนควรใช้เมลาโทนินอย่างไม่มีกำหนด" ดังนั้น ถ้าคุณกินมาเป็นปีแล้ว... ถึงเวลาต้องคุยกับหมอหรือเภสัชกรแล้วนะครับ
2. สุขอนามัยการนอนหลับ แผน 1 ที่ดีที่สุด
การแก้ปัญหาการนอนหลับที่ดีที่สุดก็คือ "แผน 1" ที่เป็นธรรมชาติที่สุด นั่นคือ "สุขอนามัยการนอนหลับที่ดี" (Sleep Hygiene) ครับ
• ปิดไฟให้มืดสนิท จัดห้องนอนให้มืด เงียบ และเย็นสบาย
• หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าก่อนนอน ใครที่ชอบไถมือถือก่อนนอน จัดว่าผิดเต็ม ๆ แสงสีฟ้าจากหน้าจอจะไป กดระดับเมลาโทนินตามธรรมชาติ ของร่างกายลงอย่างมาก ทำให้คุณหลับยากขึ้นไปอีก
• เข้านอนให้เป็นเวลา พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อฝึกนาฬิกาชีวิตให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าให้ความกังวลมาทำลายการนอนหลับของคุณ
งานวิจัยนี้เป็นเหมือน "สัญญาณเตือน" ที่ดีครับ มันทำให้เราต้องกลับมาใส่ใจกับการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างมีสติมากขึ้น และให้ความสำคัญกับสุขภาพหัวใจไปพร้อม ๆ กัน
จำไว้เสมอว่า การนอนหลับที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากเม็ดสีขาว ๆ แต่มาจาก พฤติกรรมที่ดี ของตัวเราเองครับ การปรับพฤติกรรมการนอนหลับให้ดีขึ้นจึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและหัวใจของคุณครับ
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเภสัชกรใกล้บ้านคุณนะครับ
อ้างอิง
1. Lauran Neergaard. A study questions melatonin use and heart health but don't lose sleep over it. The Associated Press. November 8, 2025.
2. Ekenedilichukwu Nnadi et al. Abstract 4371606: Effect of Long-term Melatonin Supplementation on Incidence of Heart Failure in Patients with Insomnia. Circulation (2025). DOI: 10.1161/circ.152.suppl_3.4371606.
โฆษณา