13 พ.ย. เวลา 03:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

ทำไมเราถึง “กลัว” เมื่อต้องพูดบนเวที เผยวิทยาศาสตร์ของอาการประหม่า

ใครที่เป็นคนขี้อายต้องเคยมีประสบการณ์แบบนี้กันบ้างแหละนะ กำลังจะเดินขึ้นไปพูดหน้าชั้นเรียนหรือในที่ประชุม แล้วจู่ๆ หัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้น มือเริ่มสั่น ปากเริ่มแห้ง แถมสมองเริ่มว่างเปล่าสิ่งที่จำมามันเริ่มหายไปหมดเลย แย่แล้วหละสิ 😱
ถ้าคำตอบคือ “ใช่” วันนี้ผมมีข่าวดีมาบอก เพราะคุณไม่ได้ผิดปกติอะไรเลยอาการนี้เรียกว่า “ประหม่า”
วันนี้เราเลยจะมาไขความลับของ “ความประหม่า” กันแบบจริงจัง ด้วยศาสตร์ด้านสมองและจิตวิทยา
ไม่ใช่แค่วิธีการบรรเทาอาการนะ แต่เราจะมาเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับความตื่นเต้น “ให้กลายเป็นเพื่อนซี้กัน”
2
  • 🔬ความตื่นเต้นเกิดจากไหน? สมองเราทำอะไรอยู่?
รู้ไหมว่า 40% ของคนทั้งโลกนั้น “กลัวการพูดต่อหน้าคนเยอะ” หรือเราเรียกกันว่า “Glossophobia” ซึ่งถือเป็นอาการกลัวทางสังคมที่จัดว่าพบบ่อยที่สุดแล้วด้วย เป็นไงโล่งใจไปหน่อยใช่มั้ย เพราะนี่มันคือเรื่องปกติของมนุษย์เรานั่นเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก
1
มาไขคำตอบกันหน่อยว่าความกลัวทางสังคมนี้เริ่มต้นมาจากไหน?
1
ถ้าหากลองจินตนาการย้อนกลับไปยุคถ้ำโบราณ ในยุคสมัยที่มนุษย์เรายังไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ยังคงใช้ชีวิตที่หวาดระแวง ต้องเอาชีวิตรอดไปวันๆ
ทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์ถ้ำโบราณเลือกการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพราะหากมนุษย์อยู่ในกลุ่มก็เท่ากับการอยู่รอด เพราะมีคนในกลุ่มคอยช่วยเหลือกัน
แต่ถ้าหากมนุษย์ถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม (เธอออกจากกลุ่มเราไป) นั่นอาจทำให้มนุษย์คนนั้นรู้สึกว่า “ไม่มีใครต้องการฉันเลย ฉันต้องตายแน่ๆ”
ทีนี้เราลองย้อนกลับมาในปัจจุบันเมื่อเวลาคุณต้องยืนอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ สมองส่วนลึก (Amygdala) มันจะเริ่มคิดว่า “เฮ้ย! เรากำลังถูกประเมินจากผู้คนจำนวนมากอยู่ ถ้าเราทำพลาดอาจโดนไล่ออกจากกลุ่มได้”
ใช่แล้วครับ แม้ในยุคนี้จะไม่มีเสือเขี้ยวดาบ หรือ สิงโตวิ่งไล่ตะครุบกินเราอยู่แล้ว
แต่สมองของเราที่สืบทอดส่งต่อผ่านยีนส์ของมนุษย์ยุคโบราณมาจนถึงปัจจุบัน
“ก็ยังคิดว่าการถูกตัดออกจากสังคม” เท่ากับอันตรายอยู่ดี
2
นี่คือสัญชาตญาณโบราณที่ฝังรากลึกในสมองของเรามาตั้งแต่บรรพบุรุษครับ
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในร่างกาย?
เมื่อสมองมีการสั่งแจ้งเตือนภัยเกิดขึ้น ระบบ “ต่อสู้ หรือ วิ่งหนี” ก็จะถูกเปิดใช้งานทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
- คอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนความเครียดจะหลั่งออกมาอย่างเต็มที่เพื่อมาช่วยให้ร่างกายรับมือกับภัยคุกคามในระยะยาว ซึ่งนี่เองที่ทำให้เราอาจรู้สึกเครียดและล้าหลังจากพูดต่อหน้าสาธารณะจบ
1
- สารอะดรีนาลีน (Adrenaline) หลังออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจเต้นเร็วและรัวขึ้น เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อใหญ่ เพื่อที่จะเตรียมตัว “ต่อสู้ หรือ วิ่งหนี”
- สมองส่วนหน้าหยุดทำงาน (Prefrontal Cortex Shutdown) ดร. ไมเคิล ดีจอร์เจีย นักประสาทวิทยาจากสถาบันโรงพยาบาล Case Western University ได้อธิบายว่า เมื่อความเครียดของคนเราพุ่งสูงขึ้น สมองส่วนหน้า (Frontal Lobe) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดลำดับความคิด การจำข้อมูล และการใช้ภาษาคำพูดที่ซับซ้อน จะทำงานลดลง
นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “สมองโล่ง” หรือ “ลืมบท” ไปชั่วขณะนั่นเอง
🛡️แล้วเราสามารถที่จะเอาชนะความตื่นเต้นได้อย่างไร?
เรามีเทคนิคดีๆที่ได้ผลแน่นอนมาให้ลองทำเหมือนกัน
1. เตรียมตัวให้เกินพอดี (200% ย่อมดีกว่า 100%)
ไม่มีอะไรจะมาทดแทนการเตรียมตัวที่ดีได้ นี่คือยาแก้พิษอันดับหนึ่งเลยครับ
เมื่อคุณมีการเตรียมตัวมาดี ความมั่นใจจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เพราะคุณจะรู้ว่าคุณรู้เรื่องนั้นจริงๆ
เคล็ดลับ : ฝึกซ้อมจนเนื้อหาซึมเข้าไปในตัว จนคุณพูดได้โดยไม่ต้องดูสไลด์ประกอบ ให้จำไว้ว่า คนในห้องส่วนใหญ่อยากให้คุณทำได้ดี พวกเขาสนใจเนื้อหามากกว่าการจับผิดความประหม่าของคุณ
ความตื่นเต้นที่คุณรู้สึกส่วนใหญ่มันอยู่ในหัวของคุณเท่านั้นเอง
ผู้ฟังไม่ได้เห็นมันมากขนาดที่คุณคิดหรอกนะ คุณอย่าคิดมากไปเอง
1
2. อย่าลืมที่จะหายใจให้ถูกวิธี
การหายใจคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการสั่งสมอง
มันช่วยกระตุ้น GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยยับยั้งความกังวลได้
เพราะหลายคนลืมสังเกตตัวเอง เวลาตื่นเต้นก็มักจะลืมหายใจไปอัตโนมัติ
2
ลองฝึกแบบนี้ดูซิ : หายใจแบบ 4-7-8
หายใจเข้าทางจมูก 4 วินาที กลั้นหายใจไว้ 7 วินาที หายใจออกทางปาก 8 วินาที
การหายใจจากท้อง เน้นให้ท้องป่องตอนหายใจเข้า (ไม่ใช่แค่หน้าอก)
วิธีนี้ช่วยสงบระบบประสาทได้อย่างเห็นผลจริงๆ
เคล็ดลับระดับโปร เมื่อยืนอยู่หน้าเวที อย่าเพิ่งรีบพูด ให้ หยุดนิ่ง 3 วินาที ยิ้มให้ผู้ฟัง หายใจลึก ๆ หนึ่งครั้ง นี่คือการสั่งสมองว่า 'ฉันควบคุมสถานการณ์นี้ได้แล้ว' ก่อนที่คุณจะเปล่งคำแรกออกมา"
3. สร้างความมั่นใจให้ตนเอง
เราต้อง Hack สมองด้วยพลังเชิงบวก คุณสามารถเพิ่มมันได้ด้วยเทคนิคง่ายๆแบบนี้
1
ก่อนขึ้นเวที 2 นาทีลองยืนท่าซูเปอร์ฮีโร่ดูสิ ยืนขากว้าง กางแขน หรือยืดอก
ให้นึกถึงท่ายิงฟรีคิกของ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้”
งานวิจัยพบว่าการทำท่านี้สามารถลดฮอร์โมนคอร์ติซอลและเพิ่มฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกกล้าหาญได้จริง
ไม่แปลกใจที่ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ตั้งท่าแบบนี้ก่อนยิงลูกฟรีคิกอยู่เสมอ
อีกวิธีคือเลือกฟังเพลงที่คุณชอบและรู้สึกมีพลัง ก่อนการพูด มันช่วยปรับอารมณ์ให้พร้อมได้ดี หรือวิธีการพูดกับตัวเองในเชิงบวก เปลี่ยนความคิดเชิงลบเป็นเชิงบวก
❌ "ฉันตายแน่ๆ ฉันพูดไม่ได้แน่เลย"
✅ "ฉันเตรียมตัวมาดี ไม่มีใครทำอะไรฉันได้ และความตื่นเต้นนี้คือพลังงานที่ฉันจะใช้!"
4. แยกตัวออกจาก Loop เชิงลบ
เคยกันไหม? ยิ่งกลัว มือก็ยิ่งสั่น นี่คือ Feedback Loop เชิงลบ
แต่ก็มีวิธีแก้ไขนะ
ให้ยอมรับมัน บอกตัวเองว่า “โอเค ร่างกายฉันกำลังทำงาน ฉันรู้สึกใจเต้น มันเป็นเรื่องปกติ” จะได้เปลี่ยนโฟกัส ดึงความสนใจกลับไปที่คุณค่าของเนื้อหาที่คุณกำลังจะพูดแทน
ใช้พลังงานให้เป็นประโยชน์ อะดรีนาลีนที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่ใช่เรื่องร้าย
เปลี่ยนมันเป็นความกระตือรือร้นและการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติบนเวที
คุณจะดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากขึ้นเลย
🔥 สรุปเลยก็คือ
ความตื่นเต้นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนอ่อนแอ หรือไม่เก่ง แต่มันเป็นแค่ธรรมชาติของมนุษย์ที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่ยุคโบราณจนปัจจุบัน และที่จริงแล้ว มันคือเชื้อเพลิงที่ทรงพลังที่สุดด้วยซ้ำ
เมื่อคุณเข้าใจวิทยาศาสตร์เบื้องหลังแล้ว บวกกับฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถเปลี่ยนความตื่นเต้นให้กลายเป็นพลังงานบวก เป็นความมั่นใจ ที่ทำให้การนำเสนอของคุณยอดเยี่ยมขึ้นแน่นอน
จำไว้นะว่าทุกคนเคยประหม่า แม้แต่นักพูดมืออาชีพ ความแตกต่างคือ พวกเขารู้วิธีใช้ความตื่นเต้นนั้นให้เป็นประโยชน์ เอาหละถึงเวลาที่คุณจะเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้าได้แล้ว 💪✨
ใครมีเทคนิคดดีๆที่ช่วยให้หายตื่นเต้นในที่สาธารณะก็มาคอมเมนต์บอกกันหน่อยนะ
เพื่อนรออ่านกันอยู่
📊ชวนตอบแบบสำรวจประสบการณ์การใช้งานแอปฯ Blockdit
ใช้เวลาไม่นาน 1 - 2 นาทีเท่านั้นเอง
📌 ทำแบบสำรวจ 👉 https://bit.ly/4iTuZtx
⭐️โปรโมตแบรนด์ให้ตรงเป้า เข้าถึงคนจริง แบบมีคุณภาพ บนแพลตฟอร์ม Blockdit
สนใจกรอกฟอร์ม 📲 https://bit.ly/497KSYM

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา